แต่จริงๆ แล้วอาชีพนี้กลับเป็นอาชีพที่ถ้าเป็นไปได้ก็มีแต่คนอยากจะเลิก นั่นเพราะเป็นอาชีพที่ไม่มีความมั่นคง และยังหมายถึงการเอาตัวเองไปผูกพันอยู่กับธุรกิจสีเทาที่ไม่ค่อยจะมีความสุขสักเท่าไหร่ ดังนั้นวันนี้ผมจะเล่าเรื่องราวบางส่วนที่ผมได้รับฟังมาเกี่ยวกับอาชีพ "การตัดต่อหนังเอวี"
“ตัดต่อหนัง AV ญี่ปุ่น”แหมมม! อาชีพนี้ หนุ่มๆ ต่อแถวรอสมัครเลยสินะ
นอกเหนือไปจากการสมัครเข้าไปแบบที่เราเห็นใบประกาศรับสมัครดาราแบบนี้แล้ว ดูเหมือนว่าการตัดต่อหนังเอวีต้องทำอย่างเป็นความลับมากขึ้นไปอีก เพราะมันหมายถึงความลับทางธุรกิจ ซึ่งไม่สามารถปล่อยให้หลุดออกไปตามที่สาธารณะได้ ดังนั้นแต่ละบริษัทจึงต้องการบุคคลที่เขาสามารถไว้ใจได้ ยกตัวอย่างความลับที่สำคัญที่สุดก็คือ "footage ดิบ" ที่ยังไม่ผ่านการเซ็นเซอร์ ซึ่งไอ้ไฟล์นี้ล่ะครับเป็นไฟล์ที่แฟนหนังผู้ใหญ่หลายคนอยากเห็น อยากดู และมีความพยายามในการขโมยฐานข้อมูลหลายต่อหลายครั้ง (ปกติจะใช้วิธีอัพไฟล์ใส่เซอร์เวอร์ FTP ต่างๆ เพราะคนตัดต่อมักเอางานกลับไปทำที่บ้าน) อย่างคนที่ผมได้พูดคุยเข้าไปทำงานนี้ได้เพราะเจ้าของบริษัทเอวีเขาทำธุรกิจ "รับตัดชุดกีฬา" เป็นธุรกิจเสริม (ว่ากันว่าเอาไว้ฟอกเงิน) ซึ่งก็ใช้บริการกันจนสนิทสนม ทำให้เกิดการชักชวนเข้าวงการในที่สุด
2. รู้สึกอย่างไรกับงานชนิดนี้?
ตรงกันข้ามกับที่ผมคิด งานตัดต่อหนังเอวีคือสิ่งที่เขาเบื่อที่สุดในชีวิต ถึงแม้มันอาจจะตื่นตาตื่นใจในตอนแรกเพราะได้เห็นในสิ่งที่มีเพียงไม่กี่คนเห็น แต่พอต้องแข่งกับเวลา และเห็นภาพแบบเดิมๆ ทุกวัน ความสนุกของงานก็ลดลงไป เขาพูดติดตลกว่าวงการหนังเอวีคือวงการที่มีสคริปต์แบบเดียวแต่เปลี่ยนคนแสดงเท่านั้น ดังนั้นงานตัดต่อหนังเอวีจึงกดดันและน่าสะอิดสะเอียน
ในการตัดต่อหนังเอวีนั้น ส่วนใหญ่จะให้เวลาตัดต่อเพียง 2-5 วันทำการ อันนี้หมายถึงคนที่ตัดต่อเนื้อหาอย่างเดียวนะครับ ขั้นตอนต่อไปก็คือการใส่ Mosaic (เซ็นเซอร์) เข้าไปเพราะกฎหมายของญี่ปุ่นยังรุนแรงมากๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ (ผมไม่ทราบว่าแบบที่ไม่มีเซนเซอร์วางขายได้อย่างไร เพราะไม่ได้ติดตามวงการหนังเอวีครับ) การใส่เซนเซอร์ต้องใช้เวลาทำนานมาก คือต้องเอาตัว Mosaic ไปปิดตรงจุดสำคัญ (ซึ่งเคลื่อนไหวแทบจะตลอดเวลา) โดยไม่ให้เล็ดลอดออกมาแม้แต่นิดเดียว ระยะเวลานี้อาจใช้เวลาถึง 15 วันทำการ ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้ว หนังเอวีหนึ่งเรื่อง จะใช้เวลาตัดต่อ 1 เดือน
4. รูปแบบการตัดต่อ
ปกติแล้วต้องตัดต่อออกมาเป็น 3 แบบ นั่นคือ Teaser, Trailer และตัวหนังแบบปกติ
Teaser นั้นส่วนใหญ่จะใช้เฉพาะดาราดังๆ ที่มีแฟนๆ รออยู่ และ Trailer นั้นจะเป็นเหมือนตัวอย่างภาพยนตร์ทั่วไปล่ะครับ เอาไว้โฆษณาตามหัวหรือท้ายม้วน ทีนี้เรื่องไฟล์สำหรับการตัดต่อถือเป็นเรื่องยากมากๆ เพราะเขาจะให้ไฟล์ดิบทั้งหมดมา
ยกตัวอย่างผมมีโอกาสได้เห็นตอนเขาตัดต่อกราเวียร์ (งานถ่ายแบบเซ็กซี่เกือบๆ โป๊) คอนเซปต์ของงานชุดนี้คือ "พาทัวร์ต่างจังหวัด" ซึ่งไฟล์ที่เขาส่งเป็นแผ่นมา รวมทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง คือเนื้อหาจริงๆ มันไม่มีอะไรครับ แกเล่นเอากล้องติดแช่ในรถยนต์ ไป-กลับ ก็รวมกว่า 18 ชั่วโมง ที่เหลือก็จะเป็นการถ่ายเจาะดาราทั้งตอนโพสท่า หรือตอนทำกิจวัตรประจำวัน กินข้าว ฯลฯ
ซึ่งตรงนี้เนี่ย คนตัดต่อต้องนั่งดูไฟล์ทั้งหมดนะครับ จะกดให้มัน play เร็วๆ ก็ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้พลาดช็อตสำคัญอย่างเด็ดขาด อนึ่งตรงนี้งานที่เพื่อนผมทำจะเป็นงานที่ไม่ได้เชิญผู้กำกับจากด้านนอกมาทำนะครับ จะเป็นงานที่เป็นเหมือน regular work ของบริษัท เพราะถ้าเป็นงานที่มีผู้กำกับเป็นพิเศษ เขามักจะมีทีมของเขาครับ
ทีนี้ในส่วนของ Teaser, Trailer เราจะเอาภาพส่วนไหนก็ได้จากไอ้ footage ยาวๆ เนี่ยแหละมาใส่ คือให้มันน่าสนใจที่สุด บางครั้งเราจะเห็นว่ามันคือภาพที่ไม่มีในตัวหนังด้วยซ้ำ ดังนั้นกว่าจะได้หนังเอวีเรื่องหนึ่ง ถือว่ายากลำบากมากครับ
ผมไม่ทราบว่าค่าใช้จ่ายในสมัยก่อนเป็นอย่างไร เพราะว่าเขาให้ผมบอกแค่ว่า "สมัยก่อนมันดีกว่านี้มาก" ส่วนในปัจจุบัน จะได้ค่าจ้างวันละ 5,000 เยน ในข้อแม้ว่างานต้องเสร็จภายใน 2 - 5 วัน ตามที่เขียนไว้ในหัวข้อก่อนหน้า ตรงนี้หมายถึงการตัดต่อเบื้องต้นนะครับ หลังจากส่งไฟล์ที่สำเร็จไปให้บริษัทแล้ว หากเขาจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ตรงนี้ถือเป็นงานใหม่แล้ว ก็จะต้องให้เงินเพิ่มอีกวันละ 5,000 เยนเช่นกัน
เงินจำนวนนี้สำหรับเมืองอย่างโตเกียว ถือว่าน้อยพอสมควรครับ และยิ่งพวกเขามองว่าเงินมันลดลงจากแต่ก่อนเยอะมาก รวมถึงเริ่มเบื่อกับงาน เขาจึงอยากจะออกไปหางานอื่นๆ ที่เงินเท่ากันหรือมากกว่า โดยไม่ต้องมานั่งจดจ่ออยู่กับภาพโป๊ตรงหน้าจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
เรื่องราวที่ผมทราบมาก็ประมาณนี้ครับ หากใครอยากทราบมุมมองไหนเพิ่มเติม หรือในประเด็นไหน สามารถคอมเมนต์พูดคุยกันได้ หรือติดต่อทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ
เรื่องโดย : ปูมิ www.marumura.com