
ย้อนอดีต ครั้งสยามปกครองเขมร เรื่องราวที่ยาวนานและซับซ้อน

ความสัมพันธ์ระหว่างสยามและกัมพูชาเป็นเรื่องราวที่ยาวนานและซับซ้อน โดยมีช่วงเวลาที่สยามมีอิทธิพลอย่างสูงเหนือดินแดนกัมพูชา ซึ่งสามารถย้อนกลับไปได้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนที่มหาอำนาจตะวันตกจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในภูมิภาคไปตลอดกาล
จุดเริ่มต้นแห่งอิทธิพลในสมัยอยุธยา
อิทธิพลของสยามเหนือกัมพูชาเริ่มปรากฏชัดเจนตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเฉพาะในรัชสมัยของกษัตริย์องค์ที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้มีการส่งกองทัพเข้าไปโจมตีกัมพูชาหลายครั้ง ผลลัพธ์คือ กัมพูชาต้องยอมส่งเครื่องราชบรรณาการให้แก่สยาม ซึ่งเป็นการยอมรับสถานะในฐานะ "รัฐบรรณาการ" อย่างเป็นทางการ
อิทธิพลของสยามแผ่ขยายถึงขีดสุดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แม้จะมีการส่งกองทัพเข้าไปแทรกแซงการเมืองภายในของกัมพูชา แต่สยามก็มิได้เข้ายึดครองโดยตรง หากแต่ให้กัมพูชาปกครองตนเองต่อไปภายใต้การอุปถัมภ์ของสยาม
การควบคุมอย่างเข้มข้นในยุครัตนโกสินทร์
เมื่อเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อิทธิพลของสยามยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 1 สยามได้เข้าแทรกแซงการเมืองของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การแต่งตั้งกษัตริย์กัมพูชาที่ต้องมีความภักดีต่อสยาม ทั้งนี้เพื่อคานอำนาจกับเวียดนามซึ่งพยายามขยายอิทธิพลเข้ามาในกัมพูชาเช่นกัน
ในช่วงเวลานี้เองได้เกิดธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญขึ้น คือ การชุบเลี้ยงองค์ราชทายาทเขมรในฐานะพระราชบุตรบุญธรรม ซึ่งเป็นการนำเจ้านายเขมรมาเลี้ยงดูในราชสำนักสยามเสมือนเป็นลูกเจ้าเมืองประเทศราช เพื่อสร้างความผูกพันและป้องกันการแข็งข้อต่อสยาม ธรรมเนียมนี้ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 เป็นเวลากว่า 73 ปี ส่งผลให้วัฒนธรรมและแบบแผนปฏิบัติของราชสำนักสยามได้ถ่ายทอดไปสู่กัมพูชาอย่างกว้างขวาง
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 การแข่งขันกับเวียดนามทวีความรุนแรงจนเกิดสงครามครั้งใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อ "อานัมสยามยุทธ" ผลของสงครามครั้งนี้คือชัยชนะของสยาม ทำให้สามารถฟื้นฟูอิทธิพลเหนือกัมพูชาได้อย่างสมบูรณ์ และได้ทำการแต่งตั้งพระนโรดมขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกัมพูชา
จุดสิ้นสุดแห่งอำนาจและการเข้ามาของฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม การควบคุมอย่างเข้มงวดของสยามได้สร้างความอึดอัดใจให้แก่ราชสำนักเขมร ในที่สุด ปี พ.ศ. 2406 (ค.ศ. 1863) สมเด็จพระนโรดมได้ตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ โดยการลงนามในสนธิสัญญากับฝรั่งเศส
จุดเริ่มต้นแห่งอิทธิพลในสมัยอยุธยา
อิทธิพลของสยามเหนือกัมพูชาเริ่มปรากฏชัดเจนตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเฉพาะในรัชสมัยของกษัตริย์องค์ที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้มีการส่งกองทัพเข้าไปโจมตีกัมพูชาหลายครั้ง ผลลัพธ์คือ กัมพูชาต้องยอมส่งเครื่องราชบรรณาการให้แก่สยาม ซึ่งเป็นการยอมรับสถานะในฐานะ "รัฐบรรณาการ" อย่างเป็นทางการ
อิทธิพลของสยามแผ่ขยายถึงขีดสุดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แม้จะมีการส่งกองทัพเข้าไปแทรกแซงการเมืองภายในของกัมพูชา แต่สยามก็มิได้เข้ายึดครองโดยตรง หากแต่ให้กัมพูชาปกครองตนเองต่อไปภายใต้การอุปถัมภ์ของสยาม
การควบคุมอย่างเข้มข้นในยุครัตนโกสินทร์
เมื่อเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อิทธิพลของสยามยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 1 สยามได้เข้าแทรกแซงการเมืองของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การแต่งตั้งกษัตริย์กัมพูชาที่ต้องมีความภักดีต่อสยาม ทั้งนี้เพื่อคานอำนาจกับเวียดนามซึ่งพยายามขยายอิทธิพลเข้ามาในกัมพูชาเช่นกัน
ในช่วงเวลานี้เองได้เกิดธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญขึ้น คือ การชุบเลี้ยงองค์ราชทายาทเขมรในฐานะพระราชบุตรบุญธรรม ซึ่งเป็นการนำเจ้านายเขมรมาเลี้ยงดูในราชสำนักสยามเสมือนเป็นลูกเจ้าเมืองประเทศราช เพื่อสร้างความผูกพันและป้องกันการแข็งข้อต่อสยาม ธรรมเนียมนี้ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 เป็นเวลากว่า 73 ปี ส่งผลให้วัฒนธรรมและแบบแผนปฏิบัติของราชสำนักสยามได้ถ่ายทอดไปสู่กัมพูชาอย่างกว้างขวาง
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 การแข่งขันกับเวียดนามทวีความรุนแรงจนเกิดสงครามครั้งใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อ "อานัมสยามยุทธ" ผลของสงครามครั้งนี้คือชัยชนะของสยาม ทำให้สามารถฟื้นฟูอิทธิพลเหนือกัมพูชาได้อย่างสมบูรณ์ และได้ทำการแต่งตั้งพระนโรดมขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกัมพูชา
จุดสิ้นสุดแห่งอำนาจและการเข้ามาของฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม การควบคุมอย่างเข้มงวดของสยามได้สร้างความอึดอัดใจให้แก่ราชสำนักเขมร ในที่สุด ปี พ.ศ. 2406 (ค.ศ. 1863) สมเด็จพระนโรดมได้ตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ โดยการลงนามในสนธิสัญญากับฝรั่งเศส
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว