ส้มบางมด ความหวานอร่อยที่ค่อย ๆ เลือนหายไป
"ส้มบางอะไรว้านหวาน" ปริศนาคำทายสมัยเด็กที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกคุ้นหู ถ้าเอาแบบกวนโอ๊ยก็คงจะเฉลมว่า "ส้มบางลูก" แต่ถ้าเอาตามชื่อเสียงที่ลือลั่นแล้ว ใครหลาย ๆ คนอาจจะนึกไปถึง "ส้มบางมด" ส้มรสหวานอร่อยขึ้นชื่อของบางมดที่ในปัจจุบันนี้อาจจะไม่ค่อยเจอบ่อยมากแล้ว
.
ส้มบางมด เป็นส้มเขียวหวานที่ปลูกกันในพื้นที่ของบางมดมาเป็นเวลานาน โดยในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าบางมด ได้ระบุว่าส้มได้เข้ามายังบางมดราวปี 2468 จากบางกอกน้อย ซึ่งก็โด่งดังและเผยแพร่ไปทั่วก่อนที่จะถูกน้ำท่วมใหญ่เสียหายในปี 2485 จึงไปเอากิ่งพันธุ์จากจันทบุรีมาปลูกคืน
.
อย่างไรก็ดี มีหลักฐานที่กล่าวถึงส้มบางมดที่เก่าไปกว่านั้น โดยปรากฎให้เห็นในตำราแม่ครัวหัวป่าก์ของท่านผู้หญิงเปลี่ยนที่เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งได้ยกเอากลอนของพระแก้วคฤหรัตนบดี (น่วม) ขึ้นมาความว่า
.
"...ส้มเขียวหวานบางมดรศเปนจอม
เดี๋ยวนี้ย่อมสูญทรามเพราะน้ำเคม
ราษฎรขุดคลองทำนาเกลือ
น้ำจึงเหลือไหลล้นค่นเค่ม
ต้นก็ตายคลายรศเพราะดินเคม
ถึงอย่างนั้นรศยังเค่มพอรับประทาน
บัดนี้มีมากมายหลายตำบล
งามแต่ต้นผลก็โตแต่คลายหวาน
ผิดกับถิ่นบางมดรศโบราณ
ถึงผลเล็กก็ยังหวานสนิทดีฯ"
.
จากกลอนข้างต้นจะเห็นว่าส้มบางมดเป็นส้มเขียวหวานที่มีรสหวานเลิศเป็นที่รู้จักกันมานาน และอาจจะมีมาก่อนปี 2468 ด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ประวัติว่าส้มเขียวหวานเข้ามายังบางมดตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นคลุมเครือไม่แน่นอนและเป็นปริศนา อย่างไรก็ดีสวนส้มบางมดนั้น ประสบปัญหาดินเค็ม ทำให้รสชาติหวานของส้มบางมดเปลี่ยนไป ซึ่งก็มีหลักฐานมากมายว่าในบริเวณพื้นที่สวนบางมดนั้นมักจะประสบปัญหาบ่อยครั้งในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ตลอดจนน้ำทะเลที่หนุนสูงทำให้เกิดความเสียหายกับสวนส้มเป็นจำนวนมาก
.
เมื่อการทำสวนกลายเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มเสีย ประกอบการเข้ามาของชุมชนเมืองทำให้บทบาทของสวนส้มบางมดค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ในปัจจุบันนี้อาจจะหลงเหลือสวนส้มในบางมดเพียงแค่ไม่กี่แห่งที่เราจะสามารถขนาดนามว่าเป็น "ส้มบางมดแท้" ได้ โดยส้มบางมดได้ถูกเผยแพร่ไปปลูกยังถิ่นอื่นบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนความหวานของส้มบางมดเดิมได้ ชื่อของส้มบางมดก็อาจจะเหลือเพียงแค่ตำนานในอนาคต ฉะนั้นในบางมดก็ได้มีการพยายามที่จะยังคงอนุรักษ์ส้มบางมดนี้ไว้ให้อยู่คู่ชุมชนและสังคมไทยต่อไป
เครดิตแหล่งข้อมูล : FB จานโปรด
.
ส้มบางมด เป็นส้มเขียวหวานที่ปลูกกันในพื้นที่ของบางมดมาเป็นเวลานาน โดยในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าบางมด ได้ระบุว่าส้มได้เข้ามายังบางมดราวปี 2468 จากบางกอกน้อย ซึ่งก็โด่งดังและเผยแพร่ไปทั่วก่อนที่จะถูกน้ำท่วมใหญ่เสียหายในปี 2485 จึงไปเอากิ่งพันธุ์จากจันทบุรีมาปลูกคืน
.
อย่างไรก็ดี มีหลักฐานที่กล่าวถึงส้มบางมดที่เก่าไปกว่านั้น โดยปรากฎให้เห็นในตำราแม่ครัวหัวป่าก์ของท่านผู้หญิงเปลี่ยนที่เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งได้ยกเอากลอนของพระแก้วคฤหรัตนบดี (น่วม) ขึ้นมาความว่า
.
"...ส้มเขียวหวานบางมดรศเปนจอม
เดี๋ยวนี้ย่อมสูญทรามเพราะน้ำเคม
ราษฎรขุดคลองทำนาเกลือ
น้ำจึงเหลือไหลล้นค่นเค่ม
ต้นก็ตายคลายรศเพราะดินเคม
ถึงอย่างนั้นรศยังเค่มพอรับประทาน
บัดนี้มีมากมายหลายตำบล
งามแต่ต้นผลก็โตแต่คลายหวาน
ผิดกับถิ่นบางมดรศโบราณ
ถึงผลเล็กก็ยังหวานสนิทดีฯ"
.
จากกลอนข้างต้นจะเห็นว่าส้มบางมดเป็นส้มเขียวหวานที่มีรสหวานเลิศเป็นที่รู้จักกันมานาน และอาจจะมีมาก่อนปี 2468 ด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ประวัติว่าส้มเขียวหวานเข้ามายังบางมดตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นคลุมเครือไม่แน่นอนและเป็นปริศนา อย่างไรก็ดีสวนส้มบางมดนั้น ประสบปัญหาดินเค็ม ทำให้รสชาติหวานของส้มบางมดเปลี่ยนไป ซึ่งก็มีหลักฐานมากมายว่าในบริเวณพื้นที่สวนบางมดนั้นมักจะประสบปัญหาบ่อยครั้งในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ตลอดจนน้ำทะเลที่หนุนสูงทำให้เกิดความเสียหายกับสวนส้มเป็นจำนวนมาก
.
เมื่อการทำสวนกลายเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มเสีย ประกอบการเข้ามาของชุมชนเมืองทำให้บทบาทของสวนส้มบางมดค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ในปัจจุบันนี้อาจจะหลงเหลือสวนส้มในบางมดเพียงแค่ไม่กี่แห่งที่เราจะสามารถขนาดนามว่าเป็น "ส้มบางมดแท้" ได้ โดยส้มบางมดได้ถูกเผยแพร่ไปปลูกยังถิ่นอื่นบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนความหวานของส้มบางมดเดิมได้ ชื่อของส้มบางมดก็อาจจะเหลือเพียงแค่ตำนานในอนาคต ฉะนั้นในบางมดก็ได้มีการพยายามที่จะยังคงอนุรักษ์ส้มบางมดนี้ไว้ให้อยู่คู่ชุมชนและสังคมไทยต่อไป
เครดิตแหล่งข้อมูล : FB จานโปรด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!