นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผย"มติชนออนไลน์"ว่า
จากการเก็บข้อมูลการป่วยเป็นไข้หวัดของประชาชนปีนี้ยังไม่พบอะไรเป็นพิเศษ เชื้อไวรัสยังคงเป็นสายพันธุ์ปกติ H1N1 , H3N2 และจากการเก็บสถิติจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ 29 จังหวัดของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)พบว่า ภาพรวมผู้ป่วยไข้หวัดปีนี้มีจำนวนลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา ไม่มีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน ส่วนข้อสังเกตที่หลายคนกังวลว่า อาการไข้หวัดที่เป็นหายช้ากว่าปกติ และมีการแพร่ระบาดในที่ทำงานอย่างรวดเร็วนั้น อาจเป็นเพราะผู้ป่วยพักผ่อนน้อย ส่วนการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในที่ทำงาน เพราะการทำงานปัจจุบันอยู่ในห้องแอร์ อากาศไม่ถ่ายเททำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
"ปีนี้ตอนแรกคิดว่า จะมีการระบาดมากในพื้นที่้น้ำท่วม แต่ปรากฎว่า กลับพบตัวเลขใกล้เคียงหรือน้อยกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย จากการเฝ้าระวัง ปีนี้ยังไม่พบอะไรเด่นในเชื้อไวรัสที่เก็บตัวอย่างมาตรวจ ปกติคนที่ป่วยเป็นหวัดถ้าร่างกายแข็งแรง ได้พักผ่อนมาก ๆ และดื่มน้ำให้มาก ๆ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา และหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนคนที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ และเด็กจะหายช้ากว่าปกติ ดังนั้น ผู้ป่วยควรจะหยุดงาน ส่วนเด็กควรจะหยุดเรียนจะได้ไม่นำเชื้อโรคไปแพร่ให้คนอื่น ขณะที่ตัวสถานที่ทำงานควรมีการหมั่นล้างทำความสะอาดแผ่นกรองในเครื่องปรับอากาศ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง และทำการล้างใหญ่ปีละ 1 ครั้ง"นายแพทย์โอภาสกล่าวและว่า
สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้นยังมีโอกาสติดเชื้อไวรัสไข้หวัดทั่วไป และไข้หวัดใหญ่ได้หากร่างกายได้รับเชื้อ และร่างกายอ่อนแอ แต่อาการจะไม่รุนแรงเหมือนกับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
แม้การระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางกรมปศุสัตว์ และทางกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศเฝ้าระวังป้องกันการเจ็บป่วยในคนโดยเฉพาะผู้ป่วยที่ปอดอักเสบ ปอดบวม แม้จนถึงขณะนี้จะยังไม่มีการติดเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีก
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
อดีตที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก(WHO) กล่าวกับ"มติชนออนไลน์"ว่า การพบโรคไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้านทั้งจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทำให้ประเทศไทยคงนิ่งนอนใจไม่ได้ ถึงขณะนี้ยังไม่มีการรายงานการตรวจพบเชื้อไข้หวัดนก แต่ทุกคนทราบกันดีว่า เมื่อเชื้อไข้หวัดนกเคยเกิดขึ้นแล้วในประเทศใด เชื้อจะยังคงฝังตัวอยู่ในธรรมชาติ ไม่ได้หายไปไหน ยิ่งในสภาพอากาศของประเทศไทยหนาวเย็นในช่วงเวลานี้ ยิ่งจะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสทุกชนิด รวมถึงนกตามธรรมชาติอพยพย้ายถิ่นเข้ามาอีก จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายทุกหน่วยงานต้องเฝ้าระวังกันอย่างเข้มงวด
บทสรุปส่งท้าย การที่ทุกฝ่ายจะพยายามเฝ้าระวังกันแล้ว แต่หากจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตที่ไม่มีใครอาจรู้ได้ ก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งกุมนโยบายคงได้เรียนรู้บทเรียนในสมัยรัฐบาลทักษิณมาแล้วว่า การปิดบังอะไรก็ปิดได้ แต่การปิดบังเรื่องโรคระบาด ซึ่งถือเป็นมหัตภัยร้ายแรงนั้น ถือเป็นความ"ผิดพลาด"อย่างใหญ่หลวง
เพราะนั่นไม่ใช่ แต่ความเสียหายด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง"ชีวิต"ของลูกคนจนตาดำ ๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร ต้องมาตายลงวันละ 1-2 คน กว่ารัฐบาลจะออกมายอมรับความจริง "ชีวิตคน ไม่ใช่เกมการเมือง"ที่จะมารอการ"โยนหินถามทาง" เหมือนหลายเรื่องหลายราวที่ทำกันทุกวันนี้
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
