เมื่อทำดีเราอยากได้ผลดีตอบ
เมื่อลักลอบทำความชั่วกลัวบ้างไหม
ชั่วที่ทำกรรมที่ก่อเกิดกับใคร
หากมิใช่ตัวของเราเจ้าของกาย
มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
เพราะมีมันสมองเลิศกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่ก็ยังมีชื่อว่าผู้ที่เป็นมนุษย์อยู่อีกเป็นจำนวนมาก ที่มิได้ใช้มันสมองอันเลอเลิศประเสริฐกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับมาสร้างบาปกเวรกรรมและทำความชั่วใส่ตน อย่างไม่เคยคิดพิจารณาถึงผลลัพธ์ในภายหน้า
คำว่า กรรม แปลว่า การกระทำ
ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าดีหรือชั่ว กฎแห่งกรรมจึงมีความหมายว่า ผลของการกระทำที่ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น มนุษย์เรานั้นจะได้ดีหรือชั่ว ก็เพราะตัวเองเป็นผู้ก่อ หรือผู้กระทำ หากประกอบเหตุดีได้รับผลดี หรือกรรมดี หากประกอบเหตุชั่วก็ได้รับกรรมชั่วมากกว่ากรรมดี หรือบุคคลที่ทำความผิดคิดคดโกงทุจริต จิตโลภโมโทสัน กระทำการทุจริต ๓ อย่าง เช่น
๑. กายทุจริต กระทำชั่วทางกาย ไม่ฆ่าเขา ผลกรรมคืออายุสั้น ทุจริตโกงกิน ผลกรรมคือเป็นโรคหวาดผวา ประพฤติผิดลูกเมียคนอื่น ทำให้เกิดผลกรรมคือเป็นโรคเอดส์ กามโรคได้ง่าย เป็นต้น
๒. วจีสุจริต กระทำความชั่วทางวาจา หรือคำพูด เพราะการพูดโดยไม่คิดเท่ากับพ่นพิษใส่คนอื่น ผลกรรมคือทำให้เป็นโรคความจำเสื่อมหลง ๆ ลืม ๆ ฟันไม่สวยต้องใส่เหล็กดัดฟัน เป็นต้น ไม่มีคนจะเชื่อคำกพูดหาคนจริงใจไม่มี
๓. มโนทุจริต การกระทำความชั่วทางความคิดถึงไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็เป็นที่ตายไปแล้ว ในความคิดของผู้อื่น จิตที่คิดจะให้สบายใจกว่าจิตที่คิดจะเอา ผลของการเป็นคนเห็นผิด ทำให้ชีวิตมืดมน เพราะเห็นผิดเป็นชอบ ประกอบแต่บาป ซึมซาบแต่ความเลว และเป็นพวกล้มเหลวทางความคิด จิตไม่สมประกอบ เพราะชอบเอาเปรียบผู้อื่น
ทั้ง ๓ ประการนี้คือการกระทำความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ บัณฑิตนั้น ย่อมไม่สรรเสริญเยินยอแต่ประการใด ทำแล้วทำให้เกิดผลกรรมชั่วตามติดตัว ตัวใครก็ตัวมัน ลำพังพวกคนชั่วมักมีคำพูดปลอบใจพวกคนชั่วด้วยกันว่า
“เกิดมากลัวอะไร เกิดหนเดียวตายหนเดียว”
นี่คือคำพูดของคนสิ้นคิด คนที่คิดผิดพร้อมจะทำชั่ว อย่าลืมซะว่า “ดีชั่วก็เพราะตัวทำ เกิดเป็นกฎแห่งกรรมนำไปสู่การใช้เวรกรรม” เราทุกคนอยู่ภายใต้อำนาจกฎแห่งกรรม ก็ควรจำไว้ว่า อย่าส่งเสริมคนชั่ว อย่าหลวมตัวทำบาป อย่าปล่อยให้กิเลสชักชวนในทางผิด อย่าให้จิตอยู่ใต้อำนาจฝ่ายต่ำ
สมดังภาษิตบาลีบทหนึ่งกล่าวว่า
“กัมมุนา วัตตะตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” สัตว์โลกคือมนุษย์เราท่านที่อ่านบทความอยู่นี้แหละ มิใช่ผู้ใดใครอื่นเลย ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม ตนจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น นรกสวรรค์มีจริง เวรรกรรมมีจริง มนุษย์เราที่เกิดมาทุกคนควรจะได้ตระหนักให้ข้อคิดสะกิดใจตนเองว่า ชีวิตเราเกิดมาเพื่อขวางทางบาป มิใช่ขวางทางบุญ นั่นแสดงว่า เกิดมาขวางบาป ปราบทางชั่ว ปิดทางมืดมัว แล้วเปิดประตูบุญ
คนเรานั้น มี จิตเป็นนาย มีกายเป็นบ่าว
ชอบทำอะไรตามใจหรือตามที่จิตสั่ง ไม่มีบ้างเลยที่จะยับยั้งชั่งใจ หลงลืมสติสัมปชัญญะ ความรู้สึกสำนึกต่อผิดชอบชั่วดี เมื่อเป็นอย่างนี้อำนาจของกฎแห่งกรรมในอกุศลธรรมกรรมอันเป็นฝ่ายชั่ว จึงได้ปรากฎตัวและแสดงผลอย่างเด่นชัด เพราะไม่รู้จักหาทางขจัดมัน กฎแห่งกรรมเราท่านอาจหนีไปไม่พ้น เราควรทำตนให้ประกอบแต่กรรมดี เพื่อหนีกรรมมชั่ว เหตุเพราะ
ขวางทางเพื่อบาปไม่เกิดประเสริฐแล้ว
ก็ไม่แคล้วเข้าทางบุญการุณเกื้อ
บาปลี้ลับก็เอาบุญมาจุนเจือ
ช่วยกันเอื้อช่วยกันส่งให้ตรงทาง..
(ธรรมะรุ่งอรุณวิถีพุทธ พระครูประทีปธรรมพิมล)
---------------------------
ขอขอบคุณ เว็บไซต์วัดยานนาวา