ขึ้นชื่อว่าประเทศไทยไม่ว่าฤดูไหนสาว ๆ ก็ต้องเผชิญกับอากาศร้อนและแสงแดดตลอดเวลา สิ่งที่ทำให้ผิวคล้ำเสียเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยนับไม่ถ้วน ดร.เดวิด เบิร์ทวิสเทิล นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยพอนด์ เผย 7 ปัญหาผิวหมองคล้ำที่สาว ๆ ควรระวังว่า
ปัจจัยแรกที่สาว ๆ มักเผลอใจ แม้ว่าโดนแสงแดดเพียง 60 วินาทีเท่านั้น แต่ผิวสามารถหมองคล้ำขึ้นได้ เพราะเซลล์ผิวเริ่มถูกทำลาย เป็นสัญญาณเตือนให้สาว ๆ รีบดูแลและปกป้องผิวก่อนที่ผิวจะโดนทำร้ายจนคล้ำเสียสะสม
ปัจจัยที่ 2 เกิดจากเครื่องสำอางยอดฮิตอย่างแป้ง บีบีครีม หรือครีมรองพื้น หากทาซ้ำบ่อย ๆ โดยไม่ล้างหน้าทำความสะอาดช่วงเย็นก่อนเข้านอนให้ผิวได้พักและหายใจ จนเกิดการอุดตัน ทำให้กลายเป็นปัญหาของสิวและผิวหมองคล้ำในที่สุด
ส่วนปัจจัยที่ 3 สำหรับสาวสาวกเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียต้องพึงระวังเลย เพราะแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์สามารถปล่อยรังสียูวีเอ รวมไปถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำให้ผิวหมองคล้ำได้
ปัจจัยที่ 4 ที่สาว ๆ คิดว่าการใช้ร่มกันแดดธรรมดาในการป้องกันผิวให้พ้นจากการถูกทำลาย อาจเป็นวิธีที่ผิด เพราะไม่สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ เนื่องจากรังสียูวีสามารถสะท้อนทำร้ายผิวจากกระจก หรือพื้นคอนกรีตเวลาเดินผ่าน แม้แต่ในร่มผิวก็ยังหมองคล้ำขึ้นได้จากรังสียูวีที่ลอดผ่านจากทางหน้าต่างบ้าน กระจกรถ หรือแม้แต่บนเครื่องบิน
ปัจจัยที่ 5 ในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรอย่างเมืองไทย เสี่ยงกับการที่ผิวหน้าจะเผชิญกับรังสียูวีโดยตรง เนื่องจากเป็นโซนที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ และชั้นบรรยากาศช่วยกรองแสงได้น้อยกว่าประเทศแถบอื่น เช่นเดียวกับ ปัจจัยที่ 6 ปัญหากวนใจของสาว ๆ ที่มีจุดด่างดำจากรอยสิว ซึ่งจะยิ่งคล้ำเสียมากขึ้นกว่าเดิม หากโดนแสงแดดมาก ๆ เนื่องจากเซลล์ผิวเพิ่งฟื้นตัวจากการเกิดสิว ถ้าโดนแดดที่มีทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี ยิ่งจะทำให้รอยแดงของสิวยิ่งคล้ำเสียและเป็นจุดด่างดำเข้มชัดขึ้น และปัจจัยสุดท้ายคือ ความเครียดที่เป็นสาเหตุหนึ่งของผิวหมองคล้ำไม่สดใส ทำให้ผิวผลิตเมลานินมากกว่าปกติ
เมื่อทราบสาเหตุของผิวหมองคล้ำแล้ว ดร.เดวิด แนะนำวิธีดูแลผิวให้สาว ๆ สวยกระจ่างใสทุกฤดูกาล
หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัด ๆ ช่วง 10.00-17.00 น. และทาครีมกันแดดค่าเอสพีเอฟ 25 ขึ้นไป เพื่อปกป้องทั้งยูวีเอและยูวีบี, ส่วนสาว ๆ ไซเบอร์ควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ 14-24 นิ้ว พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอให้เป็นศูนย์จะช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึงร้อยละ 80, ล้างหน้าให้สะอาดทุกวันด้วยโฟมล้างหน้าผสมสครับ โดยเฉพาะในช่วงเย็น เนื่องจากผิวเผชิญกับมลพิษและแสงแดดมาตลอดทั้งวัน หากมีเวลาให้มาส์กและสครับผิวหน้าอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
และวิธีสุดท้ายควรกินผักใบเขียวเพราะช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ควบคู่ผักสีเหลืองส้ม เช่น แครอท ฟักทอง ข้าวโพด ที่มีเบตาแคโรทีนบำรุงให้ผิวสวย รวมถึงควรกินผักผลไม้สีแดง อาทิ แอปเปิ้ล ทับทิม มะเขือเทศ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยฟื้นบำรุงผิวด้วย.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
