ขุนวรวงศาธิราช กษัตริย์ ที่ชนชั้นเจ้านายไม่นับเป็น กษัตริย์


ขุนวรวงศาธิราช กษัตริย์ ที่ชนชั้นเจ้านายไม่นับเป็น กษัตริย์


  "ขุนวรวงศาธิราช" พระสวามี "ท้าวศรีสุดาจันทร์" ที่ชนชั้นเจ้านายไม่นับเป็น "กษัตริย์" แห่งอยุธยา หากอ้างอิงตาม "พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)" จะปรากฏหลักฐานว่า "ขุนวรวงศาธิราช" เป็นบุคคลที่ได้เข้าพระราชพิธีราชาภิเษก เป็น "เจ้าพิภพกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา" หรือกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ใน "ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๕" กลับไม่ปรากฏพระนามของพระองค์ว่าเป็นกษัตริย์

แล้ว "พระองค์" คือใคร กลายมาเป็นพระมหากษัตรย์แห่งกรุงศรีอยุธยาได้อย่างไร? 

"ขุนวรวงศาธิราช" เดิมคือ "พันบุตรศรีเทพ" เป็นข้าหลวงเดิมหรือคนที่พระเจ้าแผ่นดินเคยใช้สอยมาตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์ ทว่าวันหนึ่งชีวิตของ "ขุนวรวงศาธิราช" ก็เปลี่ยนไป เนื่องจากได้พบกับ "ท้าวศรีสุดาจันทร์" (แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์) พระสนมเอกของพระไชยราชาธิราช กษัตริย์แห่งอยุธยาองค์ก่อน และกำลังดำรงตำแหน่งพระราชชนนี

พระราชพงศาวดาร ฉบับ พันจันทนุมาศ (เจิม) กล่าวถึงเหตุการณ์ตอนนั้นไว้ว่า 

"ครั้นอยู่มานางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ เสด็จไปประพาสเล่น ณ พระที่นั่งพิมานรัถยาหอพระช้างหน้า ทอดพระเนตรเห็นพันบุตรศรีเทพ จึงสั่งสาวใช้ให้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าเช็ดหน้าไปพระราชทานพันบุตรศรีเทพ 

พันบุตรศรีเทพรับแล้วก็รู้อัชฌาสัยว่านางพระยามีความยินดีรักใคร่ พันบุตรศรีเทพจึงเอาดอกจำปาส่งให้สาวใช้เอาไปถวายแก่พระนาง พระยานางก็มีความกำหนัดในพันบุตรศรีเทพเป็นอันมาก"

ต่อมา พันบุตรศรีเทพได้เลื่อนตำแหน่งเป็น "ขุนชินราช" รักษาหอพระข้างใน โดยการรับสั่งของท้าวศรีสุดาจันทร์ ส่วนคนที่เคยดำรงตำแหน่งหน้าที่ "ขุนชินราช" ก็ย้ายไปเป็น "พันบุตรศรีเทพ" แทน

เมื่อขุนชินราชได้เข้าไปรักษาหอพระข้างใน ความสัมพันธ์ระหว่าง "ขุนชินราช" กับ "ท้าวศรีสุดาจันทร์" ก็เริ่มขึ้น ทั้งสองลอบสมัครสังวาสกัน จนในที่สุดก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นขุนวรวงศาธิราช

หลังจากนั้น ท้าวศรีสุดาจันทร์ ได้พยายามหาวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ขุนวรวงศาธิราชครองราชสมบัติแทน "พระยอดฟ้า" พระราชโอรสของพระนางและพระไชยราชาธิราช ที่กำลังจะขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา แต่เนื่องจากทรงพระเยาว์ จึงทำให้ท้าวศรีสุดาจันทร์และ "พระเฑียรราชา" พระเจ้าอาของพระยอดฟ้าว่าราชการแทน

พระนางรับสั่งให้ขุนวรวงศาธิราชปลูกจวนอยู่ริมศาลาสารบัญชี ให้พิจารณาเลกสังกัดสมพัน และให้นำ "ราชอาสน์" หรือพระที่นั่งสำหรับกษัตริย์ ตั้งไว้อยู่ด้านหน้า ให้ขุนวรวงศาธิราชนั่ง เพื่อขุนนางทั้งหลายจะได้เกรงกลัว

อยู่มาวันหนึ่งท้าวศรีสุดาจันทร์ก็ทรงครรภ์ พระนางจึงมีพระเสาวนีย์ตรัสปรึกษาเหล่าขุนนาง และกล่าวว่าขณะนี้พระราชโอรสของพระองค์ยังเด็กเกินไปนัก และหวังจะให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการแผ่นดินแทน 

ด้วยอำนาจและความเกรงกลัวของขุนนาง ท้ายที่สุด ท้าวศรีสุดาจันทร์ก็ได้เชิญขุนวรวงศาธิราช เข้ามาในราชนิเวศมณเฑียรสถาน แล้วตั้งพระราชพิธีราชาภิกเษก เป็น "เจ้าพิภพกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา" หรือพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ของอยุธยา

ทว่าท้ายที่สุด "ขุนวรวงศาธิราช" กลับครองราชย์ได้เพียงแค่ 40 กว่าวัน ก่อนจะโดนลอบปลงพระชนม์ พร้อมท้าวศรีสุดาจันทร์และบุตรของตนเอง 

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้หลายคนไม่นับว่าพระองค์เป็นกษัตริย์แห่งอยุธยา ดังที่ปรากฏในหลักฐาน "ประชุมพงศาวดาร ฉบับที่ ๕" หัวข้อ ศักราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่ตรวจสอบใหม่ ที่ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ขึ้น ไม่ระบุพระนามของขุนวรวงศาธิราชในฐานะพระเจ้าแผ่นดินของอยุธยา

กล่าวถึงแค่เพียง พระไชยราชาธิราช-พระยอดฟ้า-พระมหาจักรพรรดิ์

อาจเป็นไปได้ไหมว่า ด้วยเหตุนี้ ความคิดเรื่องพระองค์ไม่ได้เป็นหนึ่งในกษัตริย์แห่งอยุธยาจึงแพร่หลายในปัจจุบัน



ขุนวรวงศาธิราช กษัตริย์ ที่ชนชั้นเจ้านายไม่นับเป็น กษัตริย์


ขุนวรวงศาธิราช กษัตริย์ ที่ชนชั้นเจ้านายไม่นับเป็น กษัตริย์


ขุนวรวงศาธิราช กษัตริย์ ที่ชนชั้นเจ้านายไม่นับเป็น กษัตริย์


เครดิตแหล่งข้อมูล :silpa-mag.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์