ทำไม นางอัปสร ถูกเปรียบว่าเป็น โสเภณีแห่งสรวงสวรรค์ ?


ทำไม นางอัปสร ถูกเปรียบว่าเป็น โสเภณีแห่งสรวงสวรรค์ ?


ทำไม นางอัปสร จึงถูกเปรียบว่าเป็นโสเภณีแห่งสรวงสวรรค์?
เรื่องนี้ผู้เขียนมิได้เป็นผู้นึกทึกทักขึ้นมาเอง แต่นี่เป็นคำเปรียบเปรยที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงกล่าวไว้ในบทกวีที่เล่าถึงที่มาของพวกนาง

แต่ก่อนจะว่าถึงบทพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่าน ขอเท้าความถึงที่มาของนางอัปสรด้วยภาษาง่ายๆ กันสักเล็กน้อย ท่านเสฐียรพงษ์ วรรณปก ผู้เป็นราชบัณฑิตเล่าว่า นางอัปสรนี้น่าจะเป็นคนละพวกกับนางฟ้า เทพธิดา ตามตำนานท่านบอกว่า พวกเธอเกิดมาจากพิธีกวนน้ำอมฤต

และที่พวกเธอได้ชื่อว่า "อัปสร" ก็เพราะพวกเธอเกิดจากน้ำ ด้วยคำว่า "อัป" นั้นแปลว่าน้ำ ส่วนคำว่า "สร" ก็แปลว่า เคลื่อนไหว นั่นเอง

นางอัปสรเป็นผู้ที่มีทั้งความงามและความสามารถในการร้องรำทำเพลง แต่ความงามของพวกเธอกลับไม่ได้รับความสนใจจากเหล่าเทวดาที่มัวแต่จดจ้องรอแย่งชิงน้ำอมฤตกับเหล่าอสูร

เมื่อไม่มีใครรับ พวกเธอจึงกลายเป็นของกลางที่คอยบำเรอเหล่าเทพ เป็นดั่งโสเภณีในสรวงสวรรค์ เหมือนในพระราชนิพนธ์เรื่องนารายณ์สิบปาง ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงบรรยายว่า

ที่สี่ที่ขึ้นจาก ชลา ลัยฤา

คือคณาอัปสร เฉิดแฉล้ม

รูปโฉมสุดโสภา หาเปรียบ ไม่เลย

งามเนตรงามเกศแก้ม ก่องฉวี

ท่วงทีมารยาทล้วน ยวนใจ

เสียงเสนาะขับรำ ร่ำร้อง

แต่หาสุรเทพใด รับบ่ มีเลย

เหตุฉะนั้นจึงต้อง อยู่ลอย

คอยบำเรอเทพไท้ เปรมปรีดิ์

ยามเทพใดมีทุกข์ ช่วยแก้

เปรียบโสภิณีนางในโลก มนุษย์แล

เป็นแบบแต่นั่นแล้ สืบมา

ด้านราชบัณฑิตเสฐียรพงษ์บอกว่า หลังเหล่านางอัปสรถือกำเนิดขึ้น พระอินทร์ได้รับเอานางอัปสรไปเป็นนางบำเรอจำนวนมาก ราวกับจะตั้งตัว "พ่อเล้า" ที่นอกจากจะเอาไว้เชยชมเองแล้ว ยังใช้นางอัปสรเป็นเครื่องมือในการทำลายตบะของบรรดาฤาษีชีไพร ด้วย

หากฟังท่านเสฐียรพงษ์เล่า สำเนียงของท่านออกจะว่าร้ายพระอินทร์สักนิดว่าที่พระอินทร์แกต้องคอยทำลายตบะผู้ถือศีลเป็นเพราะกลัวว่าใครจะมาแย่งตำแหน่งของแกเข้า จึงต้องส่งนางอัปสรไปทำให้เขาตบะแตก

นั่นก็จริงอย่างท่านว่า แต่ถ้าไปลองฟังคนที่เข้าข้างพระอินทร์ก็จะบอกว่า ที่ท่านทำไปก็เพื่อรักษา "ระเบียบ" แห่งไตรภูมิ จะปล่อยให้มนุษย์ธรรมดาๆ มีอิทธิฤทธิ์ถึงขั้นทำให้สามโลกต้องปั่นป่วนมิได้

พูดให้ง่ายก็คือ เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ก็จงใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ เกิดเป็นนางอัปสรก็ต้องเชื่อฟังเทพผู้เป็นนาย นางอัปสรจึงต้องใช้เสน่ห์ทางเพศคอยยั่วยวนผู้ทรงศีลตามที่พระอินทร์ท่านต้องการ พวกเธอจึงต้องรับบาปเคราะห์จากสถานภาพที่เธอเลือกมิได้

ตัวอย่างมีในตำนานของฤาษีวิศวามิตรผู้เคร่งณาน ที่ถูกพระอินทร์ส่งนางอัปสรชื่อเมนถามาฉอเลาะจนท่านฤาษีเคลิ้มเคลิ้มสมสู่จนมีลูกด้วยกันนามว่าศกุนตลา

ภายหลังท่านฤาษีจึงบำเพ็ญณานอย่างหนักจนตบะ "แข็งโป๊ก" กว่าเดิม ด้านพระอินทร์จึงแก้เกมด้วยการส่งนางอัปสรที่สวยที่สุดในสวรรค์ชื่อว่านางรัมภามาทำลายตบะของท่านฤาษีอีก แต่คราวนี้ท่านฤาษีไม่เอาด้วย

นางรัมภาจึงถูกฤาษีวิศวามิตรสาปให้กลายเป็นหินถึงหมื่นปี นางอัปสรคนงามจึงกลายเป็นแพะรับบาปของการชิงดีชิงเด่นระหว่างชายผู้มีอิทธิฤทธิ์สองท่านไป

เครดิตแหล่งข้อมูล : silpa-mag.com

 



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : หญิง
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 223.206.74.76

223.206.74.76,,mx-ll-223.206.74-76.dynamic.3bb.in.th ความคิดเห็นที่ 1 [อ้างอิง]
ค่านิยมของคนสมัยก่อนนี้ค่อนข้างกดขี่ทางเพศจริงๆ เห็นได้จากวรรณกรรมส่วนใหญ่ ผู้ชายมีเมียมากจนกลายเป็นเรื่องปกติและเห็นผู้หญิงเป็นเครื่องบำเรอกาม เช่นขุนช้างขุนแผน รามเกียรติ์ ไกรทอง พระอภัยมณี ล้วนมากเมียทั้งนั้นแต่กลับไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่องผิด บางเรื่องจึงไม่น่าเอามาเป็นแบบเรียนของเด็กสมัยนี้เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทำให้เห็นด้านดำมืดของมนุษย์ซึ่งผู้ใหญ่ควรชี้แนะ


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กันยายน 2564 เวลา 15:05 น. ]
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์