นั่งส้วม เสี่ยงติดโรค ฝีดาษลิง จริงหรือไม่ ล่าสุดมีคำตอบ!
ซึ่งคำถามนี้กระตุ้นให้มีการทบทวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิธีการแพร่เชื้อของไวรัสฝีดาษลิงระหว่างคนสู่คน
ทาง ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ได้อธิบายว่า ผิวหนังปกติของคนเราจะเป็นปราการด่านแรกและด่านสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อจากบรรดาจุลชีพ รวมทั้ง ไวรัสฝีดาษลิง จากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้
สังเกตจากการ ปลูกฝี ในอดีตที่ใช้เชื้อ ไวรัสฝีดาษม้า " vaccinia virus" (ซึ่งเดิมเราเข้าใจกันว่าเป็นเชื้อไวรัสฝีดาษวัว) มาปลูกฝี ต้องใช้วัตถุมีคม เช่น มีดปลายแหลม หรือ เข็ม มากรีด หรือขีดข่วนผิวหนังบริเวณต้นแขนให้เกิดแผล (เลือดไหล) ก่อนหยดหนองฝีจากสัตว์ลงไปเพื่อช่วยให้ไวรัสเชื้อเป็นในหนองฝีเข้าสู่ผิวหนังและเพิ่มจำนวนกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้
นอกจากนี้เพจยังได้เขียนเล่า ประสบการณ์ตรงในอดีตที่เคยถูกปลูกฝีร่วมกับเพื่อนในชั้น เพื่อนหลายคนปลูกฝีไม่ขึ้น (ไม่เกิดแผลเป็น) ต้องมาปลูกฝีซ้ำกันอีกรอบ แสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อไวรัสฝีดาษผ่านทางผิวหนังไม่ได้เกิดขึ้นได้โดยง่าย! เว้นแต่ผิวหนังบริเวณนั้นมีรอยถลอก หรือเป็นแผลสด ขนาดผิวหนังมีรอยถลอก หรือแผลไม่ลึกมากพอเชื้อไวรัสก็ไม่สามารถมาติดเราได้
จึงอาจพอตอบคำถามได้ว่าเป็นการ "ยากมาก" ที่เราจะติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงจากที่นั่งส้วม เว้นแต่เรามีแผลสดที่ก้น!
โรคฝีดาษลิง เป็นโรคติดต่อเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนังที่มีรอยถลอก หรือบาดแผลสด รวมทั้งสามารถเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุต่างๆ เช่นเยื่อบุในปาก เยื่อบุโพรงจมูก เยื่อบุดวงตา เยื่อบุช่องคลอด เยื่อบุทวารหนัก ฯลฯ โดยผ่านทางนิ้วมือ อวัยวะเพศ หรือวัตถุที่เป็นพาหะนำโรค(fomite) เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว เซ็กซ์ทอย (ที่เข้าผ่านช่องคลอด/รูทวาร) ใช้ร่วมกันโดยยังมิได้ชำระฆ่าเชื้อ
ในปี ค.ศ. 1798 หรือประมาณ "224 ปี" ที่ผ่านมา นพ. เอดเวิร์ด เจนเนอร์ ชาวอังกฤษได้เผยแพร่วิธีปลูกฝี โดยผู้ที่เข้ารับการปลูกฝี จะถูกกรีดบริเวณต้นแขนให้เกิดแผลสดก่อนการหยดหนองฝีจากสัตว์ลงไป (vaccination) พบว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษ (smallpox) ได้ตลอดชีวิต
ทั้ง 2 กรณีนี้กล่าวพิสูจน์ว่ามนุษย์เราสามารถติดเชื้อฝีดาษผ่าน รอยถลอก บาดแผลสด และเยื่อบุ (mucosal tissue) ในร่างกาย
จากการหาคำตอบก็สรุปได้ว่า การติดเชื้อฝีดาษลิงผ่านการนั่งส้วมนั้น เกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ หากบริเวณที่สัมผัสส้วมเกิดมีแผลสดนั่่นเอง