ชาวญี่ปุ่นที่จบ ดร.จากอเมริกาคนแรกของเอเชีย! แต่กลับมาทำงานกับ ร.๕


ชาวญี่ปุ่นที่จบ ดร.จากอเมริกาคนแรกของเอเชีย! แต่กลับมาทำงานกับ ร.๕


ชาวญี่ปุ่นที่จบ ดร.จากอเมริกาคนแรกของเอเชีย! แต่กลับมาทำงานกับ ร.๕ ยึดไทยเป็นเรือนตาย!!

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งมีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ สิ่งหนึ่งก็คือการปฏิรูปกฎหมายไทยที่ยังเป็นรูปแบบกฎหมายตะวันออก ไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีพระราชประสงค์ต้องการนักกฎหมายชาวตะวันตกเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการร่างประมวลกฎหมายฉบับแรก และยังทรงต้องการนักกฎหมายชาวเอเชียด้วยกันที่รู้กฎหมายตะวันตก เพราะจะเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีและนิสัยใจคอของคนเอเชียด้วยกันดีกว่าฝรั่ง และเมื่อขอความร่วมมือไปทางรัฐบาลญี่ปุ่น ก็ได้ ดร.โทกิชิ มาซาโอะ มาตามพระราชประสงค์

ดร.มาซาโอะได้ไปศึกษาวิชากฎหมายที่สหรัฐอเมริกาในยุคที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศใหม่ๆ และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตทางกฎหมายซีวิลลอร์ หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับสถานภาพ สิทธิ และหน้าที่ของบุคคล จากมหาวิทยาลัยเยล วิทยานิพนธ์ที่ ดร.มาซาโอะเขียนขึ้นเพื่อทำปริญญาเอกนี้ก็คือ "กฎหมายโบราณของสยาม" รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเห็นว่าเป็นผู้เหมาะสมกับพระราชประสงค์ของพระเจ้ากรุงสยามที่จะให้มาเป็นที่ปรึกษาในการร่างกฎหมายฉบับใหม่

ดร.โทกิชิ มาซาโอะ สำเร็จการศึกษาในปี ๒๔๔๐ และเดินทางกลับญี่ปุ่นในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากเป็นชาวเอเซียคนแรกที่สำเร็จปริญญาเอกจากอเมริกา จึงเป็นคนที่วงการธุรกิจและหน่วยงานต่างๆต้องการตัวมาก ในเดือนสิงหาคมนั้นก็เข้ารับตำแหน่งหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ "เจแปนไทม์" แต่ในเดือนตุลาคมปีนั้นเอง ดร.มาซาโอะก็ต้องเดินทางเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในประเทศไทย

เนื่องจากเป็น "ด็อกเตอร์" คนไทยจึงเรียกกันว่า "หมอมาเซา" แม้แต่ในพระราชปรารถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเบื้องต้นของประมวลกฎหมายฉบับแรก ก็ยังมีข้อความว่า

"...และเมื่อรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๖ได้พระกรุณาโปรดให้มีกรรมการผู้ชำนาญกฎหมาย ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายต่างประเทศ คือหมอโตกิจิ มาเซา เนติบัณฑิตญี่ปุ่น เมื่อเป็นผู้ช่วยของที่ปรึกษาราชการ ๑ พร้อมกันตรวจพระราชกำหนดบทพระอัยการเก่าใหม่..."

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลการทำงานของ ดร.โทกิชิ ทรงชื่นชม "หมอมาเซา" มาก บันทึกไว้ว่า

"...หมอมาเซาได้ทำการโดยความอุสาห์และฉลาดเกินกว่าความหวัง ข้าพเจ้ารู้สึกเบาใจเท่ากับได้ฝรั่งดีๆใช้คนหนึ่ง..."

ในคณะที่ปรึกษากฎหมายนี้ ซึ่งมีชาวยุโรปและอเมริกามากกว่าครึ่ง ดร.มาซาโอะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในฐานะที่ปรึกษาสูงสุดของเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ ในปี ๒๔๕๓ ดร.มาซาโอะก็ได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งกรรมการศาลฎีกา หรือผู้พิพากษาศาลฎีกา และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยามหิธรมนูปกรณ์โกศลคุณ ซึ่งราชทินนามนี้มีความหมายว่า เป็นผู้มีคุณค่าอันใหญ่หลวงดุจมหิธรปุโรหิต พระมหาราชครูมหิธร หัวหน้าคณะพราหมณ์ผู้มีหน้าที่รักษาความยุติธรรม

ในปี ๒๔๕๖ พระยามหิธรฯมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงขอลาออกจากราชการกลับไปรักษาตัวที่ญี่ปุ่น จนในปี ๒๔๖๓ ก็ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง พร้อมพระราชสาส์นตราตั้งจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ให้เป็นราชทูตญี่ปุ่นประจำราชสำนักสยาม แต่อยู่ในตำแหน่งนี้ได้ไม่นาน ในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๔๖๔ ก็ถึงแก่กรรมขณะอายุได้ ๕๐ ปี โดยมีบันทึกสาเหตุว่า "เป็นลม" พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ยกศพพระยามหิธรมนูปกรณ์โกศลคุณ อรรคราชทูตญี่ปุ่นขึ้นรถวอพร้อมด้วยกลองชนะฉัตรเบญจา มีรถม้าหลวง ๓ คันถือเครื่องยศตาม แห่จากสถานทูตญี่ปุ่นไปที่เมรุปูนวัดสระเกศในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๔๖๔ ทรงจุดฝักแคพระราชทานเพลิงศพ โดยมีราชทูตนานาประเทศและข้าราชการไทยไปร่วมเป็นจำนวนมาก

นี่ก็เป็นเรื่องราวของชาวเอเชียคนแรกที่สำเร็จปริญญาเอกจากสหรัฐอเมริกา แต่กลับอุทิศชีวิตมาทำงานให้ประเทศไทย และได้เป็นผู้มีคุณแก่กฎหมายไทยอย่างมาก



ชาวญี่ปุ่นที่จบ ดร.จากอเมริกาคนแรกของเอเชีย! แต่กลับมาทำงานกับ ร.๕


ชาวญี่ปุ่นที่จบ ดร.จากอเมริกาคนแรกของเอเชีย! แต่กลับมาทำงานกับ ร.๕

เครดิตแหล่งข้อมูล : FB เรื่องเก่าเล่าสนุก

ชาวญี่ปุ่นที่จบ ดร.จากอเมริกาคนแรกของเอเชีย! แต่กลับมาทำงานกับ ร.๕

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : กำลังใจ ทำความดี
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 58.8.18.36

58.8.18.36,,ppp-58-8-18-36.revip2.asianet.co.th ความคิดเห็นที่ 1 [อ้างอิง]
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง.. โททนต์เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี.. นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์.. สถิตทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา.!


[ วันจันทร์ ที่ 27 กันยายน 2564 เวลา 20:17 น. ]
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์