งามจับใจ “เขื่อนรัชชประภา” ล่องเรือ กินลม ชมวิวกุ้ยหลินเมืองไทย
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่หากคิดว่าจะไปเที่ยวทางใต้ คงนึกถึงแต่สถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลอันสวยงาม ไปดำน้ำดูปลา ดูปะการัง ไปนอนอาบแดดให้สบายใจ แต่เราอยากจะบอกว่าที่จริงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้ของไทยเรา ไม่ใช่มีแค่ทะเล หาดทราย และเกาะต่างๆ ที่ชวนเที่ยวเท่านั้น
แต่ว่ายังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆ ที่ชวนให้ไปสัมผัสกัน อย่างที่ทริปล่องใต้ในครั้งนี้ เราขอฉีกแนวไม่ไปเที่ยวทะเล เที่ยวเกาะ แต่จะขอไปล่องเรือ กินลม ชมวิวภูเขา และนอนแพพักผ่อนสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ที่ “เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก จ. สุราษฎร์ธานี
“เขื่อนรัชชประภา” แห่งนี้เมื่ออดีตมีชื่อเรียกว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” ซึ่งเขื่อนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำ.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 94 ม. มีความยาวสันเขื่อน 761 ม. และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตร.กม.
การที่ “เขื่อนรัชชประภา” ถูกสร้างขึ้นมาถือว่าเป็นเขื่อนสารพัดประโยชน์ของคนในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นแหล่งกักเก็บน้ำการชลประทานเพื่อการเพาะปลูก ช่วยลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่าง และก็ช่วยแก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม อีกทั้งอ่างเก็บน้ำของเขื่อนฯ ก็ยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านไม่น้อยเลย
และอีกหนึ่งประโยชน์ของเขื่อนฯ แห่งนี้ก็คือ ทำให้เกิดการท่องเที่ยวขึ้นมา ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการออกเรือพานั่งท่องเที่ยวไปเที่ยวชมความงดงามของอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา ซึ่งการท่องเที่ยวบริเวณเขื่อนฯ อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวแบบเช้า-เย็นกลับ หรือเที่ยวแบบพักค้างแรมก็ได้ ซึ่งในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาจะมีแพที่พักไว้ให้บริการ
สำหรับจุดเด่นของการมาเที่ยวที่ “เขื่อนรัชชประภา” ก็คือการนั่งเรือชมวิวภายในเขื่อน ชมภูเขาหินปูนจำนวนมากมาย ที่ตั้งเรียงรายอยู่ภายในอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีทัศนียภาพของธรรมชาติขุนเขาน้อยใหญ่จำนวยมากที่สวยงาม จนทำให้ที่นี่ได้รับสมญานามว่าเป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย” ที่มีความงดงามไม่แพ้กุ้ยหลินที่ประเทศจีนเลย
โดยก่อนที่จะไปลงเรือที่ท่าเรือกัน เราขอไปชมความงามของเขื่อนจากมุมสูงกันก่อนที่สันเขื่อน ที่เมื่อมาถึงแล้วก็ได้เห็นถึงภาพความกว้างใหญ่ของอ่างเก็บน้ำที่มีพื้นน้ำอันสดใส มีฉากหลังเป็นภูเขาหินปูนตระหง่านตา ที่สันเขื่อนมีถนนให้รถวิ่งผ่าน และอีกฝั่งก็เป็นโรงงานผลิตไฟฟ้า วิวบนนี้ดูแล้วสดชื่นดีจริง ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเขื่อน จนทำให้เราไม่อยากรอช้าไปกว่านี้แล้ว ต้องรีบตรงไปที่ท่าเรือกันทันที
