อัศจรรย์! 7 สุดยอดสะพาน Unseen ของเมืองไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก

หาก “สะพาน” เป็นสิ่งมีชีวิต มีความรู้สึก อาจกำลังน้อยใจนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เป็นได้ เนื่องจากทุกวันนี้หลายคนมักให้ค่ากับ “สะพาน” เป็นเพียงแค่ทางผ่านไม่ได้สลักสำคัญอะไร งั้นบทความฉบับนี้มาเอาใจพี่สะพานกันหน่อย เพราะในประเทศไทยยังมีสะพานน่าสนใจอยู่หลายที่ ซึ่งเพียบพร้อมทั้งความงดงามและความคลาสสิก แต่คนส่วนมากกลับไม่รู้จัก กระนั้นผมเชื่อว่าหลังได้ยลโฉมจากบทความฉบับนี้ คุณต้องรู้สึกว้าว! และประทับใจแน่นอน

หากจะบอกว่าเป็นมากกว่า “สะพาน” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะนอกจากความสวยงามของโคมไฟสีทองอร่าม ด้วยลวดลายแบบศิลปะชั้นสูงที่ตั้งอยู่ตลอดแนวแล้ว สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ยังทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทย (จังหวัดนครพนม) กับประเทศลาว (แขวงคำม่วน) นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางหลวงสายเอเชีย ซึ่งถูกจัดให้เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งด้านการค้าและการท่องเที่ยว โดยสามารถเชื่อมไปยังประเทศเวียดนาม และทางภาคใต้ของประเทศจีนได้ อย่างไรก็ตามสะพานแห่งนี้ไม่อนุญาตให้คนเดินลงมาถ่ายรูป ดังนั้นหากอยากเก็บภาพสวยๆ คงต้องยอมเดินทางข้ามประเทศ เพื่อบันทึกความงดงามที่นักท่องเที่ยวหลายคน ต่างยกให้เป็นสะพานที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

ช่วงสงกรานต์ปี 2556 ประชาชนชาวจังหวัดพิษณุโลก นอกจากจะได้เล่นน้ำกันชุ่มฉ่ำ ก็ยังได้ตื่นเต้นกับการเปิดตัว “ม่านน้ำตกสีรุ้ง” แห่งแรกของอาเซียน บริเวณสะพานนเรศวร หน้าวัดใหญ่ ระยะทางยาวถึง 72 เมตร มีความสูงวัดจากแม่น้ำน่าน-ระดับวางท่อ ประมาณ 15 เมตร ใช้ท่อพีวีซีท่อนละ 12 เมตร บวกกับหลอดไฟฟลูออเรสเซนส์แผงละ 3-5 หลอด จำนวน 60 แผง และใช้มอเตอร์ดึงน้ำจากแม่น้ำน่านทำเป็นน้ำตก พร้อมติดตั้งหลอด LED สามารถเปลี่ยนได้หลากสีสันสวยงาม โดยจะเปิดแสดงในช่วงค่ำ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมากมายต่างเดินทางมาแชะภาพเก๋ๆ กับม่านน้ำตกสีรุ้งกันไม่ขาดสาย และยังติดตั้งเป็นการถาวร ดังนั้นจึงสามารถมาเยี่ยมชมกันได้ทุกวัน

บรรยากาศสุดโรแมนติก ที่หลายคนอาจเคยผ่านตากันมาทั้งจาก MV, ละคร, ภาพยนตร์ หรือภาพถ่าย Pre-Wedding ของสะพานไม้สักสีขาวหลังคาทรงปั้นหยา ที่ทอดยาวจนถึงท้องทะเลเขียวใสมรกต แห่งเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่ในบริเวณพระตำหนัก เป็นสะพานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงใช้เป็นท่าขื้นเทียบเรือหลังจากที่เสด็จประพาสฝรั่งเศส โดยความงามของสะพานที่เห็นในปัจจุบันผ่านการบูรณะใหม่แล้ว แต่ยังคงรูปแบบสภาพเดิมไว้ทั้งหมด นอกจากนี้บริเวณรอบๆ สะพานอัษฎางค์ ยังเต็มไปด้วยความร่มรื่นจากเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ อาทิ ต้นลีลาวดี และมีเก้าอี้ให้นั่งทอดอารมณ์ผ่อนคลาย จึงไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยวหลายคนต่างตกหลุมรักบรรยากาศความชิลล์ และความโรแมนติกของสะพานไม้แห่งนี้ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับควงคู่รักมาเติมความหวาน หรือสร้างความพิเศษให้วันพักผ่อนของคุณ 

