เผย 10 สถานที่ที่คนมักทำมือถือหาย เฉลี่ย 1 คนทำหายปีละเครื่อง ในช่วงเวลา 3 ทุ่ม ถึงตี 2

เผย 10 สถานที่ที่คนมักทำมือถือหาย เฉลี่ย 1 คนทำหายปีละเครื่อง ในช่วงเวลา 3 ทุ่ม ถึงตี 2

สมาร์ทโฟนเป็นเหมือนอวัยวะที่ 33 ของหลายๆ คนหากล่องหนไปจากกระเป๋าอาจส่งผลให้เกิดความเครียดตามมาเพราะสารพัดข้อมูลส่วนตัวหายไปด้วย ข้อมูลจากจากองค์กร “ลุคเอาต์ โมบายล์ ซิเคียวริตี้” พบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้คนทำสมาร์ทโฟนหาย 1 ครั้งในแต่ละปี ขณะที่เวลาเกิดเหตุมักเกิดในช่วงกลางคืน ตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึงตี 2

สำหรับสถานที่ที่ทำสมาร์ทโฟนหาย แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ หากทำสมาร์ทโฟนหายในซานฟรานซิสโก คุณอาจต้องไปตามหาในร้านกาแฟ ส่วนในลอนดอน ต้องตามไล่ลาในผับ ในบรัสเซลส์ เป็นไปได้มากที่จะหายในร้านหมอฟัน และในนิวยอร์ก ต้องไปตามหามือถือในร้านฟาสต์ฟู้ดเป็นอันดับแรก

ลุคเอาต์ฯ จัดอันดับท็อป 10 สถานที่ที่คนมักทำมือถือหาย โดย10 ทำเลในนิวยอร์ก ได้แก่ ร้านฟาสต์ฟู้ด ร้านกาแฟ อพาร์ทเมนต์ ร้านขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ห้องสมุด ร้านขายยา ร้านพิซซ่า บาร์ ร้านทำผม และร้านโดนัท

ส่วน 10 สถานที่ยอดฮิตที่คนมักทำมือถือหายในกรุงโซล ได้แก่ สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ ตามมาด้วยสนามเบสบอล สุสาน ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ย่านศูนย์การค้า ธนาคาร โรงเรียน ลานเบียร์ และร้านขายพวกซุปต้มจืด

สุดยอดทำเล สมาร์ทโฟนหายในมอสโก ได้แก่ ร้านเกี่ยวกับรถยนต์ ฐานประจำการทางทหาร ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมันหรือโรงรถ อพาร์ทเมนต์ ที่จอดรถ ร้านขายของเล่นหรือร้านเกม ฟู้ดคอร์ท ออฟฟิศ ช้อปปิ้งมอลล์

“เควิน มาฮาฟฟีย์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของลุคเอาต์ฯ กล่าวว่า การทำมือถือหายถือเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยบนมือถือที่อันตรายที่สุด มากกว่ามัลแวร์ หรือพวกโปรแกรมประสงค์ร้ายต่างๆ เสียอีก ผู้คนมักทำมือถือหายในสถานที่ที่พวกเขาไปทุกๆ วัน ไม่ใช่สถานที่พลัดหลงเข้าไป นี่ทำให้เราต้องการศึกษาเรื่องนี้

ขณะที่ ในช่วงหยุดสุดสัปดาห์ หรือมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ อาทิ งานมหกรรม หรือการแข่งขันกีฬาแมตช์ใหญ่ๆ บ่อยครั้งที่ผู้คนมักลืมโทรศัพท์ไว้ อย่างในปีที่แล้ว มือถือทั่วโลกหายมากที่สุดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและก่อนปีใหม่ และในกรุงดับบลิน ไอร์แลนด์ มือถือหายมากเป็น 3 เท่า ในช่วงการแข่งขันรักบี้นานาชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

ลุคเอาต์ฯ ประเมินว่า มือถือหายคิดเป็นมูลค่าประมาณ 7 ล้านดอลลาร์ในแต่ละวัน จากจำนวนผู้ใช้ 15 ล้านเครื่อง และนี่จะแปลงเป็นตัวเลขหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี หากมือถือเหล่านั้นไม่ได้กลับคืนสู่เจ้าของ


ขอบคุณ bangkokbiznews

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์