เมื่อมาถึงที่ท่าเรือ จะมีเรือของชาวบ้านให้บริการอยู่มากมาย สามารถติดต่อเช่าเรือไปเที่ยวอ่างเก็บน้ำกันได้แบบสบายๆ โดยเรือที่จะพาเราไปทัวร์อ่างเก็บน้ำนี้ เป็นเรือหางยาวที่มีที่นั่งแบบสบายๆ มีหลังคาบังแดด และขณะนั่งอยู่บนเรือเราก็ต้องใส่เสื้อชูชีพไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัย
เรือหางยาวค่อยๆ แล่นฝ่าผืนน้ำไปเรื่อยๆ มีสายลมพัดมากระทบกาย ให้ความรู้สึกสดชื่นใจ เย็นสบายกายดีจริง เรือจะค่อยๆ แล่นเข้าสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนรัชชประภาด้านในไปเรื่อยๆ เมื่อเข้ามายังอ่างเก็บน้ำฯ ด้านในแล้วก็เหมือนกับว่าเราหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่ง เหมือนถูกตัดขาดจากความวุ่นวายของโลกภายนอก (ซึ่งก็ถูกตัดขาดจริงๆ เพราะสัญญาณโทรศัพท์จะใช้ไม่ได้เลย) เราสัมผัสได้กับทัศนียภาพความงดงามที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้น มีภูเขาหินปูนสูงเด่นขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ตั้งตระหง่านชวนให้ตื่นตาตื่นใจ น้ำในอ่างเก็บน้ำก็ช่างใสแจ๋ว ซึ่งอ่างเก็บน้ำมีความลึกมาก ประกอบกับมีตะไคร้น้ำอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มองเห็นน้ำเป็นสีเขียวใสราวกับมรกต
ทัศนียภาพภายในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนรัชชประภา เมื่อมองออกไปแบบสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพของภูเขาดินและภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกแตกต่างกันไป โผล่พ้นน้ำสีเขียวใส ตั้งเรียงรายสลับซับซ้อนไปมาให้ชมแบบจำเริญใจ โดยมีภูเขาหินปูนที่เป็นไฮไลต์ที่ต้องไม่พลาดไปชมนั่นก็คือ เขาสามเกลอ เป็นยอดเขาเล็กๆ 3 ยอดโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ถือว่าเป็นจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายภาพคู่กัน และก็ยังมีภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ที่เมื่อมองไปที่หน้าผาจะเห็นเป็นภาพหญิงสาว 2 คน อยู่บนหน้าผา (อันนี้ก็ต้องใช้จินตนาการกันของแต่ละคนในการมอง)
การที่ได้นั่งกินลม สัมผัสอากาศเย็นๆ ชมวิวภูเขาสวยๆ เรื่อยๆ ก็สร้างความเพลิดเพลินใจให้กับเราอยู่มากโข ต้องบอกเลยว่าธรรมชาติของอ่างเก็บน้ำที่นี่ยังมีความเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์อยู่มากจริงๆ ทำเอาเรารู้สึกอิ่มเอิบใจที่ได้ซึมซับธรรมชาติสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแบบเต็มเปี่ยม เรียกว่านั่งชมวิวไปเพลินๆ เผลอแป๊บเดียว เรือก็มาถึงยัง “แพ 500 ไร่”
ซึ่งเป็นที่พักของเราในทริปนี้ อันที่จริงในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนฯ ก็มีแพที่พักให้บริการอยู่หลายที่ มีทั้งของอุทยานฯ และของเอกชนให้เลือกพักตามใจชอบ ซึ่งเราของเลือกมาพักที่ “แพ 500 ไร่” เพราะว่าที่นี่เป็นโรงแรมที่ได้รับรางวัลจากโครงการ “Thailand Boutique Awards Season 3 (2014-2015) ที่ทางเคทีซีจัดขึ้น โดยได้รางวัลประเภทเขตแม่น้ำ / ทะเลสาบ (River / Lake) อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเบสิก และที่นี่เป็นแพพักที่มีความเงียบสงบเป็นส่วนตัว ด้านหน้าแพพักเป็นเวิ้งอ่าวอันกว้างใหญ่ มีทิวเขาหินปูนอันสวยงามอยู่เบื้องหน้าแบบพาโนรามา ห้องพักถูกสร้างเป็นหลังๆ มีให้เลือกพักตามใจชอบ
