นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 นครสวรรค์ กรมควบคุมโรค
เผยว่า สภาพอากาศร้อนมีผลกระทบต่อสุขภาพ 4 ระดับ คือ 1.ผิวหนังไหม้ 2.ตะคริว เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปกับเหงื่อ 3.อาการเพลียแดด เนื่องจากสูญเสียเหงื่อมาก เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อลดลง ทำให้หน้าซีด ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หน้ามืด ตาลาย และ 4.ฮีตสโตรก
กระทรวงสาธารณสุขเผยข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในช่วง 10 ปีย้อนหลังจำนวน 196 ราย
ปี 2556 มีคนตายเพราะโรคลมแดด 20 ราย แม้ตัวเลขจะไม่สูง แต่ข้อเท็จจริงที่ว่า โรคนี้เราสามารถป้องกันได้ทำให้การเสียชีวิตดูเป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้นช่วง ปี พ.ศ. 2546 - 2556 ในจำนวนผู้เสียชีวิตจากฮีตสโตรก 196 ราย เป็นผู้สูงอายุมากที่สุดร้อยละ 16 รองลงมาคือ ผู้มีอาชีพรับจ้าง ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่ดื่มสุรา ในจำนวนผู้เสียชีวิตในระหว่างเดือนมีนาคม - เมษายน ปี 2556 จำนวน 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชายและอายุมากกว่า 60 ปี โดยเสียชีวิตในบ้านมากที่สุด รองลงมาคือ ที่ทำงานและในรถยนต์ กรณีของการเสียชีวิตในรถยนต์ ในประเทศไทยเกิดขึ้นบ้างจนเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจ ขณะที่สถิติในอเมริกา ระบุว่า มีเด็กเสียชีวิต เพราะพ่อแม่ลืมหรือตั้งใจทิ้ง ไว้ในรถเฉลี่ยปีละ 38 คน (ข้อมูลจาก KidsAndCars.org)
สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบและผู้สูงอายุ (มีประมาณ 13 ล้านคน) เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว 3. ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง (มีประมาณ 4 ล้านคน) ซึ่งมีปัญหาการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดเดิมอยู่แล้ว 4. คนอ้วน 5. ผู้ที่อดนอน และ 6. ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สาเหตุที่ คนอ้วนและผู้อดนอนเสี่ยงต่อโรคลมแดดเพราะ "ร่างกายของคนอ้วนและผู้ที่อดนอนจะตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะคนอ้วนจะมีไขมันใต้ผิวหนังมาก ไขมันจะเป็นฉนวนกันความร้อน ร่างกายจะสามารถเก็บความร้อนได้ดี และระบายความร้อนออกได้น้อยกว่าคนทั่วไป"
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิว หนังขยายตัวมากขึ้น
ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนปกติ แอลกอฮอล์ยังจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้
เผยว่า สภาพอากาศร้อนมีผลกระทบต่อสุขภาพ 4 ระดับ คือ 1.ผิวหนังไหม้ 2.ตะคริว เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปกับเหงื่อ 3.อาการเพลียแดด เนื่องจากสูญเสียเหงื่อมาก เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อลดลง ทำให้หน้าซีด ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หน้ามืด ตาลาย และ 4.ฮีตสโตรก
กระทรวงสาธารณสุขเผยข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในช่วง 10 ปีย้อนหลังจำนวน 196 ราย
ปี 2556 มีคนตายเพราะโรคลมแดด 20 ราย แม้ตัวเลขจะไม่สูง แต่ข้อเท็จจริงที่ว่า โรคนี้เราสามารถป้องกันได้ทำให้การเสียชีวิตดูเป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้นช่วง ปี พ.ศ. 2546 - 2556 ในจำนวนผู้เสียชีวิตจากฮีตสโตรก 196 ราย เป็นผู้สูงอายุมากที่สุดร้อยละ 16 รองลงมาคือ ผู้มีอาชีพรับจ้าง ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่ดื่มสุรา ในจำนวนผู้เสียชีวิตในระหว่างเดือนมีนาคม - เมษายน ปี 2556 จำนวน 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชายและอายุมากกว่า 60 ปี โดยเสียชีวิตในบ้านมากที่สุด รองลงมาคือ ที่ทำงานและในรถยนต์ กรณีของการเสียชีวิตในรถยนต์ ในประเทศไทยเกิดขึ้นบ้างจนเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจ ขณะที่สถิติในอเมริกา ระบุว่า มีเด็กเสียชีวิต เพราะพ่อแม่ลืมหรือตั้งใจทิ้ง ไว้ในรถเฉลี่ยปีละ 38 คน (ข้อมูลจาก KidsAndCars.org)
สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบและผู้สูงอายุ (มีประมาณ 13 ล้านคน) เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว 3. ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง (มีประมาณ 4 ล้านคน) ซึ่งมีปัญหาการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดเดิมอยู่แล้ว 4. คนอ้วน 5. ผู้ที่อดนอน และ 6. ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สาเหตุที่ คนอ้วนและผู้อดนอนเสี่ยงต่อโรคลมแดดเพราะ "ร่างกายของคนอ้วนและผู้ที่อดนอนจะตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะคนอ้วนจะมีไขมันใต้ผิวหนังมาก ไขมันจะเป็นฉนวนกันความร้อน ร่างกายจะสามารถเก็บความร้อนได้ดี และระบายความร้อนออกได้น้อยกว่าคนทั่วไป"
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิว หนังขยายตัวมากขึ้น
ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนปกติ แอลกอฮอล์ยังจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
