เปิดตำนาน ถ้ำกระบอก เรื่องที่หลายคนยังไม่รู้
สถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดชื่อดัง ที่หลายคนไปแล้วต้องกลัว!!
ถ้ำกระบอกเป็นที่รู้จักกันดียิ่งคนในสมัยก่อนนั้นถ้าพูดขึ้นก็ต้องร้องอ่อเลยทีเดียวเพราะเป็นสถานที่บำบัดยาเสพติดใครไปที่นั้นหายทุกคน บางคนไปก็กลัวที่จะเสียชีวิตเพราะมีเรื่องเล่าขานไม่รู้จบ แต่ปฐมบทแห่งบทโศลกแห่งชีวิตเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2497สถานบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยตั้งเงื่อนไขว่าผู้เข้ารักษาจะต้องเข้ารับสัจจะ ไม่สูบ ไม่เสพยาทุกชนิดโดยสมัครใจ และต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่ำ 15 วัน ไม่ก่อความวุ่นวายใดๆ ในสถานที่บำบัด และไม่อ้างสิทธิหรือความจำเป็นออกนอกบริเวณสถานบำบัด วันนี้เราจึงจะพาไปดูประวัติพอสังเขปของถ้ำกระบอกกัน
"ถ้ำกระบอก" จากเนื้อหาท่อนนี้ คราวนี้ต้องเลิกให้ได้ ถ้าเลิกไม่ได้ต้องตายแน่ๆ เลิกเสพติดเสียทีดีแท้ ติดไปจนแก่คงจะแย่สักวัน ท่อนฮุกสุดฮิตเพลง "เลิกให้ได้" ของวงเอราวัณ เป็นที่รู้จักของคนไทยในปี 2527 ควบคู่ไปกับสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก ที่หลายคนรู้จักกันดีว่าเป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดชื่อดัง ระยะทางกว่า 25 กิโลเมตร จากตัวเมืองสระบุรีไปตามถนนพหลโยธิน สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาโปร่งปราบ ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี วันนี้แตกต่างจากไปจากอดีตที่เป็นเพียงผืนดินรกร้างและภูเขาหิน ปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นศาสนสถานที่มั่นคงและสิ่งปลูกสร้างใหญ่โต
สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกมีความเป็นมาอย่างยาวนาน และมีเรื่องเล่าขานไม่รู้จบ แต่ปฐมบทแห่งบทโศลกแห่งชีวิตเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2497 พระสงฆ์ 7 รูปจากวัดคลองเม่าธรรมโกศล จ.ลพบุรี ธุดงค์ผ่านมาพบชาวบ้านกำลังเก็บขี้ค้างคาวอยู่บนถ้ำกระบอก เกิดพลาดท่าหินหล่นทับชาวบ้านคนหนึ่งจึงตรงเข้าช่วยเหลือระหว่างพระอาจารย์จำรูญ ปานจันทร์ (โสรัจกัสสปะ) และ พระอาจารย์เจริญ ปานจันทร์ ที่อยากจะให้พระสงฆ์อยู่ร่วมกับสังคม ช่วยพัฒนาสังคม จึงผุดขึ้นในใจของพระทั้ง 2 รูป หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ประกอบกับทำเลของเทือกเขาโปร่งปราบเหมาะต่อการอยู่ใกล้ชิดกับสังคม 3 ปีต่อมา อุบาสิกาเมี้ยน ปานจันทร์ จึงเริ่มดำเนินการ เมื่อเสียชีวิตลง พระอาจารย์จำรูญ ซึ่งเป็นหลานจึงเป็นผู้ปฏิบัติภารกิจสืบต่อมา
