ชีวิตยิ่งกว่านิยาย!! ชายผู้สร้างตำนานความสำเร็จจาก ลูกขอทาน!!!

ไล่ตงจิ้น เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนแบบสุดๆ พ่อของเขาเป็นขอทานตาบอด ส่วนผู้เป็นแม่นั้นเป็นคนสติไม่ดี ซึ่งตัวของเขานั้นถือได้ว่าเป็นเด็กหัวดีฉลาด แต่ไม่มีโอกาสได้เรียน ซึ่งที่ทำให้ลำบากแบบสุดๆก็คือ ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวใหญ่ 14 คน และไม่มีบ้านอยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง

พี่น้องและพ่อแม่ ต้องอาศัย บ้านร้าง สุสาน ต้นไม้ วัด เป็นที่นอน ส่วนเรื่องข้าวนั้น บางวันก็ต้องอดหรือไม่ก็ไปขอเศษอาหารที่เหลือจากงานศพหรือแย่งข้าวหมากิน ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อทุกคนกำลังเดินทาง ในระหว่างทางนั้นได้เจอศพไก่ที่เน่าแล้วตัวหนึ่ง แต่ด้วยความอดอยากและความหิว ก็ต้องจำใจนำมาปิ้งกินกันทั้งครอบครัว...

ส่วนเรื่องเสื้อผ้านั้น ทุกคนจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าของคนตายที่ถูกทิ้งไว้งานศพ ไม่มีชุดชั้นใน ไม่เรียกว่าเสื้อผ้าด้วยซ้ำ เพราะแค่เอามาคลุมไว้เพื่อไม่ให้เปลือย

และเมื่อไล่ตงจิ้น อายุได้ 10 ปี ด้วยความที่เขาเป็นเด็กหัวดี คุณครูที่โรงเรียนจึงผลักดันให้เขาได้เรียนหนังสือ แต่เรื่องค่าเล่าเรียนนั้นคุณครูไม่สามารถช่วยได้จริงๆ แต่แล้วพี่สาวของเขาจึงตัดสินใจขายตัวในวัยเพียง 13 ปี เพื่อมีเงินส่งน้องชายเรียน เพราะเหตุนี้ทำให้ไล่ตงจิ้นตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก เขาสอบได้ที่หนึ่งโดยตลอด ทั้งๆที่เรียนเสร็จก็ต้องดูแลแม่ที่สติไม่ดี และ ยังต้องช่วยพ่อขอทาน ตกดึกก็ต้องจุดเทียนเพื่ออ่านหนังสือ เขาได้นอนเพียงวันละ 4 ชั่วโมง

ส่วนเรื่องความรักของไล่ตงจิ้นนั้น ก็น่าหดหู่ใจไม่แพ้กัน ไล่ตงจิ้นถือว่าเป็นคนหน้าตาดีไม่ได้ขี้เหร่ ทำให้เขาได้พบรักกันหญิงสาวