กระทรวงสาธารณสุขจ่อดันรางจืดเป็นสมุนไพรประจำชาติเหมือนโสมเกาหลี

กระทรวงสาธารณสุขจ่อดันรางจืดเป็นสมุนไพรประจำชาติเหมือนโสมเกาหลี


กระทรวงสาธารณสุขเร่งวิจัยรางจืดครบวงจร หวังดันเป็นสมุนไพรประจำชาติเหมือนโสมเกาหลี หลังพบมากด้วยสรรพคุณ มีฤทธิ์ต้านโรคเริม ป้องกันสารพิษทำลายสมอง ป้องกันพิษจากการได้รับเคมีบำบัดที่ใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็ง

                ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการสัมมนา "รางจืด มากกว่าสมุนไพรล้างพิษ" จัดโดยมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ร่วมกับสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อให้สามารถนำรางจืดมาแก้ปัญหาการเจ็บป่วยของประชาชนอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น

                สมุนไพรรางจืดมีความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนไทยมาช้านาน กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายผลักดันให้มีการปลูกและการใช้ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้นำรางจืดมาใช้ขับพิษสารเคมีที่ใช้กำจัดศัตรูพืช และตกค้างอยู่ในเลือดเกษตรกร ที่พบค่าเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 51 ในโครงการเกษตรกรปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย สมุนไพรล้างพิษ กายจิตผ่องใส โครงการนี้จะตรวจเกษตรกรให้ครบทั้ง 14.1 ล้านคนทั่วประเทศ และปัจจุบันคณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้บรรจุให้รางจืดชนิดยาชงและแคปซูล ที่เป็นเภสัชตำรับที่ผลิตในโรงพยาบาลภาครัฐ เป็นรายการยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ สามารถนำมาใช้รักษาผู้ป่วยได้แล้ว

                ดร.พรรณสิริ กล่าวอีกว่า ประการสำคัญยังมีข้อมูลอีกหลายๆ ส่วนที่น่าสนใจ โดยข้อมูลจากกลุ่มหมอพื้นบ้านพบว่า การนำน้ำรางจืดต้ม แล้วนำมาอาบจะทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง ส่วนรากรางจืดนำมาฝนกับน้ำซาวข้าวแล้วนำไปทาหน้า จะทำให้หน้าขาว ไม่มีสิวฝ้า นอกจากนี้รางจืดยังมีสรรพคุณ แก้ผื่นคันจากอาการแพ้ต่างๆ เช่น โรคเริม งูสวัด ใช้ถอนพิษปวดแสบปวดร้อนจากไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้

                ส่วนงานวิจัยในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ มีการศึกษาพบว่า รางจืดมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านไวรัสโรคเริมได้ดี รางจืดยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอันดับต้น ๆ มีแนวโน้มจะนำมาใช้ป้องกันสมองถูกสารพิษทำลาย และยังใช้ป้องกันพิษ จากการได้รับเคมีบำบัดที่ใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งได้ด้วย

                ดร.พรรณสิริกล่าวต่อไปว่า สำหรับประสบการณ์จริงที่แสดงให้เห็นประสิทธิภาพรางจืด เมื่อประมาณปีกว่ามานี้ ได้มีการนำรางจืดมาช่วยชีวิตผู้ที่กินยำแมงดาไฟจำนวน 5 รายที่จังหวัดชุมพร ซึ่ง 2 ใน 5 รายมีอาการโคม่า ซึ่งปกติจะมีโอกาสรอดชีวิตประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น แต่ญาติได้นำต้นรางจืดมาตำจนละเอียดแล้วคั้นเอาน้ำผสมน้ำซาวข้าว ให้พยาบาลฉีดเข้าทางหลอดอาหาร หลังฉีดประมาณ 5-6 ชั่วโมงปรากฏว่า ผู้ป่วยรู้สึกตัวและรอดชีวิต ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับแพทย์เป็นอันมาก

                ดังนั้นกระทรวงจึงเห็นว่า รางจืดมีสรรพคุณและศักยภาพที่สามารถส่งเสริมให้ใช้ได้ในทุกระดับทั้งสถานพยาบาล ประชาชนทั่วไป ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะผลักดันให้มีการวิจัยเรื่องรางจืดอย่างครบวงจร มีความเชื่อถือตามหลักการวิทยาศาสตร์ นำมาแก้ปัญหาการเจ็บป่วยของประชาชนอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น และพัฒนาให้รางจืดเป็นสมุนไพรเอกประจำชาติไทย หรือโปรดักแชมป์เปี้ยน เหมือนกับที่เกาหลีมีโสมเป็นสมุนไพรประจำชาติ



ขอขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือ ระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุขและวิชาการดอทคอม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์