ผู้ประท้วงในฮ่องกงออกมาเดินขบวนต่อต้านร่าง กม. ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ผู้คนหลายแสนคนในฮ่องกงออกมาเดินขบวนต่อต้านร่างกฎหมายที่ผู้ไม่เห็นด้วยเกรงว่า จะเปิดโอกาสให้จีนใช้กำจัดศัตรูทางการเมืองที่อยู่ในฮ่องกง 

รัฐบาลฮ่องกง ระบุว่า ในเนื้อหาของร่างกฎหมายมีการคุ้มครองอยู่หลายเรื่อง และจะเป็นการอุดช่องโหว่ต่าง ๆ

ผู้จัดงานระบุว่า มีผู้ประท้วงราว 1 ล้านคน ซึ่งจะทำให้เป็นการเดินขบวนประท้วงที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้แก่จีนในปี 1997 ส่วนตำรวจระบุว่า ช่วงที่มีผู้ประท้วงมากที่สุด มีจำนวน 240,000 คน 

นางแครี แลม ผู้นำของฮ่องกงได้ผลักดันให้มีการแก้ไขหลายอย่างเพื่อให้ผ่านร่างกฎหมายก่อนเดือน ก.ค. ผู้สนับสนุนระบุว่า ร่างกฎหมายนี้ได้มอบความคุ้มครองหลายเรื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองและศาสนา ถูกส่งตัวไปให้จีนแผ่นดินใหญ่ 

แต่ผู้ไม่เห็นด้วยบอกว่า ประชาชนในฮ่องกงจะต้องเผชิญกับระบบยุติธรรมที่บกพร่องอย่างมากของจีน และจะนำไปสู่การเซาะกร่อนความมี อิสระของฝ่ายตุลาการในฮ่องกง 

ผู้ประท้วง ซึ่งเดินขบวนท่ามกลางอากาศที่ร้อนในชุดสีขาว มาจากหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่นักธุรกิจ นักกฎหมาย ไปจนถึงนักศึกษา บุคคลผู้มีชื่อเสียงที่สนับสนุนประชาธิปไตย และกลุ่มศาสนาต่าง ๆ การเดินขบวนนี้โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นอย่างสันติ แม้จะมีการใช้สเปรย์พริกไทยกับผู้ประท้วงบางส่วน 

ตัวเลขที่ผู้จัดงานและตำรวจให้มา ไม่ตรงกัน เพราะว่ามีวิธีในการคำนวณฝูงชนต่างกัน โดยผู้จัดงานประเมินจำนวนคนที่ออกมาทั้งหมด แต่ตำรวจนับเฉพาะช่วงที่มีคนชุมนุมพร้อมกันสูงสุด 

"นี่เป็นการเผด็จศึกในฮ่องกง มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย นั่นคือเหตุผลที่ผมมา" ร็อกกี ชาง อาจารย์วัย 59 ปี กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ "นี่คือกฎหมายที่ชั่วร้าย" 

"เสียงของผู้คนไม่ได้รับการรับฟัง" อิวาน หว่อง นักศึกษาวัย 18 ปี กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี 

"ร่างกฎหมายนี้ จะไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบยุติธรรมของเราด้วย นั่นคือผลกระทบต่ออนาคตของผม"

มาร์ติน ยิป บีบีซีภาคภาษาจีน รายงานจากฮ่องกง  

การประท้วงนี้ดูเหมือนจะเป็นการประท้วงธรรมดาในฮ่องกง คือการเดินขบวนอย่างเป็นระเบียบและสันติ ผู้คนต่างช่วยเหลือกัน พวกเขาคอยพัดให้กัน ช่วยกันเข็นวีลแชร์ มีอาสาสมัครมาตั้งจุดเติมน้ำตามที่ต่าง ๆ ด้วย  

