10 ที่เที่ยวรอบโลกที่ต้องรีบไป ก่อนหายสาบสูญ

หน้าแรกTeeNee อาหารสมอง อาหารสมอง 10 ที่เที่ยวรอบโลกที่ต้องรีบไป ก่อนหายสาบสูญ

ขอบคุณเนื้อหาดีๆ และภาพประกอบ
จาก www.painaidii.com

ที่เที่ยวทั่วโลกมีมากมาย แต่คุณรู้มั้ยที่เที่ยวยอดนิยมบางที่"กำลังจะหายไป" ทั้งด้วยเหตุแห่งธรรมชาติที่แปรปรวน และ เพราะฝีมือมนุษย์ PaiNaiDii ขอแนะนำ 10 สถานที่เที่ยวรอบโลก ที่คุณต้องรีบไป มิฉะนั้นหากมันหายไป หรือ ห้ามเที่ยว คุณจะได้แต่ร้องว่า "เสียดาย"

1.หมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์ (มหาสมุทรแปซิฟิก)

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ยังไม่แน่ใจ

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ระบบนิเวศถูกทำลาย

หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีความน่าสนใจทั้งด้านธรณีวิทยา สัตววิทยา และนิเวศวิทยาเป็นอย่างยิ่ง เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเอกวาดอร์ เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกหลังจากที่ชาร์ลส์ ดาร์วินได้ไปสำรวจและศึกษาเพื่อประกอบการคิดค้นทฤษฎีวิวัฒนาการ ความโดดเด่นของเกาะแห่งนี้ คือ เป็นที่อาศัยอยู่ของสัตว์ท้องถิ่นที่มีลักษณะแปลกๆ มากมาย และ 75% ของสัตว์ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก

ปัจจุบันด้วยความเป็นเมืองที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้สภาพเดิมของกาลาปากอสที่เคยได้ชื่อว่า เกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์และอุดมไปด้วยสัตว์ท้องถิ่นเปลี่ยนไป มีโรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เกิดขึ้นมากมายบนเกาะระบบนิเวศของหมู่เกาะกาลาปากอสถูกทำลายลงเรื่อยๆ แถมจำนวนนักท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นทุกปีอีกต่างหาก เชื่อว่าไม่นานเกาะนี้จะเปลี่ยนไป หากคุณยังอยากเห็นภาพความสมบูรณ์คงต้องรีบไปดูเสียแต่วันนี้

10 ที่เที่ยวรอบโลกที่ต้องรีบไป ก่อนหายสาบสูญ

2.หมู่เกาะมัลดีฟส์ ประเทศมัลดีฟส์

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 100 ปี

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: จมทะเล

หากพูดถึงมัลดีฟส์ เชื่อว่าที่นี่คงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครต่อใครหลายๆคน แต่หากคุณมีโอกาสจงรีบไปซะเพราะเชื่อกันว่า อีกไม่ถึง 100 ปี เกาะมัลดีฟส์จะจมหายไปในทะเล เนื่องจากปัจจุบัน 80% ของจำนวนเกาะทั้งหมด 1,200 เกาะ ของหมุ่เกาะมัลดีฟส์ สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร นอกจากนี้ 90% ของแนวปะการังในประเทศยังเป็นปะการังฟอกขาวไปหมดแล้ว (ปะการังตายแล้วเหลือแต่หินปูนขาวซีดๆ) และเมื่อปี 2008 ประธานาธิบดีของประเทศได้ประกาศว่ารัฐบาลกำลังขอซื้อที่ดินจากประเทศข้างเคียงอย่างอินเดีย เพื่อรองรับประชากรชาวมัลดีฟส์ที่จะไม่มีถิ่นที่อยู่ในอนาคต ว่าแล้วใครมีโอกาสรีบไปซะก่อนจะ "เสียดาย"

3.แนวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ ประเทศออสเตรเลีย

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 100 ปี

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ปะการังฟอกขาว

แนวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ ได้ชื่อว่าเป็นแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย หรือตอนใต้ของทะเลคอรัล ประกอบไปด้วยปะการังกว่า 350 สปีชี่ส์ จากสภาพแวดล้อมที่ผันแปรในปัจจุบัน กรมรักษาสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลียคาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2070 อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นอีก 6 องศาเซลเซียส และด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้น มลพิษทางน้ำ ความเป็นกรดของน้ำทะเลที่สูงขึ้น และพายุไซโคลนที่ถล่มอยู่เป็นประจำ จึงคาดว่า 60% ของปะการังที่นี่จะเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (ปะการังตายแล้วเหลือแต่หินปูนขาวซีดๆ) ภายในปี 2030 หากอยากชมความงามที่เป็นที่สุด ... ต้องรีบไป

4.เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 70 ปี

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: จมทะเล

เวนิส หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในโลก เสน่ห์ของ เวนิส คือการล่องเรือในคลองผ่านเมือง เพื่อชื่นชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ความงามของเวนิสได้กลายเป็นที่มาของ เวนิสจำลองอีกมากมาย แต่วันนี้หากคุณไม่อยากเที่ยวเวนิสจำลอง คงต้องรีบไป เพราะของจริงใกล้จะจมน้ำลงไปเรื่อย แต่ละปีมีจำนวนการเกิดน้ำท่วมเมืองเพิ่มขึ้น จาก ปี 1900 มีน้ำท่วมเมืองไม่ถึง 10 ครั้ง ต่อมาในปี 2000 กลับมีน้ำท่วมมากกว่า 60 ครั้ง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เมืองจมเร็วขึ้น เพราะแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากเป็น 40 เท่าของจำนวนชาวบ้าน รวมถึงปัญหาต่างๆ ในโลกที่ทำให้น้ำทะเลเพิ่มขึ้นอีกปีละ 4-6 มิลลิเมตร ทำให้ชาวเวนิสกังวลว่าบ้านของตัวเองจะยังลอยอยู่เหนือน้ำได้อีกนานเท่าไร

5.ทะเลเดดซี ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 50 ปี

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ได้รับน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนลดลง

ทะเลเดดซี เป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่ามีความเค็มมากกว่าทะเลทั่วไปถึง 10 เท่า ความเข้มข้นของเกลือสูงมากจนคนสามารถลอยบนผิวน้ำได้เลย แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ปริมาณฝนและการไหลเวียนของน้ำเปลี่ยนไป ทำให้น้ำจากแม่น้ำจอร์แดนซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักแหล่งเดียวที่ให้น้ำแก่ที่นี่ลดปริมาณลง ส่งผลให้ในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมาทะเลสาบแห่งนี้มีความกว้างลดลงกว่าเดิมถึง 1 ใน 3 และยังมีระดับน้ำต่ำลงอีกกว่า 2.40 เมตร ปัจจุบันทะเลเดดซีมีน้ำลึกสุดเพียง 377 เมตร และคาดว่าระดับน้ำจะยิ่งลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่เหลือเลยในอีกไม่ถึง 50 ปี... OMG.

6.เทือกเขาแอลป์ ทวีปยุโรป

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 40 ปี

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: น้ำแข็งละลาย

คนที่ชอบโลกหิมะ ความเย็น และ ภูเขาน้ำแข็ง คงต้องร้องจ๊าก!!! เมื่อทราบว่า เทือกเขาแอลป์ เทือกเขาน้ำแข็งชื่อดังของยุโรปที่เต็มไปด้วยสกีรีสอร์ตสวยๆ และธารน้ำแข็งหนากว่า 60 เมตรกำลังจะหายสาบสูญไป เนื่องจากผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน อุณหภูมิที่นี่สูงขึ้นเร็วกว่าที่อื่นเป็นเท่าตัว ธารน้ำแข็งบนยอดเขาทุกวันนี้ถือว่าน้อยลงกว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วถึง 20% ทำให้คาดการณ์กันว่าอีกไม่ถึง 40 ปีข้างหน้าธารน้ำแข็งชื่อดังทั้งหลายจะไม่เหลืออยู่อีกเลย ... เอาล่ะสิ ขาเที่ยวทำไงดี

7.มาดากัสการ์ มหาสมุทรอินเดีย

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 35 ปี

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ป่าไม้ถูกทำลาย

ใครที่เป็นแฟนการ์ตูน คงรู้จักดินแดนมาดากัสการ์กันเป็นอย่างดี ที่นี่จัดเป็นเกาะที่ใหญ่อันดับ 4 ของโลก 80% ของพืชและสัตว์ที่นี่ไม่สามารถพบได้ที่ไหนในโลกอีก แล้ว และยังเป็นบ้านของพวกลีเมอร์ (Lemur) อีกกว่า 20 สปีชี่ส์ แต่ปัจจุบัน การเพิ่มขึ้นของประชากร การตัดไม้ เผาป่า และ การทำไร่เลื่อนลอย ทำให้ป่าไม้ของเกาะนี้ลดปริมาณลงมากจาก 120,000 ตารางไมล์เหลือพียง 20,000 ตารางไมล์เท่านั้น นอกจากนี้เขตป่าสงวนยังมีพื้นที่เพียง 5% ของเกาะเท่านั้น ต่อไปมาดากัสการ์คงเหลือให้รุ่นลูกหลานได้ชื่นชมแค่ในภาพยนตร์การ์ตูนเท่า นั้น

8.ลุ่มน้ำคองโก แอฟริกา

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 25 ปี

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ป่าไม้ถูกทำลาย

ลุ่มน้ำคองโกเป็นป่าฝนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากลุ่มน้ำอะเมซอน และมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 7 ประเทศในทวีปแอฟริกา และยังช่วยผลิตออกซิเจนให้โลกมากถึง 40% ทว่าการรุกของเมืองรวมไปจนถึงการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ป่าไม้ถูกทำลายถึงปีละ 250 ล้านไร่ คาดการณ์กันว่าในปี 2040 จะเหลือพื้นที่ป่าไม้เพียง 30% เท่านั้น และไม่นานต่อจากนั้น ผืนป่าแห่งนี้ก็จะหมดไป

9.อุทยานแห่งชาติแกลซิเออร์ สหรัฐอเมริกา

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 20 ปี

สาเหตุที่กำลังจะหายไป: น้ำแข็งละลาย

อุทยานแห่งชาติแกลซิเออร์ ในประเทศ สหรัฐอเมริกา เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง กินพื้นที่กว่า 4,000 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยน้ำตก 200 แห่ง และทะเลสาบอีก 712 แห่ง มีธารน้ำแข็งปกคลุมอยู่รอบๆบริเวณ เป็นบ้านเกิดของนก 260 สายพันธุ์ พบพันธุ์พืชที่สามารถระบุได้แล้ว 1,132 สายพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีก 62 ชนิด และด้วยสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น น้ำแข็งเกิดการหลอมละลายทำให้ที่นี่เปลี่ยนแปลงไป โดยเมื่อ 100 ปีก่อนอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ มีธารน้ำแข็งมากถึง 150 สาย แต่เมื่อปี 2005 พบว่าเหลืออยู่เพียง 27 สายเท่านั้น เมื่อกระแสน้ำเย็นหายไปจากบริเวณนี้ คาดว่าระบบนิเวศก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เชื่อกันว่าไม่เกินปี 2030 จะไม่มีธารน้ำแข็งเหลืออีกเลย และสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆแบบนี้ก็จะหายไป

10.ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย

ระยะเวลาที่เหลืออยู่: อาจจะ 5 ปี (ไม่ทราบแน่ชัด)

ที่เที่ยวส่วนใหญ่ที่แนะนำมาในช่วงต้น ส่วนใหญ่จะหายไปเนื่องด้วยภัยธรรมชาติ อันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ แต่ไม่ใช่ที่นี่ "ทัชมาฮาล" สุสานหินอ่อน อนุสรณ์แห่งความรัก ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "สิ่งมหัศจรรย์ของโลก" ที่นี่ไม่ได้จะหายไปเพราะการถูกทำลาย แต่จะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อีกต่อไป เพราะปริมาณนักท่องเที่ยว 3-4 ล้านคนในแต่ละปีและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับปัญหามลพิษทางอากาศที่อินเดียกำลังเผชิญอยู่ ทำให้หินอ่อนสีขาวของสถาปัตยกรรมแห่งนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย ทางการอินเดียจึงคิดจะออกกฎห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปชม และอนุญาตให้ถ่ายรูปได้จากที่ไกลๆ ทั้งนั้น เพื่ออนุรักษ์มรดกโลกแห่งนี้ไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด (แต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทบทวนนโยบายนี้อยู่) หากนโยบายชัดเจน และประกาศห้ามเมื่อไหร่ เราคงได้แต่ชื่นชมความงามของที่นี่ผ่านภาพถ่ายในอดีตเท่านั้น