งานแต่งงาน ที่สวยงามที่สุดแห่งปี

The most beautiful wedding of the year

as scarred soldier marries his sweetheart
 

เป็นชื่อข่าว..เรื่องราวจากหนังสือพิมพ์ เดลี่เมลล์

ที่แปลได้ว่า งานแต่งงานที่งดงามที่สุดในรอบปี

ระหว่างทหารหนุ่ม(ผู้เสียโฉม)กับหวานใจของเขา

Forget spoilt footballers and minor Royals.

Yesterday, Miss Michelle Clifford married

Lance-Corporal Martyn Compton.

ลืมเรื่องของพวกนักฟุตบอลดังๆ  และพวกศักดินา

ทั้งหลาย กันไปก่อน แล้วหันมาดูเรื่องราว

ของมิเชล คลิฟฟอร์ด ที่ได้เข้าพิธีแต่งงาน

กับสิบตรี มาร์ติน คอมป์ตัน เมื่อวานนี้

And the terrible injuries he suffered

in Afghanistan could not diminish

the towering, inspirational love they share


และการได้รับบาดเจ็บสาหัสของสิบตรีมาร์ติน

ในการรบที่อัฟริกานิสถาน ก็ไม่สามารถทำให้

ความรักที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจอันสูงส่ง

ของพวกเขาทั้งสองคน จะลดน้อยถอยลงไปได้เลย

ย้อนไปเมื่อสองปีก่อน ชีวิตรักของทั้งคู่เกือบล่มสลาย

เมื่อสิบตรีมาร์ตินได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรบ

ในอัฟริกานิสถานจนเกือบเสียชีวิต แต่โชคดีที่รอดมาได้

แต่เขาก็ไม่สามารถกลับมาเป็นมาร์ตินคนเก่าได้อีกต่อไปแล้ว

เพราะการบาดเจ็บครั้งนี้ ทำให้เกิดบาดแผลไฟไหม้

เกือบทั่วตัว โดยเฉพาะใบหน้า ทำให้เสียโฉม

เป็นอย่างมาก นอกจากนี้เขายังต้องสูญเสียใบหู

ไปอีกด้วย ส่วนขาและแขน ก็ใช้งานไม่คล่อง

เพราะมีกระสุนฝังในอยู่ ในวันนั้นเขาต้องรักษา

อาการขั้นโคม่านี้อยู่เป็นเวลาถึงสามเดือน

จึงค่อยมีสติฟื้นคืนขึ้นมาได้อีกครั้ง

และเหตุการณ์นี้...ในวันนั้น ได้กลายเป็น

ข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เพื่อเตือนสติรัฐบาลอังกฤษ

(และรัฐบาลบ้าเลือดทั้งหลาย) ว่า การส่งพลทหาร

ไปรบในตะวันออกกลางนั้น เป็นการสูญเสีย

ในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านกำลังพล

ด้านจิตใจของครอบครัวทหาร และประชาชน 

รวมถึงงบประมาณต่างๆ ในการทดแทน และ

การรักษาอาการบาดเจ็บของเหล่าทหารทั้งหลายนี้อีกด้วย

ช่วงสองปีที่แล้ว สื่อทั้งหลายตีข่าวของมาร์ติน

เพื่อกระตุ้นและเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษ

ยุติการส่งทหารไปรบในตะวันออกกลางเสีย

จนเจ้าฟ้าชายวิลเลี่ยมส์ ซึ่งทรงเป็นเพื่อนทหาร

กับมาร์ตินถึงกับกระเซ้าเย้าแหย่มาร์ตินว่า

เขาทำท่าจะดังไปกว่าเจ้าชายเสียแล้ว

เพราะตกเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน

และเมื่อวานนี้ เขาก็ตกเป็นข่าวอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเข้าพิธีวิวาห์กับคุณครูสาว นามว่า มิเชล

หวานใจของเขาที่รักกันมาก่อนหน้าที่จะไปออกรบ

เป็นอีกเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้ใครมากมาย

 ซึ้งใจในความรักแท้ของสาวมิเชล

มิเชลกล่าวว่า มีใครหลายคนคิดว่า..เธอช่าง

เข้มแข็ง และมั่นคงกับคนรักที่หน้าตา

และร่างกายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

แต่สำหรับเธอ เธอคิดว่า มันไม่จำเป็น

ที่จะต้องสร้างความเข้มแข็ง หรือความมั่นคงอะไร

เพิ่มขึ้น หลังจากที่เขาเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้

เพียงแค่เธอรู้สึกว่า ทุกสิ่งในตัวมาร์ติน

ที่ทำให้เธอตกหลุมรักเขานั้น เธอก็ยังคงสัมผัส

และมองเห็นได้ด้วยตาและใจ ในร่างอัน

เสียโฉมนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย

ทุกครั้งที่เธอดูแลพามาร์ตินไปไหนมาไหน

แล้วมีเด็กๆ มาจ้องหน้าเขา และเห็นเขา

เป็นตัวประหลาด เธอจะไม่ถือสาอะไร

เพราะถือว่าเด็กๆ ยังไร้เดียงสา เกินกว่า

จะเข้าใจอะไรได้ แต่หากว่าเป็นพวกผู้ใหญ่

จ้องมองมาร์ตินมาแบบนั้น เธอจะไม่ยอม

และจะจ้องมองกลับไป ให้คนคนนั้นได้รู้ว่า

เขาก็ยังเป็นคนเช่นเดียวกับพวกเราเหมือนกัน

 

ส่วนมาร์ติน เขาบอกว่า มิเชลนั้นเธอเป็น

ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวที่เข้มแข็งดุจหินผาของเขา

ทำให้เขามีกำลังใจ และรอดชีวิตมาได้จนทุกวันนี้

ตลอดเวลาที่นอนบาดเจ็บสาหัสอยู่นั้น

มิเชลคือคนที่ดูแล ป้อนข้าว ป้อนน้ำ

แม้กระทั่ง ทำความสะอาดร่างกาย

และแปรงฟันให้เขา ทำให้เขาไม่มี

วันที่จะลืมผู้หญิงคนนี้ไปได้เลย

His injuries won't prevent the couple

having children, and they plan to start

a family as soon as possible.

'Of course it was difficult to have

a physical relationship at first,'

โชคดีที่การได้รับบาดเจ็บครั้งนี้ของมาร์ติน

ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการมีลูก

ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะสร้าง

ครอบครัวด้วยการมีตัวน้อยๆ ทันทีที่

พวกเขาพร้อม และแน่นอนที่ว่า มันคงไม่ง่ายนัก

สำหรับการเริ่มต้นมีความสัมพันธ์กันทางด้านร่างกาย

Michelle explains.

'But we learned to take things slowly.

Cuddles counted for a lot.

I can touch and hold him just

as I did before. I think what

we have been through takes

a relationship to a whole new level.

It goes beyond sexual attraction.

แต่มิเชลก็บอกไว้ว่า พวกเขาคงค่อยๆ เป็น ค่อยๆไป

  แค่การกอดกันอุ่นๆ นั้น มันก็ดูมีความหมายมากมายแล้ว 

ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็คงยังสามารถสัมผัส และโอบกอด

เขาได้เหมือนเช่นที่เคยทำมาก่อนหน้าที่มาร์ตินจะเสียโฉม

 เธอคิดว่า...สิ่งที่เธอและมาร์ตินผ่านอะไรต่อมิอะไร

มาได้จนวันนี้ ถือว่าเป็นการเลื่อนขั้นความสัมพันธ์

ของเขาและเธอขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งมีความหมาย

มากกว่า แค่เรื่อง...ความพึงใจภายนอกไปเสียแล้ว

 

'Now we've discovered so much more

 about each other. We've proved it's true love.'

และเขาทั้งสองได้ตระหนักแล้วว่า

เขามีค่าซึ่งกันและกันมากมายขนาดไหน

และพิสูจน์ใจกันได้แล้วว่า นี่คือ รักแท้


ก็ขออวยพรให้ทั้งคู่มีความสุขในชีวิตคู่ตลอดไปแล้วกันนะคะ

พอดีไปอ่านเจอเมื่อวานนี้ เลยเอามาแปลเสียหน่อย

กะว่าจะแปลไว้ประท้วงพวกทำสงคราม แต่ไหง

กลายมาเป็นเรื่องรักโรแมนติค..ซะขนาดนี้หนอ


ขอบคุณเรื่องราวและภาพจากเดลี่ เมลล์มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
 (FW)


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์