ห้องพักแต่ละหลังของที่นี่จะมีเรือแคนูจอดให้บริการไว้ที่แพของแต่ละหลัง ให้เรานำเรือแคนูออกไปพายเล่นได้ตามใจ แต่ถ้าใครไม่อยากพายเรือ ก็สามารถกระโดดน้ำเล่นได้จากหน้าห้องพักเลย ซึ่งน้ำนั้นทั้งเย็น ทั้งใส แค่เราใส่เสื้อชูชีพแล้วก็กระโดดน้ำแหวกว่ายเล่นได้อย่างสำราญใจ หรือแค่ได้นั่งอยู่ตรงระเบียงแพหน้าห้องพัก แล้วมองออกไปชมวิวสายน้ำ และสายหมอกที่คลอเคล้าไปกับทิวเขา ก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่าช่างเป็นห้วงเวลาการพักผ่อนที่ผ่อนคลายสุดๆ ไปเลย และที่ “แพ 500 ไร่” ยังมีบริการพาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจซึ่งอยู่ภายในอ่างเก็บน้ำฯ
อย่างการนั่งเรือไปเที่ยวน้ำตกแปดเซียน ซึ่งเป็นน้ำตกหนึ่งเดียวบนยอดเขา ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผืนป่าดงดิบของอ่างเก็บน้ำฯ ตัวน้ำตกเป็นภูเขาหินปูน ที่เราสามารถเดินเท้าเปล่าค่อยๆ ไต่ขึ้นไปบนน้ำตกแต่ละชั้นได้อย่างสบายๆ น้ำตกมีน้ำไหลใสเย็น ซึ่งด้านบนจะมีแอ่งน้ำให้ได้ลงเล่นน้ำกันด้วย
ในช่วงยามเย็นก็มีอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ นั่นคือ การล่องเรือเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ไปชมวิถีสัตว์ป่าที่ต้นน้ำคลองแสง ซึ่งเป็นต้นน้ำของเขื่อนรัชชประภา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ของโลก จนได้รับการขนานนามว่าเป็นจูราสิกพาร์ค
เราได้นั่งเรือหางยาวแล่นไปตามผืนน้ำสีเขียวมรกต เพื่อไปชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก อาทิ กระทิง ช้าง หมูป่า แต่ว่าวันที่เรามานี้ถือว่าโชคไม่เข้าข้างสักเท่าไหร่ ไม่ได้เห็นสัตว์ป่าเหล่านั้น ได้เห็นก็แต่นกเงือกที่บินโฉบอยู่บนฟ้า และก็เห็นเจ้าค่างแว่นถิ่นใต้อยู่บนต้นไม้
แต่แค่นี้ก็เป็นภาพที่ประทับใจมากแล้ว ทำให้เห็นว่าผืนป่าแห่งนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี สำหรับกิจกรรมที่ทางแพ 500 ไร่ มีให้บริการพาไปเที่ยวชมก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก อาทิ ไปเที่ยวถ้ำปะการัง ซึ่งเป็นถ้ำที่งดงามหนึ่งเดียวภายในทะเลใน 500 ไร่ สนุกกับการเดินป่าข้ามเนินเขา 1.5 กม. และล่องแพไม้ไผ่ ไปเดินป่าที่ถ้ำน้ำทะลุ ระยะทางกว่า 700 ม. มีน้ำตกและลำธารให้ได้ชม หรือไปเดินป่าขึ้นจุดชมวิวไกรสร มองทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาและผืนป่าของอุทยานแห่งชาติเขาสกในมุมสูงที่สวยงาม
เรามีความรู้สึกว่า การที่ได้มาเที่ยวที่ “เขื่อนรัชชประภา” และได้มาพักผ่อนอย่างผ่อนคลายที่ “แพ 500 ไร่” เป็นการท่องเที่ยวที่เหมือนได้มาชาร์จแบตให้กับร่างกาย ได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นเต็มปอด สมองได้หยุดคิดเรื่องวุ่นวาย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นความสุขสำราญใจจริงๆ ที่ได้มาเยือน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!