คดีการหายตัวไปอย่างลึกลับที่....นครวาติกัน!!
10 เรื่องเล่าเขย่าขวัญลึกลับจากทั่วโลก ที่ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงปัจจุบัน…!!
คดีการหายตัวไปอย่างลึกลับที่....นครวาติกัน!!
Emanuela Orlandi (เกิด 14 มกราคม 1968) เป็นพลเมืองของนครวาติกันที่หายไปอย่างลึกลับในวันที่ 22 มิถุนายน 1983 ซึ่งเหตุการณ์ของ Emanuela ทำให้เกิดปรากฏการณ์มากมายที่กระทบกับนครวาติกัน
แต่แล้วในเช้าวันที่ 14 พฤษภาคม 2001 ก็มีการค้นพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ที่มีขนาดเล็กในสภาพขากรรไกรขาดบรรจุอยู่ในถุง แล้วยังมีภาพของบาทหลวง Padre Pio อยู่อีกด้วย...แต่มันก็ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะเป็นกะโหลกศีรษะของ Orlandi และพ่อของ Emanuela เสียชีวิตในปี 2004 หนึ่งเดือนหลังจากที่ให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของเขา....
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีผู้กล่าวอ้างว่า เธอ และยังมีหญิงสาวอีกรายที่หายตัวไปนามว่า Mirella Gregori ทั้งสองคนหายไปในปี 1983 อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีอื้อฉาวทางเพศที่เกิดขึ้นภายในนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้...
จนถึงบัดนี้คดีนี้ก็ยังคงความลึกลับจนถึงปัจจุบัน....
ไปต่อกันที่อันดับที่ 9....
อันดับที่ 9 Villisca Axe Murders
คดีนักฆ่าขวานโหดแห่ง Villisca!!
มาฉงนงงงวยกันต่อที่อันดับต่อไป....
อันดับที่ 8 The Red Book
หนังสือปกแดง!!
อันดับที่ 7 The Smiley Face Murder Theory
ปริศนาแห่งทฤษฎีการฆาตรกรรมใบหน้ายิ้ม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากการสืบสวน ตำรวจสถานีอื่นๆก็มักแย้งว่ามันคือเหตุบังเอิญมากกว่าที่จะเป็นการกระทำจากฆาตรกร และสรุปผลการตายของหลายๆคดีว่า มาจากอุบัติเหตุทั้งหมด โดยพวกเขาเพียงแค่เมา และจมน้ำเสียชีวิตเอง.... ถึงขั้นมีการนำทฤษฐีนี้ไปล้อเลียน และพนันกันว่า ถ้าเกิดมีคนเมาตกน้ำตายก็ให้ปิดบริเวณค้นหารูปภาพหน้ายิ้มกันได้เลย...
ที่สุดแล้วทฤษฐีนี้กลับได้รับความสนใจจาก FBI เพราะเหตุเด็กวัยรุ่นชายหายสาบสูญ จนกระทั่งพบว่าพวกเขากลายเป็นศพนั้นก็ยังเกิดขึ้นต่อมาเรื่อยๆ...และทั้งสองนักสืบก็ได้รับการสนับสนุนให้ทำการสืบสวนกันต่อไปจนถึงปัจจุบัน....
โห...เรื่องนี้เอาไปทำหนัง สนุกแหง๋....
เอาล่ะ ไปต่อกันที่ อันดับที่ 6
อันดับที่ 6 Atuk Curse
คำสาปแห่ง Atuk!!
บทภาพยนตร์ได้รับการดัดแปลงตั้งแต่ต้นปี 1980 และแม้ว่าหลายสตูดิโอฮอลลีวู้ดภาพยนตร์ได้แสดงความสนใจในการผลิตภาพยนตร์ แต่มันก็กลับไม่ได้รับการสร้าง เนื่องจากเรื่องราวความเฮี้ยนของมันนั่นเอง...
