จากรายงานของ Channel NewsAsia ประเทศมาเลเซียซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม มีอาหารนับแสนตันต้องถูกทิ้งไปในช่วงเดือนรอมฎอนซึ่งชาวมุสลิมต้องถือศีลอด
หน่วยงานจัดการของเสียและทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะของรัฐบาลมาเลเซียประมาณว่ามีอาหารเหลือทิ้งกว่า 270,000 ตัน ในช่วงการถือศีลอด ซึ่งเป็นจำนวนมากพอที่จะเลี้ยงคนได้มากถึง 180 ล้านคน ซึ่งหากเอาอาหารเหลือทิ้งเหล่านี้มากองรวมกันจะสูงกว่าตึกแฝดเปโตรนาสที่เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกถึง 30 เท่า
อาหารเหลือทิ้งในช่วงเดือนรอมฎอนมีสูงกว่าช่วงเดือนอื่นๆราว 3 หมื่นตัน ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับผู้สำรวจไม่น้อยเนื่องจากเชื่อว่า การจัดเตรียมอาหารควรมีน้อยกว่าช่วงปกติเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเป็นชาวมุสลิมที่ต้องอดอาหารตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
หลายคนกล่าวโทษว่าปัญหาอาหารเหลือทิ้งมาจากเทรนด์คนรักการกิน ซึ่งคนมาเลเซียไม่น้อยสั่งอาหารมาจำนวนมากแต่กลับกินได้ไม่หมด
"สิ่งที่น่าเศร้าเกี่ยวกับเรื่องนี้คือเรากำลังทำผิดวัตถุประสงค์ เราไม่ได้ทำตามวัตถุประสงค์ของรอมฎอน" นัดซิม โจฮัน จากสมาคมผู้บริโภคมุสลิมแห่งมาเลเซียกล่าว "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้คุณเรียนรู้การควบคุมตนเอง และนั้นเป็นสิ่งที่เราล้มเหลว"
นัดซิมกล่าวว่า โรงแรมคือจำเลยตัวใหญ่ที่สุด เนื่องจากโรงแรมนับร้อยแห่งเสนอบริการอาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ทั้งอาหารท้องถิ่นและตะวันตกทุกวันในช่วงรอมฎอนเพื่อล่อใจชาวมาเลเซียผู้หิวโหย ขณะที่ร้านอาหารทั่วไปก็มีส่วนผิดเช่นกัน เนื่องจากเตรียมอาหารมากเกินไปทั้งๆที่การค้าขายอาหารในช่วงนี้ซบเซาทั่วทั้งประเทศ
อย่างไรก็ดี มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่วางแผนล่วงหน้าและพยายามหลีกเลี่ยงการทิ้งอาหาร "เรารู้ว่าจะมีลูกค้ากี่คนล่วงหน้าวันถึงสองวัน" อับดุล มาเล็ก ผู้จัดการร้าน Restoran Fatima "เราจะจัดเตรียมตามจำนวนที่เราคาดหมายได้ สำหรับลูกค้า 100 หรือ 200 คน เราจะไม่ทำให้มีอาหารเหลือทิ้ง"
หลายฝ่ายออกมาเสนอทางออกของปัญหาอาหารเหลือทิ้งเหล่านี้ เช่นสภาบริหารกรุงกัวลาลัมเปอร์เสนอให้นำอาหารเหลือทิ้งเหล่านี้มาทำปุ๋ยหมัก แต่หลายคนมองว่าควรมีการกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาหารเหลือทิ้งแต่แรก และควรมีช่องทางที่เหมาะสมในการนำอาหารที่ล้นเกินไปมอบให้กับผู้คนที่ต้องการ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
