เชื่อหรือไม่ว่า..การเข้าเรียนที่เช้ามากเกินไป อาจจะส่งผลกระทบต่อผลการเรียนของเด็กนักเรียนได้
เรื่องนี้ หนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ของสหรัฐอเมริกา ได้นำมารายงานเอาไว้ โดยอ้างอิงผลการวิจัยโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยมินเนโซตา สหรัฐอเมริกา ที่ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเวลาเริ่มเรียนของทางโรงเรียน ว่ามีผลต่อการเรียนของเด็กๆ หรือไม่
โดยพบว่า เวลาในการเข้าเรียนตอนเช้าของนักเรียนนั้น มีผลต่อการเรียน และประสิทธิภาพในการเรียนของเด็ก
การวิจัยครั้งนี้เป็นการทำวิจัยในกลุ่มโรงเรียนที่อยู่ในคัมเบอร์แลนด์ เคาน์ตี้ ซึ่งโรงเรียนมัธยมส่วนใหญ่ จะเริ่มเรียนเวลา 08.30 น.ในขณะที่โรงเรียนอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะระดับประถม มักจะเริ่มเรียนตั้งแต่เวลา 07.30-08.00 น.
หากคำนวณเวลาทั้งหมดแล้ว ถ้าเริ่มเรียนเวลา 07.30 น. นักเรียนจะต้องตื่นเวลาประมาณ 05.45 น.หรือเช้ากว่านั้น เพื่อให้มาทันเรียนในคาบแรก ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้คือ เมื่อนอนน้อยลง ก็เสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน เบาหวาน และมีปัญหาด้านสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวล และความหดหู่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้บรรดาครูจะต้องให้ความใส่ใจกับปัญหาของเด็กที่เกิดขึ้น
แต่หากคิดว่าปัญหาเรื่องสุขภาพของเด็กไม่ใช่เรื่องที่สำคัญมากพอ ก็ต้องมาดูผลกระทบที่จะเกิดกับการเรียนของเด็กกันบ้าง
จูดิธ โอเวนส์ ผู้อำนวยการศูนย์กุมารแพทย์ ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา บอกว่า ผลที่ตามมาจากการที่สุขภาพไม่ดีก็คือ ประสิทธิภาพในการเรียนที่ย่ำแย่ ความใส่ใจที่น้อยลง รวมไปถึงปัญหาด้านความทรงจำ
นางไคลา วอลสตรอม ผู้อำนวยการของศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยมินเนโซตา ผู้สนับสนุนการเลื่อนเวลาเรียนในตอนเช้าออกไป บอกว่า เราพบตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับเวลาในการเข้าเรียนที่ดีขึ้น ความล่าช้าที่ลดลง และประสิทธิภาพของการเรียนในวิชาหลัก ทั้งอังกฤษ เลข สังคม และวิทยาศาสตร์ ที่ดีขึ้น และยังมีหลักฐานที่ยืนยันโดยผลการทดสอบที่เป็นมาตรฐานระดับประเทศอย่างการทดสอบ แอคต์ ที่ยืนยันได้ว่า การเริ่มเรียนตอนเช้าที่ช้าลง ทำให้ผลการเรียนดีขึ้น
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้โรงเรียนต้องเริ่มเรียนเช้ามาก คือเรื่องการเดินทาง และเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเวลาเหลือมากพอสำหรับเวลาว่างของเด็กหลังเลิกเรียน เช่น ให้เด็กเล่นกีฬา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเวลาในการเข้าเรียนตอนเช้าแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เด็กมีประสิทธิภาพในการเรียนดีขึ้น คือเรื่องของเวลานอน จะต้องนอนหลับอย่างพอเพียง
กองทุนการนอนหลับแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา แนะนำไว้ว่า นักเรียนควรจะนอนให้ได้วันละ 10-11 ชั่วโมง และผู้ปกครองควรจะช่วยทำให้เด็กนอนหลับอย่างเพียงพอ ห้องนอนต้องเงียบ หลับสบาย เอาทุกอย่างที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าออกไปจากห้องนอน
ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยทำให้เด็กมีประสิทธิภาพความสามารถในการเรียนที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง