" นกกระดาษนั่นจะทำให้ฉันหายป่วยได้ ยังไง " ซาดาโกะถาม ชิซูโกะเพื่อนสนิทซึ่งมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลพร้อมด้วยนกกระเรียนที่พับขึ้นจากกระดาษสีทอง
" เธอจำตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับเรื่องนกกระเรียนไม่ได้หรือว่าเขาเชื่อกันว่า .. นกกระเรียนนั้นมีอายุถึงพันปี ถ้าหากว่าคนที่ป่วยสามารถพับนกกระเรียนได้ถึงพันตัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้คนนั้นกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง "
ชิชูโกะยื่นนกกระเรียนให้ซาดาโกะแล้วบอกว่า
" นี้คือนกกระเรียนตัวแรกของเธอ "
เด็กน้อยซาบซึ้งใจกับความปรารถนาดีของเพื่อน หลังจากนั้นซาดาโกะก็เริ่มต้นพับนกกระเรียนของเธอ พร้อม ๆ กับอธิษฐานว่า " ขอให้ฉันหายป่วย " แต่ซาดาโกะ ไม่หายจากอาการป่วยและไม่สามารถพับนกกระเรียนกระดาษได้ครบหนึ่งพันตัวนั่นคือ เรื่องราวของซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัวซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงไร เรื่องของเด็กผู้หญิงคนนี้กับสิ่งที่เธอทำก็ยังไม่เคยเลือนหายจากความทรงจำของผู้คนทั่วโลก
สำหรับคนไทยหลังจากที่รัฐบาลออกมาร้องขอให้ประชาชนร่วมใจกันพับนกกระดาษเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจสำหรับพี่น้องชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเพื่อขอให้สันติสุขกลับคืนสู่แผ่นดินอีกครั้ง นั้นจึงทำให้หลาย ๆคนอาจจะนึกถึงความเป็นมาของนกกระเรียนกระดาษและซาดาโกะอีกครั้งหนึ่ง
ซาดาโกะ ซาซากิ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2486 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 2488 ขณะที่ซาดาโกะได้ 2 ขวบ เครื่องบินของกองทัพสหรัฐอเมริกาก็ทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกลงมาที่เมืองฮิโรชิมา อีก 10 ปีให้หลัง ซาดาโกะก็กลายมาเป็นอีกคนหนึ่งที่เจ็บป่วยด้วยอาการโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ซึ่งเป็นพิษภัยจากระเบิดนิวเคียร์นั่นเอง หลังจากที่ต้องต่อสู่กับโรคร้ายนี้อยู่นาน 8 เดือนเด็กหญิงซาดาโกะก็เสียชีวิตลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2496 ขณะอายุได้ 12 ปี
เมื่อเด็กน้อยผู้ร่าเริงคนที่ต้องตั้งความหวังว่าจะเป็นนักวิ่งที่เก่งกาจต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ซาดาโกะต่อสู่กับโรคร้ายด้วยความเข้มแข็ง ในจิตใจของเธอเปี่ยมด้วยความหวังว่าตัวเองจะต้องหายจากอาการป่วย เธอมุ่งมั่นที่จะพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบหนึ่งพันตัวตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นโบราณที่เล่าขานต่อ ๆ มา
เด็กหญิงซาดาโกะเสียชีวิตขณะที่เธอพับนกกระเรียนได้ 544 ตัว ในวันประกอบพิธีศพ เพื่อน ๆ ของเธอร่วมกันพับอีก 365 ตัว ให้ครบหนึ่งพันแล้วจะนำไปฝังพร้อมกับร่างของซาดาโก
อาจจะด้วยสิ่งที่เพื่อน ๆ ช่วยกันทำนั่นเอง จึงช่วยให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริงได้ เพราะจนถึงวันนี้ซาดาโกะก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในหัวใจของผู้คนทั่วโลกเสมอมา ในปี 2501 อนุสาวรีย์ของซาดาโกะก็สร้างสำเร็จและนำไปตั้งไว้ที่สวนสันติภาพของเมืองฮิโรชิมา รูปปั้นที่สร้างจากหินแกรนิตเป็นรูปของเด็กหญิงซาดาโกะยืนอยู่บนสวรรค์ ในมือที่เหยียดชูขึ้นสูงเป็นรูปนกกระเรียนสีทองอนุสาวรีย์ของซาดาโกะนี้ไม่เพียงเพื่อซาดาโกะ แต่เพื่อเธอเป็นอนุสรณ์ให้ชาวโลกตระหนักถึงพิษภัยของสงครามทุกปี เมื่อถึงวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งนับเป็นวันสันติภาพผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมาพร้อมกับนกกระเรียนกระดาษมาวางไว้หน้ารูปปั้นของซาดาโกะเพื่อระลึกถึงเธอ และเพื่อภาวนาให้สันติภาพเกิดขึ้นในโลก
เรื่องราวของซาดาโกะถูกนำเสนอผ่านหนังสือ และสื่ออื่น ๆ แต่ที่เป็นที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุด คือหนังสือเรื่องซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว หรือ sadako and the Thousand paper Cranes ของ อีลวีนอร์ โคเออร์ สตรีชาวแคนนาดา ผู้ลุ่มหลงวัฒนธรรมของญี่ปุนอย่างยิ่ง โคเออร์เขียนเรื่อราวของซาดาโกะขึ้นจากหนังสือชื่อ โคเออร์ ซึ่งเพื่อนนักเรียนของซาดาโกะนำจดหมายและบันทึกของเธอมารวมเป็นเล่มวรรณกรรมเรื่อง ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว ตีพิมพ์ครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาในปี 2520 ปัจจุบันถูกตีพิมพ์เป็นภาษาต่าง ๆ มากมาย
วรรณกรรมเรื่องซาดาโกะกับนกกระเรียน พันตัวกลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนไตระหนักถึงพิษภัยของสงครามและทำให้การพับนกกระเรียนกระดาษ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเป็นการอธิฐานเพื่อให้ผู้คนหายจากอาการเจ็บป่วยรวมทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งการเรียกร้องหาสันติภาพอีกนัยหนึ่งด้วย
สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ไปเยือนอนุสาวรีย์ของซาดาโกะที่สวนสันติภาพของเมืองฮิโรชิมามาก็จะได้พบว่า มีถ้อยจำกินใจจารึกไว้ที่ฐานของรูปปั้นว่า " นี่คือ คำร้องขอของเรา นี่คือ คำภาวนาของเรา สันติภาพจงบังเกิดขึ้นบนโลก .."
ในเดือนตุลาคมของปีหน้า จะเป็นวันครบรอบ 50 ปีที่ซาดาโกะได้จากโลกนี้ไป แต่ดูเหมือนว่าคำปรารถนาของเธอและเพื่อน ๆ รวมทั้งผู้รักความสงบสุขทั้งหลายยังไม่อาจเป็นความจริงได้ เมื่อสันติภาพที่ร้องขอและภาวนาให้บังเกิดยังมาไม่ถึง และสงครามยังมี่อยู่ทุกมุมโลก
เรื่องราวของซาดาโกะและนกกระเรียนพันตัว จึงไม่เคยถูกลืมเลือน
..... และชาวโลกจะต้องพับนกกระเรียนกระดาษอีกกี่ตัวคำอธิษฐานจึงจะเป็นจริง ....
" เธอจำตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับเรื่องนกกระเรียนไม่ได้หรือว่าเขาเชื่อกันว่า .. นกกระเรียนนั้นมีอายุถึงพันปี ถ้าหากว่าคนที่ป่วยสามารถพับนกกระเรียนได้ถึงพันตัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้คนนั้นกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง "
ชิชูโกะยื่นนกกระเรียนให้ซาดาโกะแล้วบอกว่า
" นี้คือนกกระเรียนตัวแรกของเธอ "
เด็กน้อยซาบซึ้งใจกับความปรารถนาดีของเพื่อน หลังจากนั้นซาดาโกะก็เริ่มต้นพับนกกระเรียนของเธอ พร้อม ๆ กับอธิษฐานว่า " ขอให้ฉันหายป่วย " แต่ซาดาโกะ ไม่หายจากอาการป่วยและไม่สามารถพับนกกระเรียนกระดาษได้ครบหนึ่งพันตัวนั่นคือ เรื่องราวของซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัวซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงไร เรื่องของเด็กผู้หญิงคนนี้กับสิ่งที่เธอทำก็ยังไม่เคยเลือนหายจากความทรงจำของผู้คนทั่วโลก
สำหรับคนไทยหลังจากที่รัฐบาลออกมาร้องขอให้ประชาชนร่วมใจกันพับนกกระดาษเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจสำหรับพี่น้องชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเพื่อขอให้สันติสุขกลับคืนสู่แผ่นดินอีกครั้ง นั้นจึงทำให้หลาย ๆคนอาจจะนึกถึงความเป็นมาของนกกระเรียนกระดาษและซาดาโกะอีกครั้งหนึ่ง
ซาดาโกะ ซาซากิ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2486 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 2488 ขณะที่ซาดาโกะได้ 2 ขวบ เครื่องบินของกองทัพสหรัฐอเมริกาก็ทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกลงมาที่เมืองฮิโรชิมา อีก 10 ปีให้หลัง ซาดาโกะก็กลายมาเป็นอีกคนหนึ่งที่เจ็บป่วยด้วยอาการโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ซึ่งเป็นพิษภัยจากระเบิดนิวเคียร์นั่นเอง หลังจากที่ต้องต่อสู่กับโรคร้ายนี้อยู่นาน 8 เดือนเด็กหญิงซาดาโกะก็เสียชีวิตลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2496 ขณะอายุได้ 12 ปี