เกือบ 30 ปี ที่ผู้กำกับคนแล้วคนเล่าลังเลที่จะสร้างหนังเรื่องนี้ ว่ากันว่าหนังเรื่องนี้ถูกสาบ ให้คนที่แสดงเป็นตัวเอกของเรื่องต้องตายลูกเดียว เริ่มจาก จอห์น เบลุชิ ดารานำของเรื่อง ตายด้วยการกินยาเกินขนาด ในปี 1982 ซึ่งเมื่อนายจอห์นตายทำให้ดาราตลกอย่าง แซม คินิสัน มาแสดงแทน จากนั้นก็มีปัญหา มากมายตามมา จนทำให้หนังถูกแบ่งเป็น Re-written แต่พอปีผ่านมานิดหน่อย เขาก็ตายเพราะรถชนอีก ทำให้บทส่งต่อมาที่ จอห์น แคนดี้ แต่หลังจากรับบทก็หัวใจวายตายทันที ทำให้หนังเรื่องถ่ายไม่เสร็จและตัวตลกอ้วนทั้งหลายสาบานว่าจะอยู่ห่างจากบทหนัง เรื่องนี้ตลอดกาล
อันดับที่ 5 The Bunny Man
มนุษย์กระต่าย!!
มนุษย์กระต่ายเป็นตำนานประจำเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์สองเหตุการณ์ในเคาน์ตี้แฟร์เวอร์จิเนียในปี 1970 แต่ได้รับการแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่กรุงวอชิงตันดีซี มีเรื่องเล่าในหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งสวมชุดกระต่าย และเขาได้ทำการโจมตีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายด้วยขวานอันคมกริบ!!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกที่มีรายงานก็คือ ในตอนเย็นของวันที่ 19 ตุลาคม 1970 เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นกับนายร้อยบ๊อบ เบนเน็ตต์ ซึ่งเป็นนักเรียนของกองทัพอากาศสหรัฐและคู่หมั้นของเขา ประมาณเที่ยงคืนขณะที่พวกเขากลับมาจากเกมฟุตบอล บนถนนนิวกินีในเบิร์ค ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ในที่นั่งด้านหน้าในรถที่กำลังวิ่งอยู่ พวกเขาสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างข้างนอกหน้าต่างด้านหลังสีขาวๆ ครู่ต่อมาหน้าต่างผู้โดยสารด้านหน้าก็ถูกทุบและปรากฏชายในชุดขาวยืนอยู่ตรงหน้าต่างที่แตกสลาย เบนเน็ตต์รีบหักพวงมาลัยหันรถหลบออกไป จนกระทั่งเหตุการณ์สงบลง พวกเขาก็พบขวานตกอยู่ที่พื้น
รายงานการพบเห็นที่สองที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 29 ตุลาคม 1970 เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยการก่อสร้าง พอล ฟิลลิป เดินไปยังด้านตะวันตกบนถนนนิวกินี ฟิลลิปกล่าวว่าเขาพบคนที่สวมใส่ในชุดสีเทา, สีดำ, และสีขาวเป็นชุดกระต่ายและอายุประมาณ 20 ปี สูงประมาณ 5 ฟุต 8 นิ้ว (1.73 เมตร) เขาได้ถือขวานที่มีด้ามยาว และตะโกนว่า "ทุกคนที่บุกรุกที่นี่ หากพวกเมิงยังไม่ออกไปจากที่นี่ ข้าจะเอาขวานจามหน้าอกและหัวของพวกเมิงให้เละหมดทุกคน!!" ใครจะอยู่ล่ะ โกยแน่บ....
ต่อมาตำรวจของเคาน์ตี้แฟร์ที่เข้ามาสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถหาหลักฐานเพิ่มเติมได้ ทั้งสองคดีจึงถูกปิดในที่สุดเพราะขาดหลักฐาน แต่ในหลายสัปดาห์ต่อมา ก็ได้เกิดอุบัติเหตุมากกว่า 50 ราย และทุกๆรายก็ติดต่อแจ้งความไปยังตำรวจอ้างว่าได้เห็น "มนุษย์กระต่าย" กันแทบทุกคน....
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตำนานแห่งมนุษย์กระต่ายก็ได้ถูกเล่าในรูปแบบที่ต่างกันออกไป รวมทั้งการอ้างถึงนักโทษคดีร้ายแรงที่ได้หลบหนีออกจากคุกและได้ไปแฝงตัวอยู่ที่นั่น และในทุกๆวันฮัลโลวีนก็มักจะมีผู้คนที่ชื่นชอบเรื่องลึกลับและท้าทายไปลองของกันที่ใต้สะพานแห่งนี้กันเสมอมา...
โดยที่ในปัจจุบันนี้ ความลึกลับของเจ้ามนุษย์กระต่ายก็ยังไม่ได้รับการคลี่คลายลงแต่อย่างใด.... อยากไปลองกันบ้างไหมล่ะ ฮึ....
