ก่อนจะพาไปอ่านจดหมายของเค้าที่ผมอยากให้ทุกคนที่ยังมีชีวิตได้อ่าน
ขอเกริ่นเรื่องราวของ Ross Ulbricht ให้ฟังซักหน่อย
ดูจากรูปอาจจะสงสัยว่า นาย Ross เป็นใคร
หน้าตาดูเฟรนลี่ ไม่เห็นมีผิดมีภัย
เรื่องราวของนาย Ross น่าสนใจมาก
Ross Ulbricht จบปริญญาตรีสาขาฟิสิกส์
จบปริญญาโท สาขาวัสดุวิทยาศาสตร์
นาย Ross เป็นชนชั้นหัวกะทิคนนึง
มี Passion สร้างการตลาดเสรีที่จะเปลี่ยนแปลงโลก
ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมใดๆ
นาย Ross สร้างเว็บไซต์ชื่อ Silk Road
เป็นตลาดออนไลน์ให้คนซื้อขายบนอินเตอร์เนท ด้วย Bitcoin หรือเงินสกุลดิจิทอล ทำให้ไม่ต้องผ่านเข้าระบบสกุลเงินของรัฐบาลใดๆ
Silk Road จึงเป็นตลาดเสรีที่ไม่มีพรมแดน จะซื้อ จะขายอะไร ก็อิสระดั่งใจ
...และ Silk Road ก็กลายเป็นแหล่งค้ายา ค้าอาวุธ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกออนไลน์
นาย Ross สร้างรายได้มหาศาลในเวลาแค่ 2 ปีที่เว็บเปิด
ประเมินว่าน่าจะได้ 600,000 บาทต่อวันทีเดียว
จนเมื่อสองปีที่แล้ว ... Ross Ulbricht ก็ถูก FBI จับ
หลักฐานมัดตัวอยู่หมัด ในฐานะอาชญากรระดับพ่อค้ายา
จากการสืบสวน เด็กอย่างน้อย 6 คน ต้องตายเพราะการซื้อขายยาจากเว็บไซต์ของเค้า
รวบรวมหลักฐานและไตร่สวนยาวนานเกือบปีครึ่ง
จนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการประกาศผลการพิพากษาออกมา
"Ross Ulbricht ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต"
คร่าวๆคือผู้พิพากษายืนยันว่า
การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร เค้าไม่ได้ต่างจากพ่อค้ายา ที่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตเด็กที่ตายจากการเสพยาที่ซื้อผ่านเว็บของเค้าเช่นกัน
หลายฝ่ายออกมาค้าน และไม่เห็นด้วยกับผลการตัดสินครั้งนี้
ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ผิด แต่เห็นว่ามันหนักเกินไป
ฆ่าคนตาย บางทียังมีโอกาสได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน
ข่มขืนผู้หญิงยังโทษไม่หนักเท่านี้เลย?
ใครคิดเห็นอย่างไร อันนี้สุดแท้แต่ใจคน
แต่สิ่งที่มาอยากจะนำมาแชร์ในวันนี้คือ "จดหมาย" ของ Ross Ulbricht ที่เขียนถึงผู้พิพากษา
มันเป็น จดหมายที่ทรงพลังที่สุดฉบับนึงที่ผมเคยอ่านมาเลย
พร้อมแล้วลองอ่านกัน
ผมจะไม่คอมเม้นอะไรเพิ่มเติมนะครับ อยากให้เป็นวิจารณญาณของคนอ่านเอง
ฉบับจริงลองตามไปอ่านได้ที่ https://www.documentcloud.org/documents/2086668-gov-uscourts-nysd-422824-251-1.html
(อาจจะแปลไม่ 100% นะครับ อาจจะย่อนิดๆแต่จะให้ใจความใกล้เคียงที่สุด)
====================
เรียน ผู้พิพากษา ฟอเรสต์
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงเรื่องการจำคุกของผม
มันเป็นจดหมายที่ท้าทายและเขียนได้ยาก เพราะการที่ผมเป็นคนต้องโทษ ... มันมีแรงจูงใจที่เมื่อผมพูดอะไรไป มันจะกลายเป็นเหมือนเรียกร้องความสงสารเอาได้
แต่ผมก็แสดงความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาโดยตลอดในกระบวนนี้
ฉะนั้น...ในจดหมายฉบับนี้ มันก็ยังจะเป็นเช่นนั้น
ช่วงการจองจำตลอดปีครึ่งที่ผ่านมา มันให้เวลามากมายที่ทำให้ผมได้ตระหนักถึงการกระทำต่างๆที่ส่งผลให้ผมต้องมาถูกจับและต้องโทษ
เมื่อครั้งที่ผมสร้าง Silk Road ขึ้นมา ผมไม่ได้ต้องการเงิน
...อันที่จริง ผมมีรายได้ที่ดีมากๆอยู่ด้วยซ้ำในขณะนั้น
ผมเป็นหัวหน้าของบริษัท Startup, Good Wagon Book ที่กำลังเติบโตและไปได้ดี ...และถึงถ้าบริษัทของผมล้มเหลว ผมก็ยังจบสองปริญญา ที่สามารถหางานดีๆ ได้สบายๆ
ผมสร้าง Silk Road เพราะผมเชื่อมั่นใน "คุณค่า" ของแนวคิดนี้
ในขณะนั้น ผมเชื่อว่าทุกคนควรมีสิทธิ์ที่จะซื้อ จะขายทุกสิ่งที่เค้าต้องการ ตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อคนอื่น
อย่างไรก็ตาม ผมได้เรียนรู้แล้วว่า การกระทำตามสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น โดยไม่ใช้เวลาให้มากพอเพื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน... มันสามารถนำมาซึ่งผลพวงที่อาจจะเป็นหายนะได้
Silk Road กลายเป็นบทเรียนราคาแพงจากความไร้เดียงสาที่ผมเสียใจอย่างสุดซึ้ง
Silk Road มันควรจะเป็นเรื่องของการให้ "อิสรภาพ" แก่ผู้คน ที่สามารถตัดสินใจตามแต่ความสุขของแต่ละคนอย่างไร้พรมแดน ... แต่มันกลับกลายเป็นที่เพิ่มความสะดวกสบายขึ้นให้กับคนติดยา
ผมเรียนรู้จาก Silk Road แล้วว่า เมื่อคุณให้อิสระกับผู้คน
คุณไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเค้าจะนำมันไปใช้ทำอะไร
ในขณะที่ผมไม่คิดว่าคนเราควรจะถูกห้าม ถ้าเค้าต้องการจะตัดสินใจทำอะไรกับตัวเค้าเอง... แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่จะเป็นเหมือนอีกท้องถนนให้เค้าได้มาเสพติดยากัน
ถ้าผมมีความเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ หรือมีความอดทนกว่านี้
ผมคงจะทำสิ่งที่แตกต่างออกไปในตอนนั้น
ผมยังไร้เดียงสาในเรื่องอื่นๆเช่นกัน
ก่อนคดีความนี้ ผมไม่เคยถูกจับ ...
การติดคุก การถูกจองจำ มันเป็นเรื่องนามอธรรมสำหรับผมมาก
ผมรู้ว่ามันไม่น่าปรารถนาอยู่แล้วหละ .... แต่ก็ไม่เคยจะเข้าใจมันเลยว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไง
ตอนนี้ผมได้เรียนรู้แล้วว่าสิ่งที่แย่ที่สุดของมัน..
คือการที่ผมต้องถูกพรากออกจากครอบครัวและคนที่ผมรัก
รวมถึงความเศร้าโศกของพวกเค้า ...ที่มีผมเป็นสาเหตุ
ถ้าผมได้ตระหนักก่อนซักนิดว่าการสร้าง Silk Road
มันอาจจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงถึงผู้คนที่ผมห่วงใยมากที่สุดด้วย
"ผมจะไม่มีวันสร้างมันขึ้นมา"
การสร้าง Silk Road ...มันทำลายชีวิตผม ทำลายอนาคตผม
ผมทำให้ทุกสิ่งที่ครอบครัวผมเคยให้ ทั้งโอกาส ทั้งพรสวรรค์
...กลายเป็นของสูญเปล่า
ผมสามารถทำอะไรได้อีกมากมายกับชีวิตผม
กว่าผมจะเห็นมัน... ก็สายเกินไป
โทษที่ผมต้องได้รับขั้นต่ำอย่างน้อย 20 ปี
ผมสามารถสร้างสิ่งดีๆให้สังคมได้อีกมากมาย
ผมสามารถเลี้ยงดูครอบครัว
ฉลองกับทุกๆเทศกาลชีวิตไปพร้อมกับเพื่อนฝูง ครอบครัว พ่อแม่ และพี่น้องของผม
ผมบอกสิ่งนี้กับคุณเพราะผมอยากให้คุณรู้ว่า
ในขณะที่ผมก็คิดถึงความสะดวกสบายและอิสรภาพ...
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด มันคือการที่ผมต้องสูญเสียความสามารถที่จะคอยสนับสนุนคนที่ผมห่วงใย และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแต่ละวันของพวกเค้า
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ถ้าเพียงการลงโทษของผมพอที่จะอนุญาตให้ผมได้มีโอกาสกลับสู่สังคมอีกครั้ง ผมไม่มีวันที่จะเสียความรักที่ผมจะมอบให้พวกเค้าและเพื่อนมนุษย์ตลอดการจองจำของผม
เมื่อผมถูกปล่อยตัว ผมจะทำทุกอย่างที่ผมต้องทำเพื่อชดเชย วันเวลาที่ผมไม่ได้อยู่กับบรรดาคนที่ผมรักเหล่านั้น...ผมจะทำให้โลกนี้เป็นที่ที่ดีขึ้น
จากสิ่งที่ผมเห็น
การจำคุกตลอดชีวิตมันเหมือนกับโทษประหารชีวิต มากกว่าการที่คุณต้องติดคุกนานหลายปี
... คุณมีโอกาสตายในคุกเหมือนกัน แค่จำคุกตลอดชีวิตให้เวลาคุณนานกว่า
ซึ่งถ้าผมมีโอกาสออกจากคุก... สิบๆปีต่อจากนี้
ผมคงจะไม่ใช่คนเดิม โลกคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ผมคงจะไม่ใช่พวกหัวรั้น ไปเสี่ยงทำอะไรอย่าง Silk Road ขึ้นมาอีกแน่นอน
อันที่จริง ผมคงเป็นตาแก่อายุ 50 ที่มีประวัติจำคุกติดตัว
ผมจะกลายเป็นผู้มีประสบการณ์ตรง และรู้ซึ้งดีถึงผลพวงของการกระทำผิดกฎหมายมากกว่าใครๆ
ตอนนี้ผมจะเข้าใจแล้วว่า ผมได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดอันใหญ่หลวงลงไป
ผมได้ใช้ชีวิตวัยเด็กไปแล้ว
ผมรู้ว่าคุณคงพรากวัยกลางคนของผมไป
...แต่กรุณาเหลือช่วงเวลาวัยชราให้ผมทีเถิด
กรุณาเหลือปลายแสงเล็กๆให้ผมที ที่ปลายอุโมงค์
...เป็นข้ออ้างให้ผมได้รักษาสุขภาพ
...เป็นข้ออ้างให้ผมได้ฝันถึงวันที่ดีข้างหน้า
...เป็นโอกาสให้ผมได้ไถ่ถอนชีวิต
...ในโลกแห่งอิสรภาพ
ก่อนที่ชีวิตผมจะจบลง
ด้วยความจริงใจ
Ross Ulbricht