เมื่อเด็กน้อยผู้ร่าเริงคนที่ต้องตั้งความหวังว่าจะเป็นนักวิ่งที่เก่งกาจต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ซาดาโกะต่อสู่กับโรคร้ายด้วยความเข้มแข็ง ในจิตใจของเธอเปี่ยมด้วยความหวังว่าตัวเองจะต้องหายจากอาการป่วย เธอมุ่งมั่นที่จะพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบหนึ่งพันตัวตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นโบราณที่เล่าขานต่อ ๆ มา
เด็กหญิงซาดาโกะเสียชีวิตขณะที่เธอพับนกกระเรียนได้ 544 ตัว ในวันประกอบพิธีศพ เพื่อน ๆ ของเธอร่วมกันพับอีก 365 ตัว ให้ครบหนึ่งพันแล้วจะนำไปฝังพร้อมกับร่างของซาดาโก
อาจจะด้วยสิ่งที่เพื่อน ๆ ช่วยกันทำนั่นเอง จึงช่วยให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริงได้ เพราะจนถึงวันนี้ซาดาโกะก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในหัวใจของผู้คนทั่วโลกเสมอมา ในปี 2501 อนุสาวรีย์ของซาดาโกะก็สร้างสำเร็จและนำไปตั้งไว้ที่สวนสันติภาพของเมืองฮิโรชิมา รูปปั้นที่สร้างจากหินแกรนิตเป็นรูปของเด็กหญิงซาดาโกะยืนอยู่บนสวรรค์ ในมือที่เหยียดชูขึ้นสูงเป็นรูปนกกระเรียนสีทองอนุสาวรีย์ของซาดาโกะนี้ไม่เพียงเพื่อซาดาโกะ แต่เพื่อเธอเป็นอนุสรณ์ให้ชาวโลกตระหนักถึงพิษภัยของสงครามทุกปี เมื่อถึงวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งนับเป็นวันสันติภาพผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมาพร้อมกับนกกระเรียนกระดาษมาวางไว้หน้ารูปปั้นของซาดาโกะเพื่อระลึกถึงเธอ และเพื่อภาวนาให้สันติภาพเกิดขึ้นในโลก
เรื่องราวของซาดาโกะถูกนำเสนอผ่านหนังสือ และสื่ออื่น ๆ แต่ที่เป็นที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุด คือหนังสือเรื่องซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว หรือ sadako and the Thousand paper Cranes ของ อีลวีนอร์ โคเออร์ สตรีชาวแคนนาดา ผู้ลุ่มหลงวัฒนธรรมของญี่ปุนอย่างยิ่ง โคเออร์เขียนเรื่อราวของซาดาโกะขึ้นจากหนังสือชื่อ โคเออร์ ซึ่งเพื่อนนักเรียนของซาดาโกะนำจดหมายและบันทึกของเธอมารวมเป็นเล่มวรรณกรรมเรื่อง ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว ตีพิมพ์ครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาในปี 2520 ปัจจุบันถูกตีพิมพ์เป็นภาษาต่าง ๆ มากมาย
วรรณกรรมเรื่องซาดาโกะกับนกกระเรียน พันตัวกลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนไตระหนักถึงพิษภัยของสงครามและทำให้การพับนกกระเรียนกระดาษ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเป็นการอธิฐานเพื่อให้ผู้คนหายจากอาการเจ็บป่วยรวมทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งการเรียกร้องหาสันติภาพอีกนัยหนึ่งด้วย
สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ไปเยือนอนุสาวรีย์ของซาดาโกะที่สวนสันติภาพของเมืองฮิโรชิมามาก็จะได้พบว่า มีถ้อยจำกินใจจารึกไว้ที่ฐานของรูปปั้นว่า " นี่คือ คำร้องขอของเรา นี่คือ คำภาวนาของเรา สันติภาพจงบังเกิดขึ้นบนโลก .."
ในเดือนตุลาคมของปีหน้า จะเป็นวันครบรอบ 50 ปีที่ซาดาโกะได้จากโลกนี้ไป แต่ดูเหมือนว่าคำปรารถนาของเธอและเพื่อน ๆ รวมทั้งผู้รักความสงบสุขทั้งหลายยังไม่อาจเป็นความจริงได้ เมื่อสันติภาพที่ร้องขอและภาวนาให้บังเกิดยังมาไม่ถึง และสงครามยังมี่อยู่ทุกมุมโลก
เรื่องราวของซาดาโกะและนกกระเรียนพันตัว จึงไม่เคยถูกลืมเลือน
..... และชาวโลกจะต้องพับนกกระเรียนกระดาษอีกกี่ตัวคำอธิษฐานจึงจะเป็นจริง ....
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
