ยาดีคือพระธรรม

ยาดีคือพระธรรม



     ไม่มียาดีที่ไหนที่จะรักษาความเน่าเหม็นของอกุศลได้ นอกจากพระธรรม  ปัญญาทางพุทธศาสนา เท่านั้น ที่จะรักษาความเน่าเหม็นของอกุศล ที่เกิดขึ้นสะสมในแต่ละวันซึ่งจะทำให้เน่าเหม็นยิ่งขึ้น   เพราะในชีวิตแต่ละวันจะเห็นว่า  ขณะที่ไม่เป็นไปกับการให้ทาน   การวิรัติงดเว้นจากการกระทำบาป และการภาวนาแล้ว   นอกนั้นเป็นไปกับความเน่าเหม็น หมักหมนเพิ่มขึ้นของอกุศลสุดที่จะรักษาได้.......

      ยาที่ดีที่สุด  คือ พระธรรม   หากไม่มีศรัทธาที่จะฟังพระธรรม  รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้  ก็จะไม่สามารถรักษาความเน่าเหม็นของอกุศลได้  ไม่สามารถจะออกจากวัฏฏะสงสารไปได้

        การรู้ความจริงของสิ่งที่กำลัง ปรากฏขณะนี้  ฟังดูไม่ยาก...  แต่เข้าใจจริงๆบ้างหรือยังว่าทุกๆขณะที่กำลังปรากฏไม่ ว่าทางตา  ทางหู..อะไรเป็นธรรมะ  อะไรเป็นความจริงที่มีอยู่จริงๆที่กำลังปรากฏ  ค่อยๆ ฟัง ค่อยเข้าใจ.. .ขณะที่เห็นแล้วรู้สิ่งที่ปรากฏเป็นสติสัมปชัญญะ  เพราะกำลังเริ่มรู้สิ่งที่ปรากฏ   ปัญญาเริ่มเข้าใจสิ่งที่ปรากฏ   ธรรมะเป็นสิ่งที่ละเอียด  ลึกซึ้ง  อย่าเผินอย่าหันหลังให้กับสิ่งที่กำลังปรากฏตรงหน้าขณะนี้ ไปหาสิ่งอื่น  เพราะความไม่รู้  และความต้องการจึงหันไปหาสิ่งอื่น    ทำให้ไม่สามารถรู้ความจริงที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้านี้ได้ความจริงที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้   ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริง   ที่กำลังปรากฏ    เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง  ซึ่งกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา  ไม่ต้องไปรู้แจ้งอริยสัจจธรรมที่อื่น    ขณะนี้มีธรรมที่กำลังปรากฏให้เข้าใจ  ให้ศึกษา   ให้รู้แจ้ง อริยสัจจธรรม ได้

  ใน มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ สีหนาทวรรควนปัตถสูตร ข้อ ๒๓๔-๒๔๒

พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงธรรมแก่พระภิกษุทั้งหลาย ว่า
ภิกษุ เข้าไปอาศัยบุคคลใด บุคคลหนึ่ง
แล้วกุศลธรรมไม่เจริญ ก็ไม่ควรพัวพันกับบุคคลนั้นเลย
ควรจะหลีกไปจากผู้นั้น โดยไม่ต้องบอก
ไม่ว่าจะเป็นในเวลากลางวัน หรือในกลางคืน ก็ตาม.

แต่บุคคลใด ที่ภิกษุเข้าไปอาศัย แล้วกุศลธรรมเจริญ
ก็ควรจะพัวพัน คือ คบหาสมาคมกับบุคคลนั้น จนตลอดชีวิต
ไม่ควรจะหลีกไป ถึงแม้ถูกขับไล่ก็ตาม.
ฯลฯ


ในอังคุตตรนิกาย นวกนิบาต สัมโพธวรรคที่ ๑ เสวนาสูตร ข้อ ๒๑๐

ท่านพระสารีบุตร
ได้แสดงธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงนี้แก่ภิกษุทั้งหลาย
เพื่อให้เห็น ลักษณะของบุคคลที่ควรเสพ และ ไม่ควรเสพ ว่า
เมื่อคบหาบุคคลใด แล้ว อกุศลธรรมเจริญ  กุศลธรรมเสื่อม
ไม่ถึงความบริบูรณ์ด้วยภาวนา

ถ้ารู้อย่างนั้น ในเวลากลางคืน ก็ให้หลีกไปเสีย ในเวลากลางคืน
โดยไม่ต้องบอกลา.

ถ้ารู้อย่างนั้น ในเวลากลางวันก็ให้หลีกไปเสีย ในเวลากลางวัน
โดยไม่ต้องบอกลา.

    พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 551

                           

   เมตตาสูตร

ว่าด้วยอานิสงส์ของเมตตา ๑๑ ประการ

           [๒๒๒]     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย     เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ     อันบุคคลเสพแล้ว     ทำให้มากแล้ว     ทำให้เป็นดุจยาน    ทำให้เป็นที่ตั้ง      ให้ตั้งมั่นโดยลำดับ    สั่งสมดีแล้ว    ปรารภด้วยดีแล้ว    พึงหวังอานิสงส์  ๑๑  ประการ
๑๑  ประการเป็นไฉน   คือ     ย่อมหลับเป็นสุข ๑       ย่อมตื่นเป็นสุข ๑   ย่อมไม่ฝันลามก ๑        ย่อมเป็นที่รักแห่งมนุษย์ทั้งหลาย ๑        ย่อมเป็นที่รักแห่งอมนุษย์ทั้งหลาย ๑   เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา ๑   ไฟ ยาพิษหรือศัสตราย่อมไม่กล้ำกรายได้  ๑    จิตย่อมตั้งมั่นโดยรวดเร็ว ๑ สีหน้าย่อมผ่องใส ๑    เป็นผู้ไม่หลงใหลทำกาละ ๑     เมื่อไม่แทงตลอดคุณอันยิ่ง   ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก ๑      ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ      อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว    ทำให้มากแล้ว   ทำให้เป็นดุจยาน   ทำให้เป็นที่ตั้ง   ให้ตั้งมั่นโดยลำดับ   สั่งสมดีแล้ว   ปรารภด้วยดีแล้ว     พึงหวังอานิสงส์  ๑๑  ประการนี้แล.
             
จบเมตตาสูตรที่  ๕
 

ยาดีคือพระธรรม


บทความจากธรรมะคิด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์