แชร์ว่อนข่าวช็อกโลก! ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง
ขณะนี้ในโลกโซเชียลได้มีการพูดถึงเรื่อง "โลกหลังความตาย" กันอย่างแพร่หลาย หลังจากเว็บไซต์ต่างประเทศได้ลงข่าวเกี่ยวกับงานวิจัยจากเยอรมันว่า "ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง" ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวได้ถูกแชร์กันอย่างแพร่หลายในหลายเว็บไซต์ชื่อดังด้วยกัน อย่าง facebook และ Pantip โดยเนื้อหาของข่าวมีผู้แปลความมาดังนี้
ช็อกโลก!! ทีมวิจัยเยอรมันยืนยัน “ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง”
ทีมนักจิตวิทยาและแพทย์ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเบอร์ลิน (Technische Universität of Berlin) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2014 ที่ผ่านมาว่าได้ทำการพิสูจน์เรื่องการคงอยู่ของ
ชีวิตหลังความตายด้วยวิธีการทดลองทางคลินิกแล้ว
ผลการทดลองอิงจากพื้นฐานข้อสรุปของการศึกษาที่ใช้ประสบการณ์การเฉียดความตายในทางการแพทย์ที่ได้รับออกแบบให้เหมาะสมกับการทดลอง
โดยทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตตามหลักการ
แพทย์ไปเป็นระยะเวลานาน 20 นาที ก่อนจะกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ขั้นตอนการวิจัยนี้ถูกทดลองซ้ำกับอาสาสมัครจำนวน 944 คน ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา มีการใช้สารผสมของยาบางชนิด เช่น เอปิเนฟริน ไดเมทธิลทริปตามีน ที่ช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเสียชีวิตและคืนชีวิตอีกครั้งโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยร่างกายของผู้ถูกทดสอบจะอยู่ในสภาพโคม่าชั่วคราวจากการใช้ยาผสมสารเคมีบางชนิดและจะได้รับการกรองออกจากเลือดด้วยโอโซนในขั้นตอนการคืนชีวิต หลังจากนั้น 18 นาที
ระยะเวลาการทดลองที่ยาวนานนั้นเพิ่งจะสามารถทำได้จากการพัฒนาเครื่องปั๊มหัวใจรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า AutoPulse อุปกรณ์นี้มักจะใช้ในการกู้ชีพผู้ที่เสียชีวิต
ระหว่าง 40 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
ในอดีต ประสบการณ์การเฉียดความตายได้รับการตั้งสมมติฐานมากมายในวารสารทางการแพทย์ โดยเชื่อว่าเป็นลักษณะของภาพหลอน แต่ ดร. อัคเกอร์มันน์และทีมวิจัยกลับเห็นว่านั่นคือหลักฐานของการคงอยู่ระหว่างชีวิตหลังความตายและอยู่ในลักษณะของสองสิ่งแยกออกจากกัน คือ ร่างกายและจิตวิญญาณ
ทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดย ดร. เบิร์ธโฮลด์ อัคเกอร์มันน์ ได้สังเกตการณ์ปฏิบัติการทดลองและรวบรวมหลักฐานจากปากของผู้รับการทดสอบ ผลที่ออกมาของแต่ละคนมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ผู้รับการทดสอบทุกคนยังมีความทรงจำในช่วงเวลาที่พวกเขาได้เสียชีวิตในทางคลินิกหลงเหลืออยู่ และผู้รับการทดสอบส่วนใหญ่บรรยายถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกัน ความทรงจำที่คล้ายกันของผู้ทดสอบ
ได้แก่ ความรู้สึกว่าได้หลุดออกจากร่าง ความรู้สึกล่องลอย ปลอดโปร่ง ปลอดภัย อบอุ่น สัมผัสถึงการสลายตัว และมีแสงปกคลุมอยู่ไปทั่ว
ทีมนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าพวกเขาทราบดีอยู่แล้วว่าการประกาศผลสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้อาจจะทำให้ผู้คนต้องตกละลึง โดยความเชื่อทางศาสนาของผู้รับการทดสอบไม่ได้มีผลต่อการวิจัยเลยแม้แต่น้อย โดยผู้เข้ารับการทดสอบนั้นมีผู้คนจากหลากหลายศาสนา เช่น คริสเตียน มุสลิม ยิว ฮินดู และแม้แต่ผู้ที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า หรือคนไร้ศาสนา แต่สิ่งที่พวกเขาบรรยายถึงความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้สัมผัสนั้นไม่แตกต่างกันเลย
"ผมเองทราบดีว่าผลการวิจัยครั้งนี้อาจจะกระทบกับความเชื่อของผู้คนมากมาย" ดร. อัคเกอร์แมนกล่าว "แต่กระนั้น เราก็ได้ทำการหาคำตอบให้กับหนึ่งในคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ ผมหวังว่าคนเหล่านั้นจะให้อภัยพวกเรา นี่คือความจริง ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริงและลักษณะก็คงประมาณผลการทดสอบนี้ แน่นอนว่าทุกคนมีชีวิตหลังความตายเหมือนกันหมด"
จากข่าวดังกล่าวนั้นทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย บ้างก็เชื่อว่า "เรื่องนี้มีอยู่จริงตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าที่ได้นั่งสมาธิจนรู้แจ้ง" หรือบางความคิดเห็นก็บอกว่า "การมี Sense พิเศษที่ได้สัมผัสกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้ จึงทำให้กี้เชื่อจริงๆ ว่าโลกวิญญาณมีอยู่จริง และพยายามจะสื่อสารกับเราเสมอ แต่บางครั้งเราอาจจะรับสื่อได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่นั่นก็คือความเชื่อส่วนบุคคล ที่ในโลกนี้มีอีกหลายๆ คนที่เป็นเหมือนกัน แต่มักจะถูกกล่าวหาว่า "คนกลุ่มนี้บ้า" ที่มีอะไรแบบนี้ที่แตกต่างจาก "คนธรรมดา" "
แต่ก็มีบางความคิดเห็นที่ไม่เห้นด้วยกับข่าวนี้ โดยต่างพากันบอกว่า "หัวใจหยุดเต้น 2 นาที สมองก็ตายแล้วแหละ" "เพียง 4 - 5 นาที สมองก็จะตายจากการขาดเลือดแล้วครับ" "สมองขาดเลือดได้ประมาณ 4 นาทีครับ เกินกว่านั้นสมองตาย"
แต่สุดท้ายแล้ว ทางเว็บไซต์หมีขาวได้ตรวจสอบข่าวที่เกิดขึ้นพบว่า ข่าวนี้เป็นข่าวเท๊จที่ผู้เขียนต้นฉบับภาษาอังกฤษแต่งขึ้นตามจินตนาการเท่านั้น โดยมีการอ้างถึงสถาบันที่มีอยู่จริง แต่การทดลองที่บรรยายนั้นไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
สุดท้ายนี้ก็อยู่ที่วิจารณญาณของทุกคนที่เข้ามาอ่านข้อความนี้ ลองพิจารณาไตร่ตรองด้วยตัวคุณเองว่าคุณเชื่อเรื่องที่ข่าวว่านั้นหรือไม่ หรือจะเชื่อเรื่องทางหลักวิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะความจริงแล้วก็ยังไม่มีใครที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่อง "ชีวิตหลังความตาย" ได้อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน
เรียบเรียงโดยที่นี่ดอทคอม
ขอบคุณข้อมูลจาก :: ภาษาไทย MeeKhao.com
ที่มา :: WorldNewsDailyReport
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!