หาดูยากมาก!...ประวัติการเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29
ประวัติการเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก
เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2497 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายของ พ.อ. (พิเศษ) ประพัฒน์ กับเข็มเพชร จันทร์โอชา มีชื่อเล่นว่า "ตู่" สื่อมวลชนนิยมเรียกว่า "บิ๊กตู่" เป็นบุตรชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมดสี่คน หนึ่งในน้องชายคือ พล.ท. ปรีชา จันทร์โอชาแม่ทัพภาคที่ 3
การศึกษา การเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29
สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จากโรงเรียนสหะกิจวิทยา จังหวัดลพบุรี ซึ่งนางเข็มเพชร คุณแม่ของท่านก็เป็นคุณครูอยู่ที่นั่น แต่ในปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้ได้ยุบไปแล้ว
ต่อมาได้ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี เช่นเดียวกัน แต่เรียนได้เพียงปีเดียวก็ลาออกเนื่องด้วยบิดาเป็นนายทหารจำต้องโยกย้ายไปในหลายจังหวัด
เขาจึงเข้าศึกษาที่ โรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพมหานคร จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ภายหลังได้เข้าศึกษาต่อที่ โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) และเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 23
จากรั้วโรงเรียนนายร้อย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับราชการครั้งแรกในยศร้อยตรี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ จากนั้นขยับไปยังกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และก้าวขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และว่าที่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29
เอกสารใบสุทธิของเด็กชาย ประยุทธ์ จันทร์โอชา (มัธยมศึกษาปีที่ 1)
ในนั้นแสดงให้เห็นถึงประวัติส่วนตัวของเขา อีกทั้งระบุถึงการเล่าเรียน สอบได้คะแนนดีมาก ความประพฤติเรียบร้อย สุขภาพแข็งแรง
นอกจากนี้เพื่อนรุ่นเดียวกันได้ให้สัมภาษณ์ (กับทางข่าวสามมิติ ช่อง 3) ว่า บุคคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นไม่แตกต่างจากวัยเด็ก สมัยเรียนเลย สมัยนี้เราเห็นท่านป็นยังไง สมัยก่อนก็เป็นเช่นนั้นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ท่านท่านมีอุปนิสัยที่เงียบขรึม ด้วยความที่เป็นพี่ชายคนโตจึงต้องทำตัวเป็นพี่ที่ดี เป็นเด็กที่มีวินัยมาก เนื่องมาจาก นางเข็มเพชร จันทร์โอชา คุณแม่ของท่านเป็นคุณครูประถม ท่านค่อนข้างมีระเบียบ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อตอนเป็นเด็กนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดนวลนรดิศ เคยลงสัมภาษณ์ ในคอลัมน์ เรียนดี นิตยสารชัยพฤกษ์ ของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช เมื่อปี 2512 (45 ปีที่แล้ว) โดยเล่าถึง ประวัติการเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งไม่เคยได้เกรดต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์!
