เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศรายงานข่าว ชีวิตสุดรันทดของสาวชาวอังกฤษนามว่า "จูดี แวน ไนเคิก" วัย 46 ปี ที่ถูกนาย "โนอา วอลซ์" พ่อแท้ๆ ทารุณมาตั้งแต่อายุุ 6 ขวบ หรือตั้งแต่ที่แม่ของเธอหนีไป เพราะทนพฤติกรรมของพ่อเธอไม่ไหว!
เธอเล่าว่า ตอนเด็กๆ พ่อเธอเคยเป็นพ่อที่น่ารัก แต่แล้วพ่อก็เปลี่ยนไป เมื่อแม่ทิ้งลูกๆ ให้อยู่กับพ่อ เพราะทนที่ถูกพ่อทุบตีไม่ไหว "พ่อให้ฉันลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานบ้านแทนแม่ ทั้งดูแลน้องๆ ทำงานบ้าน"
จูดีเล่าว่า ทุกๆ ค่ำ แม้ว่าเธอจะทำงานหนักมาขนาดไหน แต่พ่อก็ไม่ยอมให้เธอนอน โดยสั่งให้เธออยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเขาจะง่วง เธอจึงจะไปนอนได้ จากนั้นเขาก็เริ่มทารุณกรรมและข่มขืนเธอตั้งแต่นั้นมา "พ่อใช้มีดขู่ และทุบตีฉัน ด่าว่าฉันต่างๆ นาๆ เขาบอกว่าเขาต้องเสียสละทนมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เพื่อช่วยเลี้ยงปากท้องฉันและน้องๆ"
เธอบอกว่าพ่อเธอเคยโกรธจนยิงปืนใส่เธอกลางหน้าอก แต่โชคดีที่เพื่อนบ้านโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลมาได้ทัน ทำให้เธอรอดชีวิตมาได้ จูดี้เล่าว่า เธอตั้งครรภ์กับพ่อตัวเองถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเธอถูกสั่งให้ทำงานหนักจนแท้ง ครั้งที่สองเธอถูกทำร้ายจนแท้ง และครั้งที่สามเธอถูกสั่งให้ไปทำแท้ง
จนเมื่อเธออายุได้ 20 ปี เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปอยู่ที่ลอนดอน สู้ชีวิตจนได้งานเป้นนักบัญชี จนเธอมีโอกาสได้ไปที่แอฟริกาใต้ และพบกับชายคนหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นสามีของเธอในปัจจุบันนามว่า "โทนี่" เธอจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับโทนี่ได้ฟัง และเขาก็แนะนำให้เธอไปแจ้งตำรวจ
ในปี 2000พ่อของเธอก็ถูกดำเนินคดี โดยพ่อของเธอยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด เขาให้การต่อศาลว่า "ผมและลูกสาวอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยา เมื่อเธอหนีไป โลกของผมก็เหมือนพังทลาย" ทำให้พ่อของเธอติดคุกเป็นเวลา 15 ปี
ต่อมาในปี 2004 จูดีทราบข่าวว่าพ่อของเธอเป็นมะเร็งปอดกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอลังเลอยู่นานกว่าจะตัดสินใจไปหาพ่อเธอได้ "ถึงอย่างไรฉันก็เป็นห่วงเขา เพราะเขาคือพ่อของฉัน ฉันได้บอกรักเขาเป็นครั้งสุดท้าย และเขาก็บอกว่ารักฉันเช่นกัน ฉันดีใจที่ได้เจอเขาครั้งสุดท้าย ฉันยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และมันก็ไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้ว" เธอกล่าวทิ้งท้าย
ปังจุบัน จูดี เป็นนักเขียนหนังสือที่ประสบความสำเร็จ และเป็นวิทยากรผู้ก่อตั้งสถาบันส่งเสริมความเป็นผู้นำ
จูดี เมื่อครั้งไปเยี่ยมพ่อ
จูดีและสามีของเธอ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