อันดับที่ 4..... ก็คือ
อันดับที่ 4 The Original Spanish Kitchen
ตำนานร้างร้านอาหารสเปน....
ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่เปิดขึ้นในปี 1932 และกลายเป็นที่ชื่นชอบของดาราฮอลลีวู้ด เช่น บ๊อบ โฮป ลินดา ดาร์เนล และจอห์น แบรี่มอร์ แต่แล้วมันก็ถูกปิดลงในคืนหนึ่งในปี 1961 โดยที่ภายในร้านยังถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบราวกับมีคนมาใช้บริการ แต่ที่หน้าร้านกลับแขวนป้ายว่า หยุดในวันหยุด.... และมันก็ไม่เคยเปิดบริการขึ้นมาอีกเลยนับตั้งแต่วินาทีนั้น...
เพิร์ล ได้ตายลงในที่สุดและครอบครัวของพวกเขาก็ขายทรัพย์สินไปในปลายปี 1990 แต่ความลึกลับของร้านอาหารยังคงอยู่ ซึ่งเล่ากันว่า ทั้งคู่ ยังคงอาศัยอยู่ด้วยกันตลอดมาบนห้องพักบนชั้นสอง!!!! บางตำนานยังเล่าว่า พวกเขาได้ถูกฆ่าอำพรางศพอยู่ภายในร้านจวบจนถึงปัจจุบัน...
ปมปริศนาการลักพาตัวกระฉ่อนโลก!!!
นี่คือเรื่องจริงที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ระดับโลก....
ใน ค.ศ. 1926 แซนฟอร์ด เวสลีย์ คลาร์ค เด็กหนุ่มวัยรุ่นชาวรัสเซีย ได้ย้ายบ้านจากรัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา มาอยู่กับลุงของเขาชื่อ กอร์ดอน สจ๊วต นอร์ทคอตต์ ที่ฟาร์มปศุสัตว์ในไวน์วิลล์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ปรากฏว่า แซนฟอร์ด พบว่า กอร์ดอน ซึ่งในภาพยนตร์นี้มีภาพลักษณ์เป็นฆาตกรโหด สังหารเด็กต่อเนื่อง 20 คน แต่ในความเป็นจริง กอร์ดอนเบี่ยงเบนทางเพศ และมีความกระสันสูง มักจะลักพาตัวเด็กชายจากพื้นที่ห่างไกลมากระทำชำเรา กักขังหน่วงเหนี่ยวอยู่จนพอใจ และจะขับรถพาเด็กกลับไปส่งคืนที่พื้นที่ในรัศมีใกล้บ้าน แล้วตระเวนหาเด็กรายต่อไป โดยอาศัยความที่เด็กจะไม่สามารถจำสถานที่และไม่สามารถชี้ตัวได้ กอร์ดอนจึงรอดมาได้ตลอด และกอร์ดอนได้ข่มขู่กักขังแซนฟอร์ดไว้ไม่ให้บอกความจริงนี้แก่ใคร....
ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1928 กอร์ดอนได้ลักพาตัว วอลเตอร์ เจมส์ คอลลินส์ จูเนียร์ ไปข่มขืนกระทำชำเราเหมือนเด็กชายรายอื่นๆ แต่หลังจากกักขังวอลเตอร์ได้ไม่กี่วัน มารดาของกอร์ดอน ชื่อ ซาราห์ หลุยส์ นอร์ทคอตต์ ได้มาเยี่ยมกอร์ดอนที่ฟาร์มปศุสัตว์ ได้พบวอลเตอร์ เธอจำวอลเตอร์ได้ เพราะเห็นวอลเตอร์และคริสตินชอบไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าที่กอร์ดอนเคยทำงานบ่อยๆ จนวอลเตอร์จำหน้าของกอร์ดอนได้แล้ว และได้ทราบว่ากอร์ดอนทำอะไรลงไปบ้าง ก็โกรธกอร์ดอนมาก แต่ด้วยวิสัยของแม่ จึงมีอารมณ์ชั่ววูบที่อยากช่วยให้ลูกไม่มีความผิด จึงด่ากอร์ดอนไปว่า กอร์ดอนใช้อะไรคิดถึงไปลักพาตัวเด็กทีจำหน้ากอร์ดอนได้มาข่มขืน? เมื่อคิดอยู่สักพัก กอร์ดอนจึงฆ่าวอลเตอร์ โดยใช้ขวานจามจนวอลเตอร์เสียชีวิต....