เมื่อถูกถามว่า "ถ้าสอบได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว จะสอบเข้าเรียนต่อที่ไหน" ท่านประยุทธ์ในวัยเด็กนั้นบอกกับผู้สัมภาษณ์ว่าเขาตั้งใจ จะเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร และหวังว่าจะได้เป็นทหารบกในอนาคต
วันว่างในวัยเด็กของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ในวัยนั้นท่านใช้เวลาให้หมดไปกับหนังสือ ในวันหยุดจะไม่มีใครเห็นท่านวิ่งเล่นเหมือนที่เด็กรุ่นเดียวกันทำกัน ท่านดูหนังสือแบบทวนตั้งแต่ต้นจนจบแล้วขึ้นทวนใหม่ ทำเช่นนี้หลายๆ หน ก็จำวิชาที่เรียน และเข้าใจวิชานั้นๆ อย่างถ่องแท้ เมื่อติดขัดไม่เข้าใจวิชาอะไร ท่านก็ถามพี่ๆ ที่บ้าน
ในวันธรรมดาใช้เวลาทวนวิชาเรียนตอนหลังอาหารเย็น ไปจนถึงสี่ทุ่มจึงจะเข้านอน ตอนเช้าไม่มีเวลาดูหนังสือเพราะต้องรีบไปโรงเรียน โดยท่านประยุทธ์ในวัยเด็กนั้นบอกว่าดูหนังสือจนถึงสี่ทุ่มก็พอแล้ว เพราะเขาดูอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ต้องรีบร้อนดูตอนระยะใกล้สอบ
วิชาที่ชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวัยเด็ก
วิชาที่ถนัดเป็นพิเศษ ได้แก่คณิตศาสตร์ อังกฤษ และวิทยาศาสตร์ นอกจากจะเก่งวิชาเหล่านี้แล้ว ยังชอบเรียนวิชาพวกนี้อีกด้วยท่านให้เหตุผลว่าถ้าจะเรียนอะไรก็ตามที่ให้ได้ผล ควรจะมีใจรักในสิ่งนั้นๆ ด้วย นอกจากจะเป็นคนที่รักการเรียนเองแล้ว ประยุทธ์ยังได้รับการสนับสนุนในการเรียนจากบิดามารดา
ผลการสอบภาคกลาง ประยุทธ์ได้ 65 เปอร์เซ็นต์ กับผู้สัมภาษณ์ประยุทธ์บอกว่า การสอบทุกครั้งนั้นถึงแม้ตัวเขาจะได้เตรียมพร้อมมาแต่เนิ่นๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น ขณะที่ทำการสอบมักจะตอบอย่างระมัดระวัง เมื่อทำเสร็จ แล้วจะอ่านทานว่าที่ตอบไปนั้น ตอบไปตามภูมิความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนมาหมดหรือเปล่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหนอนหนังสือตั้งแต่เด็ก
ท่านใบอกว่า หนังสือที่ใช้เรียนในห้องเรียนยังไม่มากพอตามความต้องการของเขาเอง เพราะฉะนั้นเขาจึงหาหนังสือจากที่อื่นๆ ที่เป็นหนังสือนอกหลักสูตรไว้อ่านเพื่อประดับความรู้ หนังสือที่อ่านเป็นประจำได้แก่ "ชัยพฤกษ์" ท่านพูดกับผู้สัมภาษณ์ว่า "ผมอ่านชัยพฤกษ์ เพราะได้ความรู้มากครับ"
"ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่หนังสือเรียนเพียงอย่างเดียว"
ถึงแม้จะเป็นคนขรึม แต่เขาก็เป็นคนมีน้ำใจ เมื่อกลับจากโรงเรียน เขามักจะช่วยพี่น้องทำงานบ้านทั่วๆ ไป เช่นรดน้ำต้นไม้ กวาดบ้าน แม้จะต้องทำงานบ้าง เขาก็พอใจด้วยเหตุที่ว่าความสำเร็จในชีวิตข้างหน้านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียนหนังสือแต่อย่างเดียว ถึงเขาจะมุ่งดูหนังสือมากแต่ก็ยังมีเวลาสำหรับการบันเทิง เมื่อรู้สึกเมื่อยล้าจากการดูหนังสือเขาจะหยุดทันทีและหันมาดูอย่างอื่นเป็นการพักผ่อนสมองแทน เช่น ดูทีวี ดูหนังญี่ปุ่น และหนังสารคดีต่างแดน
บทสัมภาษณ์บางส่วนจาก ในคอลัมน์ เรียนดี นิตยสารชัยพฤกษ์ ของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช เมื่อปี 2512 ^^
ขอบคุณข้อมูล wikipedia.org, ข่าวสามมิติ, คอลัมน์ เรียนดี นิตยสารชัยพฤกษ์ ของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช เมื่อปี 2512, เพจ พลังประชาชน ,mthai