
เจ้านายเล่าเรื่อง “อัฐปลอม” สมัยรัชกาลที่ 4

บ่อยครั้งเรามักได้ยินเรื่องราวแบงค์ปลอมเงินปลอมที่ระบาดไปทั่ว  ดูเหมือนเรื่องการปลอมเงินจะไม่ได้มีแค่ในสมัยปัจจุบัน สยามเมื่อแรกผลิตเงินขึ้นใช้ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก็เริ่มมีการทำเงินปลอมเกิดขึ้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงเล่าเกี่ยวกับเรื่อง "อัฐปลอม" ที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ไว้ว่า
"เรื่องอัฐปลอม นั้น เดิมในประเทศนี้ใช้เงินตราพดด้วง 3 ขนาด คือ บาท สลึง (1/4 ของบาท) และเฟื้อง (1/8 ของบาท) ราคาต่ำกว่านั้นลงมาใช้เบี้ย (หอยเก็บมาจากทะเลตั้งพิกัดราคา 1/6400 ของบาท) ถึงรัชกาลที่ 4 เมื่อทำหนังสือสัญญาค้าขายกับต่างประเทศแล้ว มีเรือกำปั่นเข้ามาซื้อสินค้าในกรุงเทพฯ มากขึ้น พวกชาวต่างประเทศเอาเงินเหรียญเม็กสิโคมาซื้อสินค้า ราษฎรไม่พอใจ พวกพ่อค้าจึงต้องเอาเงินเหรียญเม็กซิโคมาขอแลกเงินบาทที่พระคลังมหาสมบัติไปซื้อสินค้า
"เรื่องอัฐปลอม นั้น เดิมในประเทศนี้ใช้เงินตราพดด้วง 3 ขนาด คือ บาท สลึง (1/4 ของบาท) และเฟื้อง (1/8 ของบาท) ราคาต่ำกว่านั้นลงมาใช้เบี้ย (หอยเก็บมาจากทะเลตั้งพิกัดราคา 1/6400 ของบาท) ถึงรัชกาลที่ 4 เมื่อทำหนังสือสัญญาค้าขายกับต่างประเทศแล้ว มีเรือกำปั่นเข้ามาซื้อสินค้าในกรุงเทพฯ มากขึ้น พวกชาวต่างประเทศเอาเงินเหรียญเม็กสิโคมาซื้อสินค้า ราษฎรไม่พอใจ พวกพ่อค้าจึงต้องเอาเงินเหรียญเม็กซิโคมาขอแลกเงินบาทที่พระคลังมหาสมบัติไปซื้อสินค้า
อัฐกระดาษ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นกระดาษหน้าเดียว ทำด้วยกระดาษขาวมีกรอบใบเทศต่อก้าน มุมด้านซ้ายเขียนหมายเลขที่ของอัฐกระดาษ
+++++++++++
จำนวนเงินที่มาขอแลกมากขึ้นทุกที จนโรงทำเงินที่พระคลังมหาสมบัติทำให้ไม่ทัน เพราะเงินพดด้วง ทำด้วยมือ ทำทั้งกลางวันกลางคืนก็ได้เพียงวันละ 2,400 บาท เป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้เกิดฝืดเคืองในการค้าขายด้วย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯให้สั่งเครื่องจักรมาตั้งโรงกระษาปณ์เมื่อปีวอก พ.ศ. 2403 ทำเงินตราเปลี่ยนรูปเป็นเงิน (เหรียญ) แบน คงพิกัดบาทสลึงและเฟื้องตามราคาเดิม ต่ำกว่านั้นลงมาให้เลิกการใช้เบี้ย เปลี่ยนเป็นเหรียญทองแดง 2 อย่าง เรียกว่า "ซีก" (หมายความว่าครึ่งเงินเฟื้อง ราคา 1/16 ของบาท) อย่าง 1 "เสี้ยว" (หมายความว่าส่วนสี่ของเงินเฟื้อง ราคา 1/32 ของบาท) อย่าง 1 ถัดนั้นลงมาให้ทำเหรียญดีบุกขึ้น 2 อย่าง เรียกว่า "อัฐ" (หมายความว่าส่วนแปดของเงินเฟื้อง ราคา 1/64 ของบาท) อย่าง 1 เรียก "โสฬส" (หมายความว่าส่วนสิบหกของเฟื้อง ราคา 1/128 ของบาท) อย่าง 1 แต่ดีบุกเป็นของอ่อนหล่อง่ายและหาได้ง่ายในประเทศนี้ จึงมีผู้ทำอัฐและโสฬสปลอมขึ้นในกรุงเทพฯ
ครั้นตรวจตราจับกุมกันกวดขันก็ย้ายลงไปทำตามหัวเมืองมลายูแล้วลอบส่งเข้ามาจำหน่ายในกรุงเทพฯ จนอัฐปลอมแพร่หลายในท้องตลาด ราษฎรไม่รู้ว่าไหนเป็นของจริงไหนเป็นของปลอม พากันรังเกียจไม่อยากรับอัฐและโสฬส แต่จะไม่รับก็เกรงรัฐบาลจะเอาผิด จึงตื่นกันถึงกับคิดจะปิดร้านไม่ขายของ พ้องในเวลาเมื่อเปลี่ยนรัชกาล เรื่องนี้จะได้ปรึกษาหารือกันในรัฐบาลประการใดไม่ทราบ แต่ตกลงจะแก้ไขด้วยลดราคาทั้งเหรียญทองแดงและเหรียญดีบุกลงทันที
พอเปลี่ยนรัชกาลได้ 13 วัน ก็ออกประกาศอนุญาตให้ราษฎรเอาเหรียญทองแดงและดีบุกของรัฐบาลมาแลกเอาเงิน จะยอมให้เต็มราคาเดิมเพียง 15 วัน ต่อไปนั้นให้ลดพิกัดราคาเหรียญทองแดงซีกลงเป็นอันละอัฐ 1 (1/64 ของบาท) ลดราคาเหรียญทองแดงเสี้ยวลงเป็นอันละโสฬส ลดราคาเหรียญอัฐดีบุกลงเป็นอันละ 10 เบี้ย (1/640 ของบาท) และลดราคาเหรียญโสฬสลงไปเป็นอันละ 5 เบี้ย แล้วทำเหรียญดีบุกตรารัชกาลที่ 5 ขนาดเท่าเหรียญอัฐของเดิม ความตื่นเต้นกันด้วยอัฐปลอมก็สงบไป"
เป็นไปได้ว่าคงไม่ใช่เพียงยุคปัจจุบันที่มีแบงค์ปลอมเงินปลอมระบาดไปทั่ว แต่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนหน้านี้แล้วเพียงแค่เราจะรับรู้ข้อมูลมากน้อยผ่านช่องทางใดเท่านั้นเอง ดังนั้นก่อนจับจ่ายใช้สอยอะไรควรตรวจเช็คให้ดีสักนิดเดี๋ยวจะโดนข้อหาใช้แบงค์ปลอมซื้อของเอาเสียดื้อๆ