ส่วนคริสติน ผู้ซึ่งเป็นแม่ของวอลเตอร์ได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจลอสแอนเจลิสว่าลูกชายเธอหายตัวไป ซึ่งในช่วงแรก กรมตำรวจได้ช่วยกันตามหาลูกชายของเธอเป็นอย่างดี ในขณะที่คริสตินเองก็โทรศัพท์ไปยังกรมตำรวจทุกมลรัฐ สำนักงานนายอำเภอ สำนักงานนักสืบ และทำทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้ เพื่อหาวอลเตอร์ จนกระทั่งเธอเป็นที่สนใจของสังคมและสื่อมวลชน จนกระทั่งหลายเดือนต่อมา กรมตำรวจก็ได้รับรายงานว่าพบเด็กชายที่ได้บอกว่า ตนเองคือวอลเตอร์ คอลลินส์แล้ว
กรมตำรวจลอสแอนเจลิสไม่ได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ส่งเด็กชายคนนั้นกลับไปหาคริสตินทันที ปรากฏว่าเด็กชายผู้นั้นไม่ใช่วอลเตอร์ คอลลินส์ ทำให้คริสตินได้ไปแจ้งกรมตำรวจว่าเด็กคนดังกล่าวไม่ใช่ลูกของเธอ แต่แทนที่กรมตำรวจจะยอมรับความผิดพลาด แล้วตามหาลูกชายของเธอต่อ กลับพยายามยัดเยียดให้คริสตินเชื่อว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายของเธอ โดยอ้างว่า คริสตินไม่ได้อยู่กับลูกชายเธอมานานแล้ว เด็กจึงมีพัฒนาการทางร่างกาย แต่คริสตินก็ยืนกรานไม่เชื่อ กรมตำรวจก็ปล่อยข่าวเท็จเพื่อทำลายภาพพจน์ของเธอ ให้สังคมคิดว่าเธอวิตกจริต คริสตินจึงไปหาหลักฐานและพยานมาช่วยยืนยัน แต่ก่อนที่เธอจะได้เปิดเผยหลักฐานแก่สื่อมวลชน กรมตำรวจได้จับตัวเธอเข้าโรงพยาบาลบำบัดสุขภาพจิตของตำรวจโดยอ้างว่าเธอวิกลจริตไปแล้ว....
หลังจากนั้น กอร์ดอนก็เปลี่ยนความกระสันของตน จากความกระสันทางเพศกับเด็กชาย เป็นความกระสันในการสังหารเด็กชาย ในระหว่างที่คริสตินได้รับลูกชายผิดคน และต่อสู้จนได้รับความทุกข์ทรมานจากการกลั่นแกล้งอย่างร้ายกาจของตำรวจหน่วย LAPD (ซึ่งภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาในส่วนของการกลั่นแกล้งจากตำรวจ LAPD นั้นไม่ต่างจากความจริงที่คริสตินได้รับ) กอร์ดอนก็ก่อคดีต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ตำรวจกำลังพุ่งความสนใจไปที่การโจมตีคริสติน ทำให้วอลเตอร์ไม่ใช่เหยื่อรายสุดท้าย
ในช่วงระหว่างการต่อสู้ของคริสติน ตำรวจ LAPD ปิดหูปิดตาประชาชนจากความจริง ด้วยความที่ปล่อยข่าวทำลายภาพพจน์ของเธอ ทำให้ประชาชนจึงเชื่อตำรวจ มากกว่าเชื่อผู้หญิงตัวคนเดียว แต่ในความมืดแปดด้าน มีผู้ยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือแก่เธอ หลักๆ คือ นายแพทย์ สาธุคุณ กุสตาฟ บรีกเล็บ ได้ช่วยจัดหาทนายเก่งๆ ช่วยคริสตินยื่นฟ้องหน่วย LAPD และได้จัดรายการวิทยุที่เปิดเผยความจริงของคริสตินให้ประชาชนรับรู้....
ต่อมา แซนฟอร์ดจะสบจังหวะตอนกอร์ดอนเผลอเข้าให้ข้อมูลกับองค์กรนักสืบ และกว่าที่องค์กรนักสืบที่ดำเนินการจนนำไปสู่การจับกุมกอร์ดอน ก็มีเหยื่อเด็กชายเสียชีวิตด้วยย้ำมือกอร์ดอนไปแล้ว 17 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 14 คน สภาพศพเกินความสามารถของทีมสืบสวนที่จะสามารถพิสูจน์ศพได้ ซึ่งจำนวนดังกล่าวนี้จะสามารถน้อยลงได้หากตำรวจ LAPD พุ่งความสนใจไปที่การยอมรับความผิดพลาด แล้วประสานงานไปยังหน่วยต้นสังกัด ไม่ใช่พุ่งความสนใจไปที่การเล่นงานคริสติน...
จากการจับกุมกอร์ดอน ความจริงดังกล่าวเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน เป็นรอยด่างพร้อยขนาดใหญ่ในประวัต์ศาตร์วงการตำรวจจนถึงปัจจุบัน และศาลได้ตัดสินว่า LAPD มีความผิดจริง และต้องจ่ายเงินค่าปรับให้แก่คริสตินเป็นจำนวน 10,800 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 136,889 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.4 ล้านบาทไทยในปัจจุบัน) แต่จนถึงปัจจุบันนี้ LAPD ก็ยังไม่ได้จ่าย
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นที่ชัดเจนว่า วอลเตอร์เสียชีวิตไปแล้ว แต่ใน ค.ศ. 1935 มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่ปี 1928 ได้ปรากฏตัว และเข้าให้การกับตำรวจว่า เขาคือหนึ่งในเหยื่อของผู้รอดชีวิตจากกอร์ดอน เขาต้องหลบซ่อนตัวอยู่นานเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยที่จะเปิดเผยตัว เขาบอกว่า เขาหลบหนีออกมาจากฟาร์มกอร์ดอนพร้อมกับวอลเตอร์ แต่ได้พลัดหลงกันในความมืด ดังนั้น วอลเตอร์อาจยังมีชีวิตอยู่ แต่หลบซ่อนอยู่ด้วยความกลัวเหมือนเขาก็ได้ และผลการชันสูตรศพอาจผิดพลาด หลังจากนั้น คริสติน ก็ไม่เคยสิ้นหวัง เธอยังคิดอยู่เสมอว่าลูกชายของเธออาจยังมีชีวิต และตามหาลูกอย่างไม่ลดละ แต่ก็ไม่เคยได้พบลูกชายของเธออีกเลย จนกระทั่งเธอเสียชีวิตใน ค.ศ. 1964....
ใครยังไม่เคยดูไปหามาดูได้นะครับ หนังดีมากๆๆๆ เรื่องนี้....
ปริศนายาพิษลึกลับในประเทศไทย...
หากยังจำกันได้ เหมือนไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้เกิดคดีปริศนาเกิดขึ้นในประเทศไทย ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมืองแห่งการท่องเที่ยว เมื่อปรากฏมีการพบศพตายต่อเนื่องอย่างมีเงื่อนงำปริศนารวมทั้งสิ้น 7 รายภายในห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง....
นักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 รายและมัคคุเทศก์ชาวไทย 1 คนเสียชีวิต ขณะที่คนอื่นๆ อีก 3 ราย ล้มป่วยอย่างปริศนาระหว่างพำนักอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ดินแดนท่องเที่ยวยอดนิยมระหว่างวันที่ 11 มกราคมถึง 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 รายงานข่าวระบุว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยในนั้น 6 คนพักที่โรงแรมเดียวกัน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ ล้มป่วยระหว่างพัก ณ โรงแรมอื่นๆ 2 แห่ง ทว่ายิ่งกว่านั้นคือกรมควบคุมโรคติดต่อของกระทรวงสาธารณสุขระบุในถ้อยแถลงว่าในหมู่ผู้เสียชีวิตนั้นมีลักษณะทั่วไปเหมือนๆ กัน พร้อมเน้นว่าผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยานานาชาติก็กำลังให้ความช่วยเหลือสืบสวนคดีนี้….
แม้มีความพยายามอย่างสุดความสามารถทั้งจากเจ้าหน้าที่ของไทยและพันธมิตรต่างชาติ แต่ก็ไม่พบคำอธิบายใดๆ ต่อสาเหตุของการเสียชีวิตในทุกๆ คดี ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นประกอบด้วยวัยรุ่นสาวชาวนิวซีแลนด์ คู่สามีภรรยาสูงอายุชาวอังกฤษและมัคคุเทศก์ชาวไทยรายหนึ่งที่ล้มป่วยจนเสียชีวิต ณ โรงแรม…… ในจังหวัดเชียงใหม่ ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนอีก 2 คนเป็นชาวอเมริกัน และฝรั่งเศส ขณะที่ชาวแคนาดารายหนึ่งและผู้หญิงนิวซีแลนด์อีก 2 คนก็ล้มป่วยอย่างประหลาดเช่นกัน…..
ทฤษฎีหนึ่งคือมีการกล่าวโทษคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีกำจัดแมลงว่าเป็นต้นเหตุเสียชีวิตของผู้ป่วยบางราย แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสารคลอร์ไพริฟอสจะส่งกลิ่นเหม็นมาก ซึ่งผู้ป่วยยืนยันว่าไม่มีกลิ่นดังกล่าวในห้องพัก และพิษของมันไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตหากไม่รับประทานหรือสูดดมเข้าไปในปริมาณมหาศาล…. ยิ่งกว่านั้นรายละเอียดของผลตรวจสอบทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการก็ไม่สนับสนุนว่าคลอร์ไพริฟอสของสาเหตุของการตายของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น ถ้อยแถลงของกระทรวงสาธารณสุขระบุ พร้อมบอกว่านักพิษวิทยากำลังสืบสวนต่อไปว่าสาเคมีกำจัดแมลงอื่นๆ เกี่ยวข้องกับคดีลึกลับนี้หรือไม่….
จนเมื่อวันที่ 17 ส.ค.54 การสอบสวน หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างปริศนาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และไกด์ชาวไทย ในโรงแรมแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ได้ยุติลง โดยคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ 10 ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พนักงานสอบสวน ผู้แทนจากสำนักระบาดวิทยากระทรวงสาธารณสุข และตัวแทนจากองค์กรการอนามัยโลก ได้สรุปผลการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตหลังส่งตัวอย่างจากร่างกายของผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการในประเทศสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ว่าสาเหตุของการเสียชีวิตมาจากสารเคมีบางอย่าง ที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ แต่ยืนยัน ไม่ใช่สารเคมีที่ใช้กำจัดแมลงตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย….
ทั้งนี้ผลการตรวจพิสูจน์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะรับสารเคมีบางชนิด เนื่องจากมีอาการที่รวดเร็ว เฉียบพลัน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นสารเคมีชนิดใด และผู้เสียชีวิตรับสารเคมีดังกล่าว จากการรับประทาน หรือการหายใจ ขณะที่สามี ภรรยา ชาวอังกฤษ ที่เสียชีวิตพร้อมกันในห้องนอน คาดว่าจะเสียชีวิตจากทางเดิน หลอดเลือดหัวใจ สำหรับการสอบสวนหาสาเหตุของการเสียชีวิตครั้งนี้ ถือเป็นอันยุติ ซึ่งจะไม่มีการตรวจพิสูจน์ใดๆ อีกหลังจากนี้ไป…..
บทสรุปมันก็ยังค้างคาใจสำหรับญาติผู้เสียชีวิต รวมทั้งหลายๆคนที่ให้ความสนใจในคดีปริศนานี้เรื่อยมา จนเกิดกระแสการโจมตีการท่องเที่ยวในประเทศไทย และยังมีการตั้งเวปไซด์เพื่อเตือนถึงอันตรายในการท่องเที่ยวในประเทศไทยขึ้นอีกด้วย…ท้ายที่สุดบางคนได้กล่าวถึงทฤษฐีแปลกประหลาดว่ามันน่าจะมาจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ หรือความลี้ลับจากภูติผีปิศาจก็เป็นได้…ปัจจุบันโรงแรมแห่งนี้ก็ยังคงเปิดดำเนินการเรื่อยมา แถมยังได้ถูกยกให้เป็น 1 ในโรงแรมอาถรรพ์ระดับโลก ควรจะภูมิใจไหมนี่….และยังรอการท้าทายความเชื่อจากเหล่าบรรดาผู้เชื่อในเรื่องความลี้ลับตลอดไป….
อันดับที่ 1 Mister X
ปริศนานักโทษลึกลับแห่งอิสราเอล มิสเตอร์เอ็กซ์…
มิสเตอร์เอ็กซ์ หรือ บางคนเรียกว่า "ชายในหน้ากากเหล็ก" เขาคือชายปริศนาที่ไม่เคยมีใครรู้จักตัวตน และเขาได้ถูกคุมขังแยกเดี่ยวอยู่ในคุกลับของอิสราเอลในปี 2010 เป็นต้นมา….
เรื่องราวเกี่ยวกับมิสเตอร์เอ็กซ์ได้ถูกเปิดเผยขึ้นในปี 2010 เมื่อปรากฏว่ามีการจับตัวชายคนหนึ่งมาขังเดี่ยวไว้ในคุกลับของอิสราเอล โดยมีข้อห้ามแม้กระทั่ง ผู้คุมยังไม่มีสิทธิ์เห็นหน้า รวมทั้งรู้จักชื่อของเขา ห้ามมีใครสื่อสารติดต่อกับเขาตลอดการถูกคุมขังในคุกลับ ก็ไม่มีใครติดต่อมาหาเขาเลย เสมือนว่าเขาคือบุคคลไร้ตัวตนที่ถูกขังลืมไปตลอดกาลจากรัฐบาลอิสราเอล….
เหล่าผู้คุมยังสงสัยในตัวมิสเตอร์เอ็กซ์ว่าเขากระทำความผิดร้ายแรงอะไรมาถึงได้ถูกกระทำเช่นนั้น เพราะมันดูลึกลับเกินไป ไม่เหมือนนักโทษคนอิ่นๆที่ถึงแม้จะทำความผิดร้ายแรงมาก็ยังได้รับการเปิดเผย แต่สำหรับมิสเตอร์เอ็กซ์ทุกอย่างดูเหมือนจะคงไว้ซึ่งความลับดำมืดไปซะหมด…
เคยมีนักข่าวถามถึงมิสเตอร์เอ็กซ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็กลับได้รับการตอบรับมาว่า พวกเขาไม่มีอำนาจพอที่จะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับนายคนนี้ เพราะมันอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ…. หลายคนจึงตั้งข้อสังเกตว่าเขาอาจจะเป็นสายลับระดับพระกาฬที่บังเอิญไปล่วงรู้อะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ซึ่งหากมันถูกเปิดเผยไป อาจจะทำให้อิสราเอลล่มสลายลงไปเลยทีเดียว….
จนกระทั่งเมือปีที่แล้ว 2013 ก็มีคนออกมาเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับมิสเตอร์เอ็กซ์ว่าเขาคือ อดีตสายลับชาวออสเตรเลีย นามว่า Ben Zygier ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจารกรรมข้อมูลลับมากมายในตะวันออกกลาง รวมทั้งปฏิบัติการในอิหร่านและซีเรีย…และเขาก็ได้เสียชีวิตลงไปแล้วตั้งแต่ปี 2010 โดยการแขวนคอด้วยผ้าปูที่นอนของเขาเองภายในคุกลับแห่งนั้น….
และเมื่อมีการพิสูจณ์หลักฐาน กลับมีการพบว่า ภายในตัวของเขาเต็มไปด้วยสารพิษบางอย่างกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย และ หลายคนยังคงไม่ปักใจเชื่อในถ้อยแถลงการณ์เปิดเผยตัวมิสเตอร์เอ็กซ์ของอิสราเอล ว่าไม่แน่ว่าเขาอาจจะยังไม่ตาย หรือ ถ้านี่คือตัวจริง เขาคือใคร มาจากไหน และทำไม อิสราเอลถึงต้องกระทำการซ่อนตัวเขาไว้จนแน่นหนา ลึกลับซับซ้อน และกว่า 3 ปีหลังจากเขาตายถึงได้มาเปิดเผย….
มิสเตอร์เอ็กซ์ก็ยังคงเป็นบุคคลปริศนาต่อไป พร้อมกับความลับดำมืดที่หายไปพร้อมกับการตายของเขาตลอดกาล….
เอาล่ะ จบลงแล้ว ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามด้วยนะครับ ขออภัยที่ให้รอนาน เผลองีบซะงั้น + เน็ตก็กากซะ ฮือๆๆๆ…
ต่อไปก็จะได้หาอะไรๆสนุกๆมาให้อ่านกันต่อนะครับ ผมขอตัวไปหาอะไรกินก่อนละ สะวีดัด สวัสดีทุกท่านจร้า….
CR รูป : Wikipedia , listverse.com , Postjung.com , Managers.com
ขอบคุณเนื้อหาและที่มาจากสมาชิก pantip สมาชิกหมายเลข 796356 :pantip.com