สุดทน! พบภาพแปลกๆบนแนวปะการัง เกาะพีพี แต่พอซูมดูใกล้ๆก็รู้เลยว่า อยู่เฉยไม่ได้แล้ว

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 จากกรณีในโลกออนไลน์ได้มีการแช์รูปภาพ จากเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat โดยเป็นภาพของเรือนำเที่ยวลำหนึ่ง ได้ปล่อยคราบน้ำมันลงไปบริเวณแนวปะการัง อ่าวต้นไทร เกาะพีพี จ.กระบี่ พร้อมข้อความระบุว่า...

" #พีพีพินาศ - จากกรณีเรือเลี้ยงปลา มาถึงนักเที่ยวล้นมาหยาแต่ดันเก็บเงินได้ไม่เท่าไหร่ สุดท้ายคือเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งเจอ กรมอุทยานบอกว่าบนเกาะพีพีดอนเป็นพื้นที่กันออก ต้องให้จังหวัดจัดการ แล้วเรือท่องเที่ยว ในอ่าวต้นไทร ทิ้งน้ำมันลงแนวปะการังอย่างนี้ มันเป็นเรื่องของใคร? ผู้ประกอบการมีจิตสำนึกจริงหรือไม่? คนกระบี่อยากให้จังหวัดตนเน้นเที่ยวอิงแอบแนบธรรมชาติจริงหรือเปล่า?

ระหว่างคำถามวนเวียนในหัว ผมเห็นน้ำมันกำลังไหลลงทะเล มลพิษร้ายแรงสุดถูกปล่อยจากเรือทัวร์ดำน้ำใส่หม้อข้าวหม้อแกงของตนเอง ทำลายสมบัติของชาติ ฆ่าแนวปะการังในเกาะสวยที่สุดของไทย ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี ท่านรัฐมนตรีขอให้ผมใจเย็นลงบ้าง ผมก็อยากทำครับ แต่ถามตามตรงว่าคนรักทะเลคนไหนเห็นภาพนี้แล้วไม่ปรี๊ด

#ไม่ร้องไห้แล้ว #ร้องจนไม่มีน้ำตาเหลือแล้ว #เหนื่อยเบื่อโกรธเศร้า #รบกวนเพื่อนธรณ์กดไลค์แล้วแชร์ครับ #แชร์ให้สนั่นจนมีคนตอบคำถามว่า #ใครปฏิบัติหน้าที่บกพร่องในการดูแลสมบัติของชาติ? #เถียงอีกสิว่าไม่ใช่คราบน้ำมัน #เถียงอีกสิว่ามันลอยมาจากที่อื่น #เถียงอีกสิว่าเป็นเหตุสุดวิสัย #ไม่เกี่ยวว่าหัวหน้าเป็นใครจะเปลี่ยนใครลงมาก็เจ๊ง #ขอความกรุณาท่านรัฐมนตรีได้โปรดช่วยทะเลด้วยครับ #ปฏิรูปทั้งระบบเท่านั้นจะช่วยได้"

นอกจากนี้ ที่เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ก็ยังได้โพสต์ภาพเรือนำเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งได้ทิ้งสมอเรือลงในแนวประการรังที่เกาะยูง เกาะพีพีอีกเช่นกัน โดยข้อความระบุไว้ดังนี้


"ผมเชื่อว่าคนกระบี่รักทะเลครับ แต่สิ่งที่ผมเห็น มันทำให้เริ่มสงสัยตัวเอง หากรักแล้วไม่ทำอะไร มันจะเรียกว่ารักได้ไหม หากอยากทำอะไร เริ่มที่เลิกทิ้งสมอในปะการังก่อนดีไหมครับ ผมเพิ่งถ่ายภาพนี้ที่เกาะยูง อุทยานพีพี เรือ 5 ลำทิ้งสมอ 5 ลำ จะให้ผมเงียบหรือครับ"

หลังจากภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นกันมากมาย โดยส่วนใหญ่รู้สึกสงสารธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว แนวประการังต่าง ๆ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดระเบียบ เเละควบคุมจำกัดจำนวนคน พร้อมทั้งมีบทลงโทษที่เด็ดขาด เพื่อทรัพยากร ให้เหลือเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป

ล่าสุด รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 รายงานว่า หลังจากทีมสกายรีพอร์ต สามารถบันทึกภาพดังกล่าวไว้ได้ และได้การแชร์กันในโลกโซเชียลนั้น ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังเข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดย ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ ได้ออกเปิดเผยว่า บริเวณดังกล่าวเป็นแนวปะการังน้ำตื้น ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา และนี่ถือเป็นภัยคุกคามปะการังลำดับต้น ๆ เพราะมลพิษจากคราบน้ำมันที่ปล่อยออกมาถือเป็นมลพิษที่รุนแรงที่สุด ที่จะส่งผลกระทบต่อปะการัง เพราะส่วนหนึ่งจะตกตะกอนเกาะตามแนวปะการัง ส่วนหนึ่งจะพัดเข้าไปติดตามชายหาด ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหา คือ ต้องเร่งจัดระเบียบการบริหารจัดการอย่างจริงจัง ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะผลกระทบที่ตามมาต้องใช้เวลาฟื้นฟู อีกทั้งเรียกร้องให้ผู้ประกอบการนำเที่ยว เร่งปรับปรุงมาตรฐาน และมีความรับผิดชอบต่อทรัพยากรส่วนรวมมากกว่านี้

ทั้งนี้ รายงานระบุด้วยว่า ได้มีการเข้าสอบถามไปยังผู้ประกอบการโรงแรม บนเกาะพีพี ซึ่งให้ข้อมูลว่า เรือ 2 ลำนี้ เป็นของบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ และมักจะนำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำดูประการังบริเวณนี้เป็นประจำ ขณะที่ในช่วงเดือนที่ผ่านมามักจะพบคราบน้ำมันลอยเข้ามาติดตามชายหาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง และได้มีการประสานให้ปลัดอำเภอเกาะพีพี เข้าดำเนินการตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ขณะนี้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ทราบเรื่องดังกล่าว และกำลังดำเนินการเพื่อเข้าตรวจสอบแล้วเช่นกัน

ขอบคุณที่มา ::Thon Thamrongnawasawat