+++++++++++
จำนวนเงินที่มาขอแลกมากขึ้นทุกที จนโรงทำเงินที่พระคลังมหาสมบัติทำให้ไม่ทัน เพราะเงินพดด้วง ทำด้วยมือ ทำทั้งกลางวันกลางคืนก็ได้เพียงวันละ 2,400 บาท เป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้เกิดฝืดเคืองในการค้าขายด้วย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯให้สั่งเครื่องจักรมาตั้งโรงกระษาปณ์เมื่อปีวอก พ.ศ. 2403 ทำเงินตราเปลี่ยนรูปเป็นเงิน (เหรียญ) แบน คงพิกัดบาทสลึงและเฟื้องตามราคาเดิม ต่ำกว่านั้นลงมาให้เลิกการใช้เบี้ย เปลี่ยนเป็นเหรียญทองแดง 2 อย่าง เรียกว่า "ซีก" (หมายความว่าครึ่งเงินเฟื้อง ราคา 1/16 ของบาท) อย่าง 1 "เสี้ยว" (หมายความว่าส่วนสี่ของเงินเฟื้อง ราคา 1/32 ของบาท) อย่าง 1 ถัดนั้นลงมาให้ทำเหรียญดีบุกขึ้น 2 อย่าง เรียกว่า "อัฐ" (หมายความว่าส่วนแปดของเงินเฟื้อง ราคา 1/64 ของบาท) อย่าง 1 เรียก "โสฬส" (หมายความว่าส่วนสิบหกของเฟื้อง ราคา 1/128 ของบาท) อย่าง 1 แต่ดีบุกเป็นของอ่อนหล่อง่ายและหาได้ง่ายในประเทศนี้ จึงมีผู้ทำอัฐและโสฬสปลอมขึ้นในกรุงเทพฯ
ครั้นตรวจตราจับกุมกันกวดขันก็ย้ายลงไปทำตามหัวเมืองมลายูแล้วลอบส่งเข้ามาจำหน่ายในกรุงเทพฯ จนอัฐปลอมแพร่หลายในท้องตลาด ราษฎรไม่รู้ว่าไหนเป็นของจริงไหนเป็นของปลอม พากันรังเกียจไม่อยากรับอัฐและโสฬส แต่จะไม่รับก็เกรงรัฐบาลจะเอาผิด จึงตื่นกันถึงกับคิดจะปิดร้านไม่ขายของ พ้องในเวลาเมื่อเปลี่ยนรัชกาล เรื่องนี้จะได้ปรึกษาหารือกันในรัฐบาลประการใดไม่ทราบ แต่ตกลงจะแก้ไขด้วยลดราคาทั้งเหรียญทองแดงและเหรียญดีบุกลงทันที
พอเปลี่ยนรัชกาลได้ 13 วัน ก็ออกประกาศอนุญาตให้ราษฎรเอาเหรียญทองแดงและดีบุกของรัฐบาลมาแลกเอาเงิน จะยอมให้เต็มราคาเดิมเพียง 15 วัน ต่อไปนั้นให้ลดพิกัดราคาเหรียญทองแดงซีกลงเป็นอันละอัฐ 1 (1/64 ของบาท) ลดราคาเหรียญทองแดงเสี้ยวลงเป็นอันละโสฬส ลดราคาเหรียญอัฐดีบุกลงเป็นอันละ 10 เบี้ย (1/640 ของบาท) และลดราคาเหรียญโสฬสลงไปเป็นอันละ 5 เบี้ย แล้วทำเหรียญดีบุกตรารัชกาลที่ 5 ขนาดเท่าเหรียญอัฐของเดิม ความตื่นเต้นกันด้วยอัฐปลอมก็สงบไป"
เป็นไปได้ว่าคงไม่ใช่เพียงยุคปัจจุบันที่มีแบงค์ปลอมเงินปลอมระบาดไปทั่ว แต่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนหน้านี้แล้วเพียงแค่เราจะรับรู้ข้อมูลมากน้อยผ่านช่องทางใดเท่านั้นเอง ดังนั้นก่อนจับจ่ายใช้สอยอะไรควรตรวจเช็คให้ดีสักนิดเดี๋ยวจะโดนข้อหาใช้แบงค์ปลอมซื้อของเอาเสียดื้อๆ

เครดิต :   
 
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


 กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
  กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























 กระทู้ล่าสุด
 กระทู้ล่าสุด


 รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
 รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday