ถ้ารู้ว่าจะได้เป็น 1 ใน 4 คนแรกของประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติที่ได้เดินทางไปเหยียบพื้นผิวดาวอังคาร
แต่ไปแล้วไปเลย ตีตั๋วเที่ยวเดียว ไม่ได้กลับมาบนโลกอีก เปลี่ยนถิ่นที่อยู่ไปต่างดาวตลอดไปจวบจนสิ้นลมหายใจ
คุณจะยังอยากไปหรือเปล่า?
คุณผู้อ่านน่าจะพอคุ้นเคยกับคอนเซ็ปต์ที่ซู่ชิงถามมาแล้ว
เพราะที่พูดมาก็คือเป้าหมายของโครงการเอกชนMars One ที่เป็นที่ฮือฮากันทั่วโลกมาพักหนึ่ง
Mars One เป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรในเนเธอร์แลนด์ที่จะคัดเลือกอาสาสมัครทั้งหมด 4 คน ในการนำเผ่าพันธุ์มนุษยชาติของเราไปตั้งถิ่นฐานใหม่บนดาวอังคาร และจะบันทึกการเดินทางแห่งประวัติศาสตร์นี้ไว้ในรูปแบบของรายการเรียลลิตี้ด้วย
ซึ่งช่วงเวลาที่ตั้งเป้าว่าจะออกเดินทางกันก็คือปี2024หรืออีก 10 ปีข้างหน้านั่นเอง
เจ้าหน้าที่นาซ่าบอกว่าสาเหตุที่ภารกิจการส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคารยังทำไม่ได้ในตอนนี้ก็เพราะว่าเรายังไม่มีเทคโนโลยีที่จะส่งคนไปแล้วพาคนเหล่านั้นกลับมาได้เนื่องจากดาวอังคารอยู่ห่างจากโลกมนุษย์ลิบลับ(ประมาณ 56 ล้านกิโลเมตร) และการจะส่งคนไปนั้นก็จะต้องเจอกับปัญหาว่าเรายังไม่สามารถเก็บกักเชื้อเพลิงที่ต้องใช้ในการเดินทางไปกลับได้อย่างเพียงพอ ยังไม่มียานพาหนะที่สามารถลงจอดบนพื้นผิวของดาวอังคารได้
และจนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่แน่ใจเลยว่ามนุษย์จะต้องทำอย่างไรบ้างจึงจะสามารถอาศัยอยู่บนดาวอังคารได้
ฟังดูเขาพูดแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าทริปไปดาวอังคารฟังดูอึมครึม น่ากลัว อ้างว้าง ไม่แน่นอน เมื่อนึกจินตนาการตามไปด้วยก็เกิดความรู้สึกอึดอัด ใจสั่นเหมือนตอนที่กำลังดูภาพยนตร์เรื่อง Gravity ที่ตัวเอกลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอวกาศในสภาวะไร้เสียงและไม่มีที่ยึดเหนี่ยวหรือแม้แต่ความมั่นใจว่าจะมีชีวิตรอดมาได้สูดออกซิเจนบนโลกอีกหรือเปล่า
อย่าว่าแต่จะไปไกลถึงดาวอังคารเลยแค่ชวนไปปีนเบสแคมป์ของเอเวอเรสต์ซู่ชิงก็อาจจะชิ่งวิ่งป่าราบไปแล้วก็ได้
อยากไปดาวอังคารก็อยาก แต่กลัวก็กลัว ใจไม่ถึงเพราะรู้ว่านี่มันทริปพลีชีพชัดๆ ซู่ชิงก็เลยรู้สึกทึ่งมากที่เมื่อ Mars One ประกาศรับอาสาสมัครไปดาวอังคารแบบทริปเที่ยวเดียว มีคนสมัครมาตั้ง 200,000 คน
ตอนที่ได้ยินตัวเลขนี้ก็สงสัยใคร่รู้มากว่าในหัวของคนเหล่านี้คิดอะไรอยู่ อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เขาดีดนิ้วเปาะ ตัดสินใจว่านี่แหละ คือเส้นทางชีวิต
เพิ่งจะได้คลายความสงสัยไปบ้างหลังจากที่ได้ชมคลิปวิดีโอคลิปหนึ่งที่เพิ่งจะมีการเผยแพร่เร็วๆนี้
คลิปนี้มีชื่อว่าMars One Way จัดทำโดย Vita Brevis Films (ชมคลิปได้ที่ vimeo.com/87916326)
เป็นคลิปที่หยิบอาสาสมัครไปดาวอังคารกับ Mars One ขึ้นมา 5 คน แล้วสัมภาษณ์คนเหล่านี้ในรูปแบบเรียลลิตี้ว่าทำไมพวกเขาจึงตัดสินใจไป
ตัดสลับกับการเล่าเรื่องชีวิตบนโลกของพวกเขา
คนแรกเป็นผู้ชายในวัยยี่สิบปลายสวมแว่น หน้าตาเกลี้ยงเกลา อาศัยในชนบท มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงผึ้ง
คนที่สองเป็นผู้ชายหัวล้านไว้เครา ท่าทางกรุ้มกริ่ม ร่างกายกำยำเหมือนจะก้าวร้าวแต่ในขณะพูดกลับดูเป็นคนอ่อนไหวอย่างบอกไม่ถูก
คนที่สาม เป็นผู้ชายผมยาว หวีผมลีบๆ แต่งตัวเชยๆ อยู่ในบ้านสีทึมๆ ที่ว่างเปล่าตามลำพังอย่างไร้สรรพเสียง
คนที่สี่ เป็นช่างทำผม ใบหน้าสวยคม ย้อมผมสีแดงเพลิง ล้อมรอบไปด้วยดีวีดีของภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนี้
และคนที่ห้า ชายสวมสูทที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว คลิปวิดีโอสัมภาษณ์เขากับภรรยาและตัดภาพให้เห็นเขากำลังเล่นกับลูกๆ อย่างรักใคร่
เมื่อเนื้อเรื่องในคลิปความยาวเกือบ 12 นาทีดำเนินไปเรื่อยๆ ปมของแต่ละคนก็ถูกคลี่คลายออกมา เรื่องที่เกินคาดสำหรับซู่ชิงคือบุคลิกและเรื่องราวชีวิตของคนที่ขันอาสาขอไปดาวอังคารแบบไม่กลับมันช่างแตกต่างกับจินตนาการที่ซู่ชิงวาดไว้เหลือเกิน
คนที่พร้อมจะเสียสละทุกสิ่งเพื่อออกไปสำรวจสิ่งที่อาจจะเป็นอนาคตของมวลมนุษย์น่าจะต้องเป็นคนที่ดูเต็มไปด้วยพลังชีวิตกระตือรือร้น สนใจใคร่รู้ และมีความลุ่มหลงกับวิทยาศาสตร์มากพอที่จะยอมทิ้งชีวิตตัวเองได้
แต่เรื่องราวของทั้งห้าคนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ชายผมลีบผู้แสนหงอยบอกว่าเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่บนโลกใบนี้ต่อและเขาก็คงจะไม่คิดถึงมนุษย์มากมายนักหรอกถ้าไปดาวอังคารตัวเขาเองคงมีประโยชน์กับมนุษยชาติมากกว่านี้
ผู้หญิงคนเดียวจากทั้งห้าคนบอกว่าตัวเองมีเป้าหมายชีวิตที่คลุมเครือ
ชายหัวล้านเปรียบเทียบตัวเองเป็นเหมือนก้อนอุจจาระที่ลอยวนอยู่ในโถส้วมแห่งชีวิตชีวิตเขาน่าเบื่อ ไม่มีทิศทาง
คนเลี้ยงผึ้งบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับชีวิตบนโลก เขามีเพื่อนมากมาย แต่สิ่งที่จะคิดถึงมากที่สุดก็น่าจะเป็นผึ้งของเขานี่แหละ
ดูเหมือนกับว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ความท้าทายในการได้เดินทางไปยังที่ที่ไม่มีมนุษย์คนไหนย่างกรายไปมาก่อนหรือการได้สนองตอบความลุ่มหลงในวิทยาศาสตร์และการสำรวจอวกาศ
แต่หลังจากดูคลิปวิดีโอนี้จนจบซู่ชิงคิดว่าทั้งห้าคนนี้กำลังต้องการหนีจากชีวิตอันแสนน่าเบื่อและไร้จุดหมายบนโลกใบนี้ต่างหาก
ไม่รู้จะเป็นเพราะวิธีการเล่าเรื่องสีสันของภาพ และเมโลดี้ของเพลงที่ใช้ปูพื้นด้วยหรือเปล่าที่ทำให้ซู่ชิงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องราวของคนสิ้นหวังที่ไม่อยากต่อสู้ในเงื่อนไขเดิมอีกต่อไปแล้ว
ที่น่าคิดอีกอย่างก็คือ4ใน 5 คน พร้อมจะยกเลิกการเดินทางทันที ถ้าหากคนที่รักไม่ว่าจะเป็นแฟน ภรรยา หรือลูก เอ่ยปากขอว่าอย่าไป (ชายผู้แต่งงานแล้วพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า) หรือถ้าหากเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน
ในคลิปมีเพียงชายผมลีบสวมเสื้อโปโลรัดตึงเท่านั้นที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยว่าจะมีเงื่อนไขได้บ้างที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ
จริงอยู่ว่าคนสมัครทั้งหมด200,000คน 5 คนนี้อาจจะไม่ติดโผแม้แต่จะเป็นผู้สมัครที่น่าสนใจเลยก็ได้ (และหวังว่าจะไม่ติดด้วย เพราะน่าเป็นห่วงแทนเหลือเกินว่าจะไม่สามารถรับมือกับความท้าทายทั้งด้านร่างกายและจิตใจอันหนักหน่วงขนาดนั้นได้)
แต่คลิปวิดีโอนี้ก็ทำให้เราพอจะได้เห็นภาพว่าส่วนหนึ่งของคนที่ตัดสินใจจะใช้วาระสุดท้ายของชีวิตบนดาวอีกดวงที่พวกเขาแทบจะไม่รู้จักมันเลยนั้นประกอบไปด้วยคนประเภทไหนบ้าง
ไม่ว่า4 คนผู้ได้รับเลือกจะเป็นใคร ในที่สุด Mars One ก็ได้ระบุคุณสมบัติและข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้เอาไว้โดยละเอียด
อย่างเช่น ก่อนออกเดินทาง ทั้ง 4 คนจะต้องผ่านการฝึกฝนเป็นเวลานาน 8 ปี ทุกคนก็จะถูกกักแยกออกมาอยู่ด้วยกันเองเพื่อดูว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ร่วมกับมนุษย์คนอื่นๆ อย่างไร
จะต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อย่างการซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้าและโครงสร้างที่อยู่
การปลูกพืชผักในพื้นที่จำกัด และการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง ในระหว่างเดินทางไปดาวอังคารซึ่งกินเวลานาน 7-8 เดือนนั้นพวกเขาจะต้องอยู่ในที่แคบๆ การอาบน้ำเป็นกิจกรรมที่ไม่ต้องนึกฝัน
และเมื่อไปถึงดาวอังคารแล้ว Mars One ก็ระบุไว้อย่างละเอียดว่าแต่ละคนจะมีพื้นที่อยู่อาศัยคนละประมาณ 50 ตารางเมตร โดยมีงานหลักคือการทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์
ยังมีเรื่องราวของผู้สมัครที่เหลือคนอื่นๆ ให้หาอ่านได้ตามอินเตอร์เน็ต มีคนหนึ่งบอกกับ CNN ว่าเธอยินยอมสละชีวิตเพื่อหาทางเลือกในการอยู่อาศัยให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานที่ต้องอยู่กับปัญหาและความเสียหายที่คนรุ่นก่อนก่อไว้กับโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์จะได้เติมเต็มความฝันของการไปตั้งถิ่นฐานบนดาวดวงอื่นเสียที
อันนี้ฟังดูน่าตื่นเต้นกว่าเยอะเลยค่ะ