คุณยายท่านนี้มีชื่อว่า "ยายเงียบ ฤทธิ์ดีแก้ว" อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 675 ถ.แสนพลพ่าย ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ทุกๆ เช้า คุณยายจะปั่นจักรยานสามล้อคู่ใจออกจากบ้านพักเดินทางไปที่ตลาดสดในตัวเมืองเพื่อเลือกซื้อ เนื้อหมู เนื้อไก่ เครื่องใน ลูกชิ้น นำกลับมาใส่กระทะใบใหญ่ต้มใส่เกลือปรุงให้สุก ซึ่งอาหารดังกล่าวยายเงียบไม่ได้ทำเพื่อกินเอง แต่นำไปเลี้ยง "สุนัขจรจัด" ที่ วัดอรัญญิก ช่วงบ่ายของทุกวัน หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า "หมาวัด" นั่นเอง
นางฟ้าชรา ของหมาวัด! เรื่องราวสุดซึ้งของ คุณยายคนนี้ที่อยากแชร์ต่อ....
หน้าแรกTeeNee อาหารสมอง อาหารสมอง นางฟ้าชรา ของหมาวัด! เรื่องราวสุดซึ้งของ คุณยายคนนี้ที่อยากแชร์ต่อ....
เป็นภาพที่คุ้นตากันดีสำหรับชาวบ้าน พ่อค้า แม่ค้า และผู้ที่สัญจรไปมาช่วงเช้าตรู่ บริเวณถนนพระองค์ดำ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก มักจะเห็น หญิงชรา รูปร่างเล็ก หลังค่อม เส้นผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะ ผิวหนังเหี่ยวย่นตามวัย สวมเสื้อคอกระเช้า นุ่งกางเกงขาก๊วย ออกแรงที่มีอยู่เพียงน้อยนิดปั่นจักรยานสามล้อคู่ใจสภาพเก่าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมัน โปรยเมล็ดข้าวสาร ไปตามทาง โดยมีนกหลากหลายชนิดบินโฉบลงมากิน เป็นกิจวัตรประจำวัน
คุณยายท่านนี้มีชื่อว่า "ยายเงียบ ฤทธิ์ดีแก้ว" อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 675 ถ.แสนพลพ่าย ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ทุกๆ เช้า คุณยายจะปั่นจักรยานสามล้อคู่ใจออกจากบ้านพักเดินทางไปที่ตลาดสดในตัวเมืองเพื่อเลือกซื้อ เนื้อหมู เนื้อไก่ เครื่องใน ลูกชิ้น นำกลับมาใส่กระทะใบใหญ่ต้มใส่เกลือปรุงให้สุก ซึ่งอาหารดังกล่าวยายเงียบไม่ได้ทำเพื่อกินเอง แต่นำไปเลี้ยง "สุนัขจรจัด" ที่ วัดอรัญญิก ช่วงบ่ายของทุกวัน หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า "หมาวัด" นั่นเอง
คุณยายท่านนี้มีชื่อว่า "ยายเงียบ ฤทธิ์ดีแก้ว" อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 675 ถ.แสนพลพ่าย ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ทุกๆ เช้า คุณยายจะปั่นจักรยานสามล้อคู่ใจออกจากบ้านพักเดินทางไปที่ตลาดสดในตัวเมืองเพื่อเลือกซื้อ เนื้อหมู เนื้อไก่ เครื่องใน ลูกชิ้น นำกลับมาใส่กระทะใบใหญ่ต้มใส่เกลือปรุงให้สุก ซึ่งอาหารดังกล่าวยายเงียบไม่ได้ทำเพื่อกินเอง แต่นำไปเลี้ยง "สุนัขจรจัด" ที่ วัดอรัญญิก ช่วงบ่ายของทุกวัน หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า "หมาวัด" นั่นเอง
ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ และไอความร้อนจากพระอาทิตย์ที่ส่องลงมาช่วงบ่าย แม้จะร้อนกายเพียงใด แต่ยายเงียบยังคงตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานสามล้อออกจากบ้าน มุ่งหน้าเดินทางไปที่วัดอรัญญิกเป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร หากเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวคงไม่ลำบากอะไรมากนัก แต่สำหรับหญิงชราใจบุญคนนี้ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ไม่เคยย่อท้อที่จะนำอาหารไปให้หมาวัดที่ตัวเองรักได้กินกันอิ่มท้องทุกตัว
ทันใดนั้นเอง เมื่อปรากฏภาพ "ยายเงียบ" ปั่นจักรยานสามล้อเข้ามาพ้นซุ้มประตูวัด เหมือนว่าหมาวัดทุกตัวกำลังเฝ้ารอคอยอยู่แล้วต่างวิ่งกรูกันเข้าไปหา "เสนอหน้าต้อนรับ" ทันที เมื่อยายเงียบเห็นก็ยิ้มตอบด้วยสีหน้าท่าทางดีอกดีใจ ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลงมาจากรถนำอาหารที่เตรียมมาใส่ภาชนะวางไว้เป็นจุด ๆ รอบวัดฯโดยมีเพื่อนยากสี่ขาวิ่งรับ-วิ่งส่งกันเป็นระยะ ๆ เนื่องจากบางฝูงไม่ถูกกัน หรือมีอาณาเขตดูแลต่างกัน ไม่ข้ามเขตมาแย่งอาหารกันกิน เมื่อนับจำนวนแล้วทั้งหมาใหญ่ และลูกหมาน่าจะมีจำนวนถึง 100 ตัว ซึ่งเจ้าหมาวัดเหล่านี้ก็ไม่เคยกัดยายเงียบเลยสักครั้ง เป็นภาพประทับใจสำหรับผู้ที่พบเห็น คุณยายท่านนี้ถึงแม้อายุมาก สมควรที่จะพักผ่อนอยู่กับบ้าน แต่ยังมีจิตใจโอบอ้อมอารี คิดทำบุญทำทานกับสรรพสัตว์ร่วมโลก จนชาวบ้านต่างขนานนามว่า "ยายเงียบหญิงชรา นางฟ้าของหมาวัด"
"ยายเงียบ" เล่าให้ฟังอีกว่า ตนทำเช่นนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ทำแล้วสบายใจได้บุญ รู้สึกว่าเรานำอาหารมาเลี้ยงเขาแล้วเราก็ได้อานิสงส์จากการทำดีคือ ไม่เจ็บ-ไม่ป่วย รู้สึกสงสารหมาจรจัด หรือหมาวัด ที่มีคนนำมาปล่อยทิ้งไว้ที่วัดแห่งนี้ เพราะเป็นภาระของพระ-เณร ยายจึงอยากช่วยแบ่งเบาบ้าง มิหนำซ้ำยังได้บุญติดตัวไปจนตาย ทุกวันนี้นอกจากตัวยายเองแล้ว ก็ยังมีผู้ใจบุญ และรักสัตว์อีกหลายคนที่เดินทางมาร่วมกันกับยายที่วัด ทั้งช่วยคลุกข้าว คลุกอาหาร หรือเก็บกวาดเศษอาหารที่หมาวัดกินไม่หมด บางคนเห็นหมาวัดแล้วก็รู้สึกสงสาร จึงนำเงินเล็ก ๆ น้อยๆ มอบให้ยายเพื่อทำบุญให้ยายไว้ไปซื้ออาหารให้หมาวัดได้กินอิ่มทุกวัน
นางฟ้าของหมาวัด กล่าวต่อว่า เรื่องที่ยายทำลูกหลานทางบ้านทราบดี พวกเขาไม่ได้ทอดทิ้งหรือไม่ดูแลยาย อดไม่ได้ที่จะทำแบบนี้ เพราะทำแล้วสบายใจ อย่างไรก็ตามครอบครัวทางบ้านยายจะเป็นห่วงเรื่องปั่นรถจักรยานบนถนนใหญ่ เกรงว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็มีชาวบ้านข้างทางที่เห็น และมีน้ำใจมาช่วยกันโบกรถให้บ้าง หรือช่วยกันเข็นท้ายรถให้ยายบ้าง ซึ่งต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนที่มีน้ำใจให้กับคนแก่คนนี้ สำหรับเงินที่ยายซื้อของให้หมาก็เป็นเงินที่ลูกหลานยายส่งมาให้ บวกกับเงินเบี้ยคนชราที่ได้รับ
สุดท้ายนี้ยายอยากจะวิงวอนผู้ที่เลี้ยงหมาอยากให้มีจิตใจเมตตา คิดว่าเขาคือ "เพื่อนยามยากของเรา" ตัดสินใจเอาเขามาเลี้ยงแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด ทั้งที่อยู่ที่กิน เมื่อเจ็บป่วยก็พาไปหาหมอ หรือเมื่อเขาถูกรถชนก็ต้องช่วยเหลือพาไปรักษาให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เห็นเขาพิการแล้วรูปร่างหน้าตาเขาเปลี่ยนไปก็คิดทำร้ายเขาด้วยการนำมาปล่อยทิ้งไว้ที่วัด
"ยายผ่านชีวิตมาเยอะ ได้รับอะไรมาก็มากมาย อายุขนาดนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอเป็นผู้ให้นั่นก็คือความเมตตากับสัตว์โลกก็พอแล้ว ... หมาถือเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์ และรักเจ้านายของมันที่สุด ให้เราคิดย้อนกลับกันว่า ถ้าเราถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้บ้าง จะเป็นเช่นไร"
จิตใจช่างสูงส่งจริง ๆ "เหยี่ยวขาว" ขอคารวะด้วยใจจริง คำพูดที่ว่าชีวิตผ่านอะไรมามากมาย อายุขนาดนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วขอเป็นเพียง "ผู้ให้"ก็พอ...เหมือนยายกำลังจะสื่อให้มนุษย์อย่างเรา ๆ เข้าใจว่า...สิ่งที่เหลือติดตัวหากจากโลกใบนี้ไปแล้ว..มันไม่ใช่สิ่งของหรือแก้วแหวนเงินทอง...แต่มันคือความดีของบุคคลนั้น ๆ ต่างหากที่มันจะติดตามตัวเราไปตลอดตราบนานเท่านาน.