การถวายตัวให้เป็นบาทบริจาริกาของกษัตริย์

การนำลูก และ หลานสาวทูลเกล้าถวายตัวให้เป็นบาทบริจาริกาของกษัตริย์ เป็นไปเพื่อพยุงฐานะทางเศรษฐกิจสังคม และการเมืองของสมาชิกในตระกูลตนด้วยเช่นกัน จึงทำให้พระราชสำนัก จึงคับคั่งไปด้วยสุภาพสตรีมากหน้าหลายตา คอยปรนนิบัติรับใช้กษัตริย์ ซึ่งการถวายตัวเป็นมเหสีของกษัตริย์ พิทยา บุนนาค ให้สัมภาษณ์ว่า "พระแท่นบรรทมจะอยู่ใต้เศวตฉัตร เจ้าจอมจะขึ้นไปนอนบนพระแท่นบรรทมไม่ได้ จะมีพระแท่นรองเวลาถวายงาน เท้าเจ้าจอมจะชี้ไปที่พระแท่นก็ไม่ได้ จึงมีท่ากามสูตรที่จะเก็บเท้าไม่ให้ชี้ ผู้หญิงมีตระกูลที่จะถวายตัว ต้องฝึกท่าที่คล้ายคลึงกับท่าโยคะบางท่าตั้งแต่เล็ก"



การถวายตัวให้เป็นบาทบริจาริกาของกษัตริย์

เช่นเดียวกับที่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธิสิริโสภา และพลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เล่าประทานให้ เผ่าทอง ทองเจือ ว่าบรรดาหญิงสาวต้องผ่านการล้างและอบร่ำอวัยวะเพศอย่างพิถีพิถัน และ"ท่า" แรกในการถวายตัวคือ พนมมือนอนหงายในท่า "พับเป็ด" เพื่อไม่ให้ตีนของหญิงที่กษัตริย์กำลังทรงร่วมเพศไปสัมผัสพระวรกายของพระเจ้าแผ่นดิน เพราะตามคติความเชื่อชาวสยามแล้ว ตีนเป็นของต่ำที่จะไม่สามารถถูกหรือสัมผัสพระเจ้าแผ่นดินซึ่งประหนึ่งเทพเจ้าอันสูงสุดได้แม้แต่เพียงพระบาทของพระองค์ "ท่าพับเป็ด" ของผู้หญิงจึงกลายเป็นท่าแรกและท่าบังคับตามจารีตประเพณี ตามที่ แต่ท่าร่วมเพศหลังจากนั้นน่าจะขึ้นอยู่กับพระราชนิยมส่วนพระองค์

แต่ถึงกระนั้นบางท่าบางลีลาน่าเป็นท่าต้องห้ามเพราะในสังคมสยามที่เชื่อถือกันมายาวนานแล้วว่า ศีรษะหรือผมเป็น "ของสูง" ห้ามให้ผู้อื่นไปสัมผัสอวัยวะดังกล่าว หรือแม้แต่การเอื้อมมือกรายข้ามหรือการสัมผัสลอมพอกก็ตามเพราะถือว่าเป็นการดูถูกดูแคลนอย่างมหันต์(มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์, สันต์ ท.โกมลบุตร,ผู้แปล,,2548,น. 180)

 


การถวายตัวให้เป็นบาทบริจาริกาของกษัตริย์

ในการหลับนอนกับพระเจ้าแผ่นดินนั้น ไม่เพียงแต่ "ท่าทาง" ที่ถูกกำหนด แต่ "ที่ทาง" ก็เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งสำหรับการรักษาอำนาจทางการเมืองของพระองค์ เนื่องจากผู้ที่เป็นกษัตริย์เท่านั้นที่สามารถบรรทมใต้นภปดลเศวตฉัตรซึ่งแขวนอยู่เหนือพระแท่นบรรทม ผู้อื่นมิสามารถอยู่ใต้ร่มของพระมหาเศวตฉัตร 9 ชั้นนั้นได้ ซึ่งพระแท่นบรรทมของกษัตริย์ตั้งแต่รัชกาลที่1-4 ในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน มีลักษณะ 4 เสา มีโครงหลังคาทำด้วยไม้ฉลุ มีที่พำนัก 3 ด้าน ขึ้นลงได้ด้านเดียว ซึ่งเป็นอิทธิพลจากราชสำนักจีน ด้านหน้าพระแท่นบรรทมพบว่ามีเตียงขาคู้ขนาดใหญ่ ซึ่งเรียกว่า "พระแท่นลด" มีความสูงลดต่ำลงมา ประมาณ 1 ศอก เพื่อให้บาทบริจาริกาถวายอยู่งานนวด และเพื่อไม่ให้นางในที่ถวายงานอยู่ใต้พระมหาเศวตรฉัตรด้วย พระแท่นลดนั้นมีขนาดกว้างมาก จึงสันนิษฐานได้ว่ากิจกรรมทางเพศของพระเจ้าแผ่นดินน่าจะประกอบบนบริเวณพระแท่นลดนี้ในสมัยรัชกาลที่ 1 - 4 ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชนชั้นสูงสยามได้รับวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น พระแท่นบรรทม จึงมีหัวเตียงปลายเตียง ขึ้นลงได้ 2 ทาง ซ้ายและขวา เห็นได้จากห้องบรรทมในพระที่นั่งอัมพรสถาน แต่ด้านข้างของพระแท่นบรรทมพบว่าทั้งซ้ายขวาเป็นเตียงลดต่ำลงมาทั้งสองข้าง ซึ่งไปสู่ข้อสังเกตเกี่ยวกับการถวายตัว และ ถวายงานของบาทจาริกาในพระองค์ว่าอาจมีจำนวน 1 คนขึ้นไป เพราะมีพระแท่นเพิ่มขึ้น

การถวายตัวให้เป็นบาทบริจาริกาของกษัตริย์

ที่มา Facebook ราชินี เจ้าจอม หม่อมห้ามในอดีต


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์