การเดินขบวนนี้ เป็นหนึ่งในการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในฮ่องกง นับตั้งแต่ แนวร่วมเคลื่อนไหวร่มเหลือง หรือ Umbrella Movement ในปี 2014 การเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง เผชิญกับความลำบากตั้งแต่นั้น เพราะผู้ประท้วงมักจะไม่ได้รับอนุญาตจากทางรัฐบาล หลังจากที่พวกเขายึดครองพื้นที่ใจกลางเกาะฮ่องกงมานาน 79 วัน

ประชาชนได้ส่งเสียงเรียกร้องแล้ว แต่รัฐบาลจะรับฟังหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 

การแก้ไขนี้จะเปิดโอกาสให้ทางการจีน ไต้หวัน และมาเก๊า ร้องขอการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กรณีมีผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญาต่าง ๆ เช่น ฆาตกรรมและข่มขืน 

จากนั้นมีการพิจารณาการร้องขอเป็นรายกรณี  เจ้าหน้าที่ทางการฮ่องกง ระบุว่า ศาลฮ่องกง จะเป็นผู้ตัดสินว่า จะส่งตัวผู้ต้องสงสัยให้ตามคำร้องขอหรือไม่ และผู้ต้องสงสัยในคดีการเมืองและศาสนาจะไม่ถูกส่งตัว 

รัฐบาลได้พยายามสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยการยอมอ่อนข้อให้หลายเรื่อง รวมถึง การรับปากว่า จะส่งตัวผู้ต้องสงสัยเฉพาะคดีที่มีโทษจำคุกสูงสุดอย่างน้อย 7 ปี เท่านั้น 

มีการต่อต้านของประชาชนจำนวนมาก และผู้ไม่เห็นด้วยระบุว่า ประชาชนจะเผชิญกับการถูกจับกุมคุมขังโดยพลการ การไต่สวนที่ไม่เป็นธรรม และการทรมานในระบบยุติธรรมของจีน 

ข้อเสนอล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากที่ ชายฮ่องกงวัย 19 ปี ถูกกล่าวหาว่าสังหารแฟนสาววัย 20 ปีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ขณะที่พวกเขาเดินทางไปเที่ยวไต้หวันด้วยกันในเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว ชายคนดังกล่าวได้หนีออกจากไต้หวัน กลับไปยังฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว 

เจ้าหน้าที่ทางการไต้หวัน ได้ขอให้ทางการฮ่องกงส่งตัวชายคนดังกล่าวมาให้ แต่เจ้าหน้าที่ทางการฮ่องกงระบุว่า พวกเขาไม่สามารถทำตามได้ เพราะไม่มีข้อตกลงส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับไต้หวัน 

แต่รัฐบาลไต้หวัน ระบุว่า ทางการไต้หวันจะไม่ขอให้มีการส่งตัวผู้ต้องสงสัยดังกล่าว ภายใต้ร่างกฎหมายที่แก้ไขใหม่ และได้เรียกร้องฮ่องกงให้แยกคดีนี้ออกมาจัดการต่างหาก 

ฮ่องกง อดีตอาณานิคมของอังกฤษ กึ่งปกครองตัวเอง ภายใต้หลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" หลังจากที่ถูกส่งมอบคืนให้แก่จีนในปี 1997 

ฮ่องกง มีกฎหมายของตัวเอง และผู้พักอาศัยในฮ่องกงมีสิทธิเสรีภาพหลายอย่าง ที่ประชาชนในจีนแผ่นดินใหญ่ไม่มี 

ฮ่องกงมีข้อตกลงส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับ 20 ประเทศ รวมถึง สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ แต่ไม่มีข้อตกลงดังกล่าวกับจีนแผ่นดินใหญ่ แม้ว่าจะมีการเจรจากันอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา 

ผู้ไม่เห็นด้วยเห็นว่า ความล้มเหลวดังกล่าว เป็นเพราะกฎหมายจีนขาดการคุ้มครองทางกฎหมายที่ดีพอแก่จำเลย