เพียงเดินทอดน่องบนสะพานไม้ แล้วชมทัศนียภาพของธรรมชาติโดยรอบ ก็ราวกับกำลังนั่งดู Discovery Channel ยังไงหยั่งงั้น เพราะที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์แห่งนี้ มีความสมบูรณ์และความหลากหลายของชนิดสัตว์ ธาตุอาหาร รวมถึงพืชต่างๆ ที่หาพบได้ยาก เช่น ต้นธูปฤษีหรือต้นกกช้าง ซึ่งไฮไลต์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบึงบัว ที่มีบัวสายพันธุ์ต่างๆ ขึ้นอยู่ในพื้นที่กว่า 500 ไร่ ไม่ว่าจะเป็นบัวหลวง บัวเผื่อน บัวผัน บัวสาย ฯลฯ ส่วนใครที่อยากมายลบัวในเวอร์ชั่นบานสะพรั่ง แนะนำให้มาช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม เพราะเป็นช่วงที่กำลังผลิงามอย่างเต็มที่ และนอกจากความสวยในบึงน้ำแล้ว ทิวทัศน์โดยรอบก็น่าสนใจไม่น้อย เฉพาะอย่างยิ่งเขาหินปูนขนาดใหญ่ที่ตั้งสูงตระหง่าน จนนักท่องเที่ยวหลายคน อดจะหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพสุดประทับใจไว้ไม่ได้

สะพานไม้หน้าตาธรรมดา ทอดยาวอยู่ท่ามกลางเมืองสามหมอก ซึ่งเกิดจาก “ศรัทธา” อันยิ่งใหญ่ของพระปลัดจิตตพัฒน์ อัคคปัญโญ ร่วมกับชาวบ้านกุงไม้สักสร้างขึ้น ณ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชื่อ สะพานซูตองเป้ เป็นภาษาไทยใหญ่ที่หมายถึงสะพานบุญแห่งความสำเร็จทุกสิ่งที่ปรารถนา เป็นสะพานไม้ที่ปูด้วยไม้ไผ่กว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 500 เมตร เชื่อมระหว่างสวนธรรมภูสมะข้ามแม่น้ำแม่สะงา ผ่านทุ่งนาไปถึงหมู่บ้านกุงไม้สัก ทั้งนี้เพื่อให้พระภิกษุสามเณรใช้เป็นทางเดินบิณฑบาตร และชาวบ้านสัญจรไปมาได้สะดวกในช่วงฤดูฝน โดยวัสดุที่ใช้สร้างสะพานนี้ ได้จากการบริจาคเสาบ้านเก่าของคนในหมู่บ้าน แล้วนำมาตอกลงเป็นเสาสะพานทีละต้นๆ สังเกตได้จากรูปทรงของเสา ที่จะมีทั้งสูงบ้างเตี้ยบ้าง รวมไปถึงริ้วรอยขีดข่วน แสดงให้เห็นถึงน้ำพักน้ำแรงของทุกคนที่ร่วมใจกันเพื่อสร้างสะพานแห่งนี้ 

หนึ่งในสะพานที่ถูกยกให้เป็นที่สุดของประเทศไทย นั่นคือ “สะพานมอญ” ณ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นสะพานไม้ยาวที่สุดในประเทศไทย (ยาวประมาณ 1 กม.) ได้หลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้ดำเนินการสร้าง เพื่อให้คนไทย-กะเหรี่ยงและมอญ สามารถสัญจร ไปมาหาสู่กันได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาดื่มด่ำแสงสีทองของพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และชมความเป็นอยู่ของชาวมอญที่เดินข้ามไปมาหาสู่กัน อีกความโดดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว คือวิถีชีวิตเหล่าชุมชน ที่อาศัยอยู่บน “พื้นที่ลอยน้ำ” ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามในทะเลสาบอินเล จนกลายเป็นเสน่ห์แปลกตาชวนให้มาสัมผัส ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่อาศัยบนบ้านกลางน้ำ และมีวิถีอันเนิบช้าไม่รีบร้อน