ม.เอเชียอาคเนย์ ร่วมกับอาจารย์และนักศึกษา เปิดตัว 4 เทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์ยุคใหม่เพื่อสังคม

หน้าแรกTeeNee อาหารสมอง อาหารสมอง ม.เอเชียอาคเนย์ ร่วมกับอาจารย์และนักศึกษา เปิดตัว 4 เทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์ยุคใหม่เพื่อสังคม

มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ จุดประกายการต่อยอดเทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์ 4 ผลงานสุดไฮเทค โดยร่วมกันพัฒนาระหว่างอาจารย์ผู้สอนและนักศึกษา จนก่อให้เกิดผลงานคุณภาพอย่างสร้างสรรค์ ประกอบด้วย รถสอดแนมหรือรถกู้ภัย ที่พัฒนามาจากรถของเล่น, ระบบบริหารร่างกายฤาษีดัดตน จะช่วยให้คุณทำท่าฤาษีดัดตนได้ถูกต้อง ,ระบบผู้เชี่ยวชาญเสมือน และเครื่องพริ้นเตอร์สามมิติ ที่นำมาใช้ในการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มประสบการณ์และทักษะของผู้เรียน ผลงานหลากหลายชิ้น เพื่อเป็นการสะท้อนถึงศักยภาพของนักศึกษาไทยว่าไม่แพ้ชาติใดในโลก

อาจารย์ณัฏฐ์ โอธนาทรัพย์ อาจารย์ประจำสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเอเซียอาคเนย์ได้ร่วมกับคณาจารย์และนักศึกษาได้พัฒนางานเพื่อต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อความทันสมัย ประกอบด้วยสิ่งประเดิษฐ์ยุคใหม่ แบ่งเป็น 4 ประเภท ด้วยกัน ได้แก่ 1.รถสอดแนม, 2. ระบบบริหารร่างกายฤาษีดัดตน, 3.ระบบผู้เชี่ยวชาญเสมือน และ 4.เครื่องพริ้นเตอร์สามมิติ โดยสิ่งประดิษฐ์บางชนิดได้นำอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน, กล้อง Kinect , Oculas และ Raspberrypie ที่นำมาประยุกต์ใช้งานร่วมกัน จนก่อให้เกิดผลงานทางพหุปัญญาที่น่าภาคภูมิใจ

สำหรับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกเป็น “รถสอดแนม” ที่นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาขึ้น เพื่อใช้ในเหตุการณ์ตึกถล่มหรือสถานการณ์เหตุการณ์ความไม่สงบต่าง ๆ เช่น การวางระเบิด การจับคนเป็นตัวประกัน ซึ่งคนไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะอาจเกิดอันตราย ก็จะใช้รถนำรถสอดแนมเข้าไปสำรวจตามซอกเล็ก ๆ ที่สำคัญยังสามารถใส่อุปกรณ์อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ เช่น อุปกรณ์ทำลายวัตถุระเบิด กล้องสอดแนม CCTV วิธีใช้งาน คือ จะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ในการเชื่อมต่อและบังคับทิศทาง โทรศัพท์เครื่องที่ 1 จะคอยสั่งการผ่านบลูทูธ ส่งคำสั่งเข้าโทรศัพท์เครื่องที่ 2 ที่ติดตั้งอยู่กับรถ มีรัศมีทำการเท่ากับรัศมีของ wifi ตัวแอพพลิเคชั่นที่ใช้ สั่งการ ก็ร่วมกันเขียนขึ้นมากับนักศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยใช้ร่วมกับโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ แต่ก็สามารถใช้กับระบบ IOS ได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของบอร์ดด้วย ว่าจะรับระบบปฏิบัติการอะไรได้ อย่างบอร์ดที่ใช้ตัวนี้เรียกว่า ioiobord (อ่านว่า โยโย่ บอร์ด) ซึ่งถ้าเป็นรถบังคับทั่วไป คนคอนโทรลก็จะไม่เห็นอะไร แต่ตัวนี้จะเห็นมุมมองจากรถ ว่าวิ่งถึงไหน เข้าไปในไหน อันนี้คือก้าวแรกของการพัฒนา

อ.ณัฏฐ์ กล่าวว่า สำหรับผลงานชิ้นที่ 2 เรียกว่า “ระบบการบริหารร่างกายฤาษีดัดตน” โดยมีแนวคิดมาจากการที่ เห็นประเทศอื่น ๆ นำท่าการออกกำลังกายด้วยท่า บอดี้คอมแบต จี้กง โยคะ ทางมหาวิทยาลัยฯจึงมีแนวคิดพัฒนาท่าบริหารร่างกายของไทยขึ้นมาบ้าง เพื่อส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยของเรา จึงพัฒนาระบบการบริหารฤาษีดัดตนขึ้นมา เพื่อให้คนไทยได้บริหารร่างกายในท่าฤาษีดัดตนอย่างถูกต้อง และไม่จำเป็นต้องไปที่วัดโพธิ์ เพราะระบบนี้จะทำให้เกิดความสนุกสนานกับการบริหารร่างกาย อุปกรณ์ที่ใช้จะเป็น กล้อง Kinect ใช้งานกับแอพพลิเคชั่นตัวหนึ่ง ที่จะคอยจับรายละเอียดร่างกาย พอเวลาอยู่ที่หน้าเครื่องนี้ มันก็จะรีเช็คว่าทำถูกหรือไม่ ก็จะมีคนสอนอยู่ แล้วก็ทำท่า ยกแขน ยกขา ตามท่า ทั้งหมด 18 ท่าหลัก ถ้าทำถูกมันก็จะมีคะแนนให้ ซึ่งโปรแกรมพวกนี้ต่างชาติก็มีจัดทำมาเป็นเกม อาทิ เกมแข่งแบดมินตัน เทนนิส หรือเกมต่อสู้ ก็ทำท่าเสมือนจริงได้เลย แล้วระบบนี้สามารถต่อเชื่อมกับอินเตอร์เน็ต หรือ เว็บบราวเซอร์ได้ เช่น จะมีห้องเสื้อออนไลน์ แล้วเราก็เลือกลองได้เลย โดยดูจากจอคอมพิวเตอร์ ว่าใส่ชุดนี้ใส่แล้วสวยหรือไม่สวย หมุนตัวดูได้หมด แต่ว่ามันยังไม่ได้ทำเป็น แพลตฟอร์มที่คนทั่วไปใช้ได้ ต้องเขียนโค้ดขึ้นมาก่อน จึงจะสามารถใช้งานได้จริง

เทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์ ประเภทที่ 3 เรียกว่า “ระบบผู้เชี่ยวชาญเสมือน” เพื่อให้นักศึกษาได้เห็นมุมมองของอาจารย์ผู้สอนให้เห็นเป็นภาพ 3 มิติ โดยสมมุติอาจารย์เป็นวิศวกร สำรวจตึกใส่หมวกที่มีกล้องติดอยู่ นักศึกษาก็จะได้เห็นมุมมอง 3 มิติ ของอาจารย์ ประโยชน์ก็คือเด็กจะได้ความเชี่ยวชาญ ได้ประสบการณ์ ของอาจารย์ผู้สอนไปด้วย โดยใช้อุปกรณ์ Oculus เชื่อมต่อกับ Raspberrypie ซึ่งทำหน้าที่เหมือนคอมพิวเตอร์เล็ก ๆ เครื่องหนึ่ง เพื่อเก็บบันทึกข้อมูล ซึ่งระบบการทำงาน คือ เอากล้องเว็บแคม ใส่กับหมวก แต่ตัวนี้เราใส่กับเฮดการ์ด แล้วกล้องตัวนี้จะเหมือนกับลูกตา 2 ข้าง เพราะมนุษย์เราสามารถเห็นภาพสามมิติได้จากการเห็นของ 2 ตา กล้องตัวนี้จะเสมือนตาเรา แล้วก็จะบันทึกภาพเป็นสามมิติพร้อมเสียงของอาจารย์ผู้สอน ซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก

“สิ่งประดิษฐ์ประเภทที่ 4 คือ “พริ้นเตอร์ 3มิติ” เทคโนโลยีตัวนี้มีประโยชน์มากสำหรับนักศึกษาวิชาออกแบบ เพราะจะเห็นรูปร่างของชิ้นงานอย่างเป็นรูปธรรมในทุก ๆ ด้าน ไม่ใช่แค่ด้านเดียวเหมือนในกระดาษ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยการทำงานใช้ร่วมกับกล้อง Kinect ที่สามารถถ่ายภาพตื้นลึก เป็นภาพสามมิติได้ นำมาสแกน object หรือวัตถุรอบด้าน ก็จะได้ออกมาเป็น 3D โมเดล จากนั้นก็เขียนแบบโดยใช้โปรแกรม Solid Works ที่ เป็นซอฟต์แวร์ตัวสำคัญที่ช่วยเขียนแบบขึ้นมา แล้วก็สั่งพริ้นออกมาได้เลย ระยะเวลาในการพริ้น ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของชิ้นงาน ที่สำคัญไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่คนละที่กับเครื่องพริ้น ก็สามารถสั่งงานได้ทุกที่” อ.ณัฏฐ์ กล่าว

ด้านผศ.ดร.วีรพันธ์ ม่วงทองสุข ผอ.สำนักวิจัย ม.เอเชียอาคเนย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “วัสดุที่ใช้ในการสร้างชิ้นงานสำหรับพรินเตอร์ 3 มิติ คือ PLA เป็นไฟเบอร์จากอ้อย ซึ่งจะไม่เป็นอันตราย มันจะละลายแล้วหลอมออกมาเป็นชิ้นงานโดยใช้ความร้อน ซึ่งตัวนี้เป็นโครงการของ นายฉัททวุฒิ พีชผล อธิการบดี ม.เอเชียอาคเนย์ ที่ต้องการให้นักศึกษานำรายวิชาที่เรียนมาปรับและพัฒนาให้เกิดประโยชน์ ยกตัวอย่างนักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกล จะมีวิชาออกแบบหรือว่าเขียนแบบวิศวกรรม ปกติเขียนแบบจะแค่ดราฟอยู่ในคอมพิวเตอร์ แต่หากออกแบบก็จะคำนวณรูปร่างของวัสดุต่างๆ แต่ก็จะไม่เห็นของจริง โดยเครื่องมือชนิดนี้สามารถช่วยสร้างความเข้าใจให้กับนักศึกษามากขึ้น เราเรียกว่า Rapic Modeling คือการทำการออกแบบแล้วพริ้นโมเดลออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีในโลกปัจจุบันนี้มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก มนุษย์เราใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย มากขึ้น เนื่องจากมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และที่สำคัญเทคโนโลยีก็มีทั้งดีและโทษ อยู่ที่เราเลือกใช้ และเลือกที่จะอยู่อย่างชาญฉลาดในยุคที่อินเตอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญ และปัจจุบันเยาวชนรุ่นใหม่มีความคิดสร้างสรรค์สูงและมีความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างจากในอดีต การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พร้อมด้วยทรัพยากรอันทันสมัย มีอุปกรณ์ระดับมาตรฐานสากล มีเครื่องมือช่วยสร้างและพัฒนางานที่ใช้ง่าย ย่อมมีส่วนช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://innovation.sau.ac.th