ต่อมาปี 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มีคำสั่งคณะปฏิวัติให้ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังให้หมดไปจากราชอาณาจักร มีการจับกุมคุมขังและลงโทษผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจัง ขัดแย้งกับความเห็นของพระอาจารย์จำรูญ ที่มองว่าการปราบปรามไม่สามารถกำจัดสิ่งเสพติดให้หมดไปได้ การลดละเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะต้องมาจากจิตใต้สำนึกของคนเป็นสำคัญ แม้จะใช้กำลังบังคับขู่เข็ญแค่ไหนก็ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ พระอาจารย์จำรูญจึงฝากข้อความไปถึงจอมพลสฤษดิ์ว่า "ปืนนั้นสู้บาตรไม่ได้หรอก จะเอาปืนไปปราบยาเสพติดก็ไม่ได้เช่นกัน"
เมื่อข้อความถูกส่งไปถึงจอมพลสฤษดิ์ สำนักสงฆ์แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดไปในทันใด โดย พล.อ.อ.ทวี จุลทรัพย์ ได้ซื้อที่ดิน 32 ไร่เศษถวาย เพื่อจัดสร้างสถานบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยตั้งเงื่อนไขว่าผู้เข้ารักษาจะต้องเข้ารับสัจจะ ไม่สูบ ไม่เสพยาทุกชนิดโดยสมัครใจ และต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่ำ 15 วัน ไม่ก่อความวุ่นวายใดๆ ในสถานที่บำบัด และไม่อ้างสิทธิหรือความจำเป็นออกนอกบริเวณสถานบำบัด
การรักษาจะเริ่มด้วยการช่วยเหลือทางกาย โดย 5 วันแรกจะได้รับการบำบัดด้วยการดื่มยาสมุนไพร กลายเป็นที่มาของภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เมื่อคนไข้ดื่มยาสมุนไพรแล้วดื่มน้ำตามเยอะๆ จนอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุง หลังจากนั้นจะถูกส่งไปห้องอบตัวสมุนไพร ประกอบด้วย ตะไคร้ ใบละหุ่ง หญ้าคา ผักบุ้ง ช่วยลดความตึงเครียดของประสาท และขับพิษออกจากร่างกาย
อีก 10 วันหลังคนไข้จะได้รับการรักษาทางจิตใจ พักฟื้น ปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้สามารถกลับเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ ด้วยวิธีการฟังธรรม กิจกรรมสันทนาการ ฝึกอาชีพ เป็นต้น นอกจากการรักษาแล้ว สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกยังมีกระบวนการหลังการบำบัด ด้วยการให้ทุนประกอบอาชีพ หลังออกไปอยู่ในสังคมปกติ โดยจะติดตามผลหลังการบำบัด
ด้วยการติดต่อผู้ที่จบการบำบัดทุก 3 เดือนจนครบ 1 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ติดยาสามารถเลิกเสพยาได้จริง "ทฤษฎีการรักษาผู้ป่วยยาเสพติดอยู่ที่หัวใจของผู้เสพเองว่าต้องการเลิกจริงจังแค่ไหน สถานบำบัดแห่งนี้มีผู้เลิกยาได้หลังจากเข้ารับการบำบัดถึง 85 เปอร์เซ็นต์" พระอาจารย์วิจิตร อัครจิตโต พระผู้ใหญ่ของสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก กล่าว
หลังจากถ้ำกระบอกเปิดเป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดอย่างจริงจัง มีผู้ป่วยได้รับการบำบัดจนหายสนิทรุ่นแล้วรุ่นเล่า ในที่สุดสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก โดยพระอาจาย์จำรูญ ปานจันทร์ จึงได้รับรางวัลแมกไซไซ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2518 จนกลายเป็นฉายาเรียกขานพระอาจารย์จำรูญว่า "หลวงพ่อแมกไซไซ"
ปี 2519-2520 ทางการไทยพบว่ามีการระบาดของยาเสพติดตามภูเขาสูงสู่พื้นราบ
ปัจจุบันถ้ำกระบอกผ่านหนาวผ่านร้อนมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ แม้สังคมไทยจะมีโครงการวิวัฒน์พลเมืองขึ้นมาช่วยบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จนชื่อสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคมและผู้คนรอบข้าง ทว่าในจิตใต้สำนึกและอุดมการณ์อันแน่วแน่ สำนักสงฆ์แห่งนี้ยังคงเดินตามรอยของพระอาจารย์จำรูญ ปานจันทร์ อย่างมั่นคง วันนี้ที่ถ้ำกระบอกยังมีเสียงอาเจียนโอ้กอ้าก เคล้าเสียงเพลงเลิกให้ได้ มีน้ำตาของผู้ทุกข์ทนจากยานรก มีรอยยิ้มแย้มของเหล่าผู้ชนะจากการฟันฝ่ามรสุมแห่งชีวิต มีมิตรไมตรีที่ภิกษุสงฆ์มอบให้แก่คนร่วมโลกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แม้ผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดจะแผกหน้าไปมาก ต่างไปจากอดีตก็เยอะ จากคนไทยหัวดำ ผิวเหลือง กลายมาเป็นฝรั่งตาน้ำข้าว ผิวขาว ผมทอง เสียเป็นส่วนใหญ่ก็เพราะความสำเร็จส่วนหนึ่งเกิดจากเว็บไซต์ของสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกถูกแปลและเผยแพร่ออกไปถึง 7 ประเทศ
แม้สำเนียงที่เปล่งออกมาจากปากของผู้หลงผิดจะผิดแผกไปบ้าง แต่เสียงหนึ่งซึ่งคล้ายคลึงกัน คือ จิตวิญญาณที่เพรียกร้องหาอิสรภาพจากสิ่งที่ตนเองเคยใหลหลง !?!"ไปไหนเขารู้กันทั่ว ถ้าขืนไปมั่วต้องช้ำจาบัลย์ เลิกเสพติดเสียทีทั่วกัน ถ้าเลิกไม่ได้นั้น ต้องตายแน่ๆ...เฮ้ย"
"สมพงษ์" วัย 29 ปี ผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดจากถ้ำกระบอก ถูกครอบครัวบังคับให้เข้ารับการบำบัดมาแล้วหลายแห่ง เมื่อกลับออกไปใช้ชีวิตภายนอกก็กลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ เพื่อนชักจูงและใจไม่เข้มแข็งเลยหวนกลับไปใช้ยาเสพติดอยู่เรื่อยๆกระทั่งไปบำบัดที่ถ้ำกระบอกด้วยความสมัครใจ ในที่สุดก็ผ่านวิกฤติชีวิตครั้งนั้นมาได้ด้วยดี !?!
เช่นเดียวกับ "เอกรินทร์" วัย 40 ปี ที่ไปเลิกเฮโรอีนที่ถ้ำกระบอกเมื่อ 10 ปีก่อน ยอมรับว่า ก่อนเข้ารับบำบัดคิดแล้วคิดอีกว่าจะไปบำบัดดีไหม เพราะเห็นภาพการทรมานจากการสำรอกยาจนเกิดอาการหวาดเสียว แต่พอเข้าไปแล้วรู้สึกว่าดี เพราะได้อยู่ใกล้พระ อยู่ใกล้ธรรมะ เมื่อคิดดี ทำดี ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี...
ถ้ำกระบอกเป็นที่รู้จักกันดียิ่งคนในสมัยก่อนนั้นถ้าพูดขึ้นก็ต้องร้องอ่อเลยทีเดียวเพราะเป็นสถานที่บำบัดยาเสพติดใครไปที่นั้นหายทุกคน บางคนไปก็กลัวที่จะเสียชีวิตเพราะมีเรื่องเล่าขานไม่รู้จบ แต่ปฐมบทแห่งบทโศลกแห่งชีวิตเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2497สถานบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยตั้งเงื่อนไขว่าผู้เข้ารักษาจะต้องเข้ารับสัจจะ ไม่สูบ ไม่เสพยาทุกชนิดโดยสมัครใจ และต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่ำ 15 วัน ไม่ก่อความวุ่นวายใดๆ ในสถานที่บำบัด และไม่อ้างสิทธิหรือความจำเป็นออกนอกบริเวณสถานบำบัด วันนี้เราจึงจะพาไปดูประวัติพอสังเขปของถ้ำกระบอกกัน
"ถ้ำกระบอก" จากเนื้อหาท่อนนี้ คราวนี้ต้องเลิกให้ได้ ถ้าเลิกไม่ได้ต้องตายแน่ๆ เลิกเสพติดเสียทีดีแท้ ติดไปจนแก่คงจะแย่สักวัน ท่อนฮุกสุดฮิตเพลง "เลิกให้ได้" ของวงเอราวัณ เป็นที่รู้จักของคนไทยในปี 2527 ควบคู่ไปกับสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก ที่หลายคนรู้จักกันดีว่าเป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดชื่อดัง ระยะทางกว่า 25 กิโลเมตร จากตัวเมืองสระบุรีไปตามถนนพหลโยธิน สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาโปร่งปราบ ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี วันนี้แตกต่างจากไปจากอดีตที่เป็นเพียงผืนดินรกร้างและภูเขาหิน ปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นศาสนสถานที่มั่นคงและสิ่งปลูกสร้างใหญ่โต
สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกมีความเป็นมาอย่างยาวนาน และมีเรื่องเล่าขานไม่รู้จบ แต่ปฐมบทแห่งบทโศลกแห่งชีวิตเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2497 พระสงฆ์ 7 รูปจากวัดคลองเม่าธรรมโกศล จ.ลพบุรี ธุดงค์ผ่านมาพบชาวบ้านกำลังเก็บขี้ค้างคาวอยู่บนถ้ำกระบอก เกิดพลาดท่าหินหล่นทับชาวบ้านคนหนึ่งจึงตรงเข้าช่วยเหลือระหว่างพระอาจารย์จำรูญ ปานจันทร์ (โสรัจกัสสปะ) และ พระอาจารย์เจริญ ปานจันทร์ ที่อยากจะให้พระสงฆ์อยู่ร่วมกับสังคม ช่วยพัฒนาสังคม จึงผุดขึ้นในใจของพระทั้ง 2 รูป หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ประกอบกับทำเลของเทือกเขาโปร่งปราบเหมาะต่อการอยู่ใกล้ชิดกับสังคม 3 ปีต่อมา อุบาสิกาเมี้ยน ปานจันทร์ จึงเริ่มดำเนินการ เมื่อเสียชีวิตลง พระอาจารย์จำรูญ ซึ่งเป็นหลานจึงเป็นผู้ปฏิบัติภารกิจสืบต่อมา
ต่อมาปี 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มีคำสั่งคณะปฏิวัติให้ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังให้หมดไปจากราชอาณาจักร มีการจับกุมคุมขังและลงโทษผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจัง ขัดแย้งกับความเห็นของพระอาจารย์จำรูญ ที่มองว่าการปราบปรามไม่สามารถกำจัดสิ่งเสพติดให้หมดไปได้ การลดละเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะต้องมาจากจิตใต้สำนึกของคนเป็นสำคัญ แม้จะใช้กำลังบังคับขู่เข็ญแค่ไหนก็ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ พระอาจารย์จำรูญจึงฝากข้อความไปถึงจอมพลสฤษดิ์ว่า "ปืนนั้นสู้บาตรไม่ได้หรอก จะเอาปืนไปปราบยาเสพติดก็ไม่ได้เช่นกัน"
เมื่อข้อความถูกส่งไปถึงจอมพลสฤษดิ์ สำนักสงฆ์แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดไปในทันใด โดย พล.อ.อ.ทวี จุลทรัพย์ ได้ซื้อที่ดิน 32 ไร่เศษถวาย เพื่อจัดสร้างสถานบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยตั้งเงื่อนไขว่าผู้เข้ารักษาจะต้องเข้ารับสัจจะ ไม่สูบ ไม่เสพยาทุกชนิดโดยสมัครใจ และต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่ำ 15 วัน ไม่ก่อความวุ่นวายใดๆ ในสถานที่บำบัด และไม่อ้างสิทธิหรือความจำเป็นออกนอกบริเวณสถานบำบัด
การรักษาจะเริ่มด้วยการช่วยเหลือทางกาย โดย 5 วันแรกจะได้รับการบำบัดด้วยการดื่มยาสมุนไพร กลายเป็นที่มาของภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เมื่อคนไข้ดื่มยาสมุนไพรแล้วดื่มน้ำตามเยอะๆ จนอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุง หลังจากนั้นจะถูกส่งไปห้องอบตัวสมุนไพร ประกอบด้วย ตะไคร้ ใบละหุ่ง หญ้าคา ผักบุ้ง ช่วยลดความตึงเครียดของประสาท และขับพิษออกจากร่างกาย
อีก 10 วันหลังคนไข้จะได้รับการรักษาทางจิตใจ พักฟื้น ปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้สามารถกลับเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ ด้วยวิธีการฟังธรรม กิจกรรมสันทนาการ ฝึกอาชีพ เป็นต้น นอกจากการรักษาแล้ว สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกยังมีกระบวนการหลังการบำบัด ด้วยการให้ทุนประกอบอาชีพ หลังออกไปอยู่ในสังคมปกติ โดยจะติดตามผลหลังการบำบัด
ด้วยการติดต่อผู้ที่จบการบำบัดทุก 3 เดือนจนครบ 1 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ติดยาสามารถเลิกเสพยาได้จริง "ทฤษฎีการรักษาผู้ป่วยยาเสพติดอยู่ที่หัวใจของผู้เสพเองว่าต้องการเลิกจริงจังแค่ไหน สถานบำบัดแห่งนี้มีผู้เลิกยาได้หลังจากเข้ารับการบำบัดถึง 85 เปอร์เซ็นต์" พระอาจารย์วิจิตร อัครจิตโต พระผู้ใหญ่ของสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก กล่าว
หลังจากถ้ำกระบอกเปิดเป็นสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดอย่างจริงจัง มีผู้ป่วยได้รับการบำบัดจนหายสนิทรุ่นแล้วรุ่นเล่า ในที่สุดสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก โดยพระอาจาย์จำรูญ ปานจันทร์ จึงได้รับรางวัลแมกไซไซ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2518 จนกลายเป็นฉายาเรียกขานพระอาจารย์จำรูญว่า "หลวงพ่อแมกไซไซ"
ปี 2519-2520 ทางการไทยพบว่ามีการระบาดของยาเสพติดตามภูเขาสูงสู่พื้นราบ
โดยมีตัวการเป็นชนเขาเผ่าม้ง ทางการมีนโยบายปราบปรามอย่างหนัก สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกเห็นว่าน่าจะช่วยเหลือทางราชการได้ เลยไปรับม้งที่ติดยาเสพติดมาบำบัดฟื้นฟู กระทั่งปี 2525 มีการระบาดของผงขาวและเฮโรอีนไปทั่วโลก แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถบำบัดผู้ป่วยเหล่านี้ให้หายขาดได้ แพทย์ทางเลือกอย่างสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกจึงถูกจับตามองมากขึ้น โดยเฉพาะในสายตาของชาวต่างชาติและกลุ่มเอ็นจีโอ ตลอดเวลามีคณาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เดินทางมาดูการบำบัดอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือหน่วยงาน "ฮีส เวส ดีทอค" ของอังกฤษ ซึ่งให้การยอมรับว่าการบำบัดรักษาของถ้ำกระบอกสามารถทำให้ผู้ติดยาเสพติดหายขาดได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นหน่วยงานนี้ได้ส่งชาวอังกฤษเข้ามาบำบัดรักษาการติดยามาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทิม อมอลด์ (TIM AMOLD) นักร้องและนักจัดรายการชาวอังกฤษ ที่พยายามเข้ารักษาอาการติดยาเสพติดมาแล้วจากหลายสถาบันเป็นหนึ่งในนั้น เขาเดินทางมาเข้ารับการบำบัดที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกจนหายขาด ปัจจุบันเขากลายเป็นทูตรณรงค์ให้ชาวอังกฤษลดละเลิกยาเสพติด ก่อนไปจากถ้ำกระบอก เขาและเพื่อนๆ ได้แต่งเพลงรอยแรกจากแผ่นดิน โดยการแต่งโน้ตเพลงด้วยสำเนียงสูงต่ำจากแนวหินบนเขา มีการลอกลายแล้วนำมาเปรียบเทียบกับตัวโน้ตจนเป็นที่โด่งดังในเกาะอังกฤษในยุคนั้น
ปัจจุบันถ้ำกระบอกผ่านหนาวผ่านร้อนมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ แม้สังคมไทยจะมีโครงการวิวัฒน์พลเมืองขึ้นมาช่วยบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จนชื่อสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคมและผู้คนรอบข้าง ทว่าในจิตใต้สำนึกและอุดมการณ์อันแน่วแน่ สำนักสงฆ์แห่งนี้ยังคงเดินตามรอยของพระอาจารย์จำรูญ ปานจันทร์ อย่างมั่นคง วันนี้ที่ถ้ำกระบอกยังมีเสียงอาเจียนโอ้กอ้าก เคล้าเสียงเพลงเลิกให้ได้ มีน้ำตาของผู้ทุกข์ทนจากยานรก มีรอยยิ้มแย้มของเหล่าผู้ชนะจากการฟันฝ่ามรสุมแห่งชีวิต มีมิตรไมตรีที่ภิกษุสงฆ์มอบให้แก่คนร่วมโลกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แม้ผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดจะแผกหน้าไปมาก ต่างไปจากอดีตก็เยอะ จากคนไทยหัวดำ ผิวเหลือง กลายมาเป็นฝรั่งตาน้ำข้าว ผิวขาว ผมทอง เสียเป็นส่วนใหญ่ก็เพราะความสำเร็จส่วนหนึ่งเกิดจากเว็บไซต์ของสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกถูกแปลและเผยแพร่ออกไปถึง 7 ประเทศ
แม้สำเนียงที่เปล่งออกมาจากปากของผู้หลงผิดจะผิดแผกไปบ้าง แต่เสียงหนึ่งซึ่งคล้ายคลึงกัน คือ จิตวิญญาณที่เพรียกร้องหาอิสรภาพจากสิ่งที่ตนเองเคยใหลหลง !?!"ไปไหนเขารู้กันทั่ว ถ้าขืนไปมั่วต้องช้ำจาบัลย์ เลิกเสพติดเสียทีทั่วกัน ถ้าเลิกไม่ได้นั้น ต้องตายแน่ๆ...เฮ้ย"
"สมพงษ์" วัย 29 ปี ผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดจากถ้ำกระบอก ถูกครอบครัวบังคับให้เข้ารับการบำบัดมาแล้วหลายแห่ง เมื่อกลับออกไปใช้ชีวิตภายนอกก็กลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ เพื่อนชักจูงและใจไม่เข้มแข็งเลยหวนกลับไปใช้ยาเสพติดอยู่เรื่อยๆกระทั่งไปบำบัดที่ถ้ำกระบอกด้วยความสมัครใจ ในที่สุดก็ผ่านวิกฤติชีวิตครั้งนั้นมาได้ด้วยดี !?!
เช่นเดียวกับ "เอกรินทร์" วัย 40 ปี ที่ไปเลิกเฮโรอีนที่ถ้ำกระบอกเมื่อ 10 ปีก่อน ยอมรับว่า ก่อนเข้ารับบำบัดคิดแล้วคิดอีกว่าจะไปบำบัดดีไหม เพราะเห็นภาพการทรมานจากการสำรอกยาจนเกิดอาการหวาดเสียว แต่พอเข้าไปแล้วรู้สึกว่าดี เพราะได้อยู่ใกล้พระ อยู่ใกล้ธรรมะ เมื่อคิดดี ทำดี ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี...
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น