กิน-ชิลล์-เที่ยวญี่ปุ่นในเมืองไทย ไม่ใช้วีซ่า!!

หน้าแรกTeeNee อาหารสมอง อาหารสมอง กิน-ชิลล์-เที่ยวญี่ปุ่นในเมืองไทย ไม่ใช้วีซ่า!!

ขอบคุณเนื้อหาดีๆ และภาพประกอบ
จาก www.painaidii.com

โซ้ยอร่อย อารมณ์ญี่ปุ่น

“ประเทศญี่ปุ่น” แหล่งท่องเที่ยวปลายทาง ที่หลายคนพยักหน้าให้ในความงดงาม และความประทับใจอย่างเต็มเปี่ยม ยิ่งล่าสุดทางการเพิ่งคลอดนโยบายประกาศ “เที่ยวญี่ปุ่น ไม่ใช้วีซ่า” พี่ไทยก็สบายแฮ แห่ไปชิลล์ที่แดนปลาดิบมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว ส่วนใครที่ยังต้องเซฟเงินในกระเป๋า แต่อยากเที่ยวอารมณ์ญี่ปุ่น ไม่ต้องน้อยใจ! PaiNaiDii จัดให้ จะพาไป“กิน-ชิลล์-เที่ยวญี่ปุ่นในเมืองไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า” ให้หนำใจกันไปเลย

1.Nirai Kanai

กิน-ชิลล์-เที่ยวญี่ปุ่นในเมืองไทย ไม่ใช้วีซ่า!!

ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตกแต่งจัดจ้านโดดเด่นในซอยทองหล่อ 11 นาม Nirai Kanai ซึ่งเป็นหนึ่งร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดในโตเกียว โดยเปิดให้บริการมายาวนานกว่า 12 ปี และมี 12 สาขาทั่วโตเกียว ซึ่งพร้อมเสิร์ฟอาหารรสชาติพื้นเมืองของโอกินาวาหลากเมนู (โอกินาวาเป็นจังหวัดทางตอนใต้สุดของหมู่เกาะริวกิว ได้รับการขนานนามให้เป็น เมืองแห่งหาดทรายขาว ท้องทะเลสวย) ว่ากันถึงเรื่องดีไซน์อันเก๋ไก๋ ที่ร้านพยายามเนรมิตบรรยากาศให้ขาโซ้ยได้อารมณ์ราวกับนั่งชิลล์ริมทะเลญี่ปุ่น ไล่ตั้งแต่วอล์เปเปอร์ลายแผนที่หมู่เกาะโอกินาวาวาดด้วยมือ

ด้านที่นั่งจะมีอยู่หลายโซน เช่น ที่นั่งเคาน์เตอร์บาร์แบบไม้, เพิงไม้ไผ่หย่อนก้นลงบนเบาะนุ่มๆ แถมยังมีที่นั่งหย่อนขา จินตนาการว่ากำลังจุ่มน้ำทะเล, ใครชอบธรรมชาติสามารถเลือกหม่ำในสวนก็ยังได้ อีกหนึ่งจุดเด่นอยู่ที่อาหารแบบโอกินาวา คือเน้นเมนูที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองนี้จะได้รับการบันทึกว่ามีประชากรอายุยืนกว่า 100 ปี มากที่สุดในโลก!

2.Nanohana

"นี่มันญี่ปุ่นชัดๆ” อดจะอุทานคำนี้ไม่ได้ เมื่อเข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายในร้าน Nanohana ภัตตาคารหรูตำรับโอซาก้า ที่ฝังตัวอยู่ในโรงแรม Crown Plaza ลุมพินีพาร์ค ซึ่งตกแต่งทุกรายละเอียดได้อารมณ์ราวกับย่ำอยู่ในแดนปลาดิบเป๊ะๆไม่ว่าจะเป็นโคมไฟแสงสีส้มอุ่นนวลตา ห้องรับประทานอาหารออกแบบโดยเน้นการใช้ไม้โทนสีน้ำตาลอ่อนได้ฟิวส์ Japanese Classic พอเปิดบานประตูเลื่อนเข้าไปก็จะเจอโต๊ะอาหาร ที่ต้องนั่งทานกันแบบต้นฉบับคือนั่งขัดสมาธิบนเสื่อทาทามิ

ซึ่งที่ร้านจะมีห้องส่วนตัวไว้บริการมากมาย (ที่นั่งแบบโต๊ะธรรมดาก็มี) เพิ่มอรรถรสแดนซามูไรด้วยพนักงานเสิรฟ์ที่จะมาบริการภายใต้ร่างกายที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดกิโมโนลายดอก ส่วนเรื่องอาหารก็ได้รับการการันตีจากชาวญี่ปุ่นว่าสอบผ่านฉลุย โดยจะเน้นอาหารสไตล์โอซาก้า คือการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีเกรดพรีเมียม ผ่านขั้นตอนการทำที่แสนพิถีพิถัน รวมถึงความสดของอาหารก็ยังต้องเน้นเป็นพิเศษ ถอดแบบจาการทำอาหารของเมืองโอซาก้า ที่ได้รับการขนานนามว่าKuidaore หรือเมืองแห่งการกินนั่นเอง!

3.Imoya

ผู้พิศมัยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น่าจะถูกใจร้าน Imoya เป็นพิเศษ ทั้งในเรื่องของบรรยากาศร้านที่ตกแต่งสไตล์ Izakaya (ร้านเหล้าญี่ปุ่น) แบบโบราณสุดคลาสสิก เน้นการใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการดีไซน์ร้าน แถมยังมี Props ส่งตรงจากเจแปนฉบับออริจินัลเวอร์ชั่นมาประดับอีกมากมาย อาทิ ชุดกิโมโน, ภาพวาดติดผนัง, ข้าวของเครื่องใช้, จำลองบรรยากาศสวนหลังบ้านญี่ปุ่น etc.

ตลอดจนที่นั่งก็มีให้เลือกเอกเขนกทั้งแบบเสื่อสาดได้กลิ่นอายดั้งเดิม, เคาน์เตอร์บาร์ หรือจะนั่งโต๊ะอย่างที่คุ้นเคยก็มีตามอัธยาศัย หันมาดูเรื่องเมนูชวนโซ้ยส่วนใหญ่จะเน้นอาหารจานเล็กๆ อารมณ์เหมือนพวกกับแกล้มเคล้าเมรัย แต่ที่โดนสุดๆ คือราคาที่ถูกใจอย่างเหลือเชื่อ! (เมื่อเทียบกับรสชาติอร่อยๆ) โดยเฉพาะเบียร์สดนั้นแนะนำเลยครับ เนียนนุ่ม ละมุนลิ้น ไม่บาดคอ

4.Wood Ball

หลังเลิกงานใครกำลังมองหาที่ Hang Out แนะนำแหล่งปาร์ตี้เอ็นจอยร้าน Wood Ball คาราโอเกะบาร์สไตล์ญี่ปุ่น มีคาราโอเกะเพลงเจแปน (Joy Sound) ให้ร้องแบบสะใจ แต่ถ้าใครไม่คล่องภาษาญี่ปุ่น ที่ร้านก็มีเพลงภาษาอังกฤษ, จีน, เกาหลี ให้เลือกร้องกัน รวมทั้งหมดกว่า 130,000 เพลง อัพเดททุกสิ้นเดือน!

ส่วนเรื่องรสชาติและบริการไม่ต้องห่วง เพราะเจ้าของเคยเปิดร้านนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นมาก่อนหลายปี การันตีด้วยความประทับใจของลูกค้า และหลังสนุกกับการโชว์พลังเสียงหันมาดูของกินกันบ้าง ที่ร้าน Wood Ball จะเป็นบาร์ค็อกเทล เน้นเครื่องดื่ม และไม่มีอาหารคาวจำหน่าย แต่ลูกค้าสามารถนำอาหารจากร้านอื่นๆ มาทานได้ โดยที่ร้านไม่คิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด (ใจดีฝุดๆ) ที่นั่งก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบเคาน์เตอร์บาร์, ห้องคาราโอเกะ V.I.P. หรือห้องนั่งดื่มแบบชิลล์ๆ

5.หมู่บ้านญี่ปุ่น

อนุสรณ์รำลึกหมู่บ้านญี่ปุ่นครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ในอดีตอยุธยาถือเป็นศูนย์กลางการค้ากับต่างประเทศหลายชาติ และหนึ่งในนั้นก็คือญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นคู่ค้าที่ดีเสมอมา กระทั่งพระเจ้าแผ่นดินไทยได้มีพระบรมราชานุญาต ให้ชาวญี่ปุ่น มาตั้งหลักแหล่งอยู่ในกรุงศรีอยุธยาได้ จนชาวญี่ปุ่นเข้ามาอาศัยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหมู่บ้านญี่ปุ่นจึงเปรียบเสมือนพิพิธัภัณฑ์ที่จะพาคนในปัจจุบัน ไปเรียนรู้เรื่องราวในช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างถ่องแท้มากขึ้น

โดยด้านในจะมีสวนและศาลาญี่ปุ่นท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น นั่งชมทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยา ถัดไปบริเวณอาคารจะมีส่วนแสดง ”ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา” บอกเล่าความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ โดยเริ่มจากชมวีดีทัศน์ประวัติความเป็นมาของชาวญี่ปุ่นในอยุธยา เมื่อเดินเข้ามาในโถงใหญ่จะเป็นห้องนิทรรศการ จัดแสดงความเป็นมาของกรุงศรีอยุธยาและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น จุดเด่นอยู่ที่ภาพวาดแผนที่กรุงศรีอยุธยาของชาวฮอลันดาที่อยู่กลางห้อง ซึ่งดิสเพลย์ต่างๆ จัดแสดงได้อย่างน่าสนใจและเข้าใจได้ง่าย

6.Hako Town

สำหรับผู้ที่ปลาบปลื้ม Japanese เข้าเส้น คงพยักใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มให้ที่เที่ยวแห่งนี้ได้ไม่ยาก กับ Hako Town ฟู้ดคอร์ทย่านเลียบทางด่วน รามอินทรา ที่ยกเอาบรรยากาศเงียบสงบ ของชนบทในประเทศญี่ปุ่นผสมกับทิวทัศน์ร่วมสมัย มาให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างถึงแก่น

ทั้งแผ่นป้ายให้เขียนคำอธิษฐานแบบวัดในญี่ปุ่น, สะพานสีแดง landmark สุดฮิต หรือกลุ่มโคมไฟ Chocin ส่องสว่างยามค่ำคืน แนะนำว่า ใครที่กำลังหาโลเคชั่นเก๋ๆ ถ่ายภาพ หรืออยากดื่มด่ำความเป็นนิปปอนขนานแท้ อย่าลืมแวะมาโดน! อีกจุดเด่นของ Hako Town คือกาารรวบรวมอาหารรสเลิศ และร้านต้นตำรับแห่งแรกในประเทศไทย มีหลายเมนูที่หาทานได้ยาก เรียกว่างานนี้ได้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มตาในคราวเดียวกัน

7.Yunomori Onsen & Spa

ได้เวลา Relax กันแบบญี่ปุ่น กับบ่อน้ำร้อนออนเซ็นแห่งแรกในประเทศไทย!! ย่านสุขุมวิท ที่ยกเอาบริการจากต้นตำรับมาทุกกระเบียด ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า การได้แช่น้ำร้อนนอกจากช่วยเรื่องความผ่อนคลาย ยังช่วยทำให้หลับสนิท กระตุ้นความสดชื่น และบำบัดอาการเจ็บป่วยได้มากมาย ที่ Yunomori Onsen & Spa จะมีบ่อน้ำร้อนถึง 220 บ่อ 6 ประเภท

ในระดับอุณหภูมิและประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น บ่อโซดาสปา จะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาความดัน อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ, บ่อน้ำแร่ช่วยบำรุงผิวพรรณ, บ่อสมุนไพรในถังไม้สัก ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า etc. อีกไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ โดยเฉพาะสาวๆ นั่นคือโซดาสปาชาวเวอร์ ที่หลายคนกรี๊ดกร๊าด ว่าช่วยทำให้เส้นผมเงางาม ดูสุขภาพดีขึ้นมากๆ หนุ่มสาว Healthyและใส่ใจความงาม อย่ารอช้า!

PaiNaiDii Recommend : เคล็ดลับในการแช่ออนเซ็น คือ ให้เริ่มแช่ในบ่อที่มีอุณหภูมิน้อยๆ ก่อน เพื่อปรับสภาพร่างกาย โดยค่อยๆ หย่อนเท้าวักน้ำใส่ตัวให้ชินกับความร้อน แล้วจึงย่อตัวลงไปในน้ำทีละส่วน โดยให้แช่ราว 5-10 นาที จากนั้นจึงลงไปแช่ในบ่อน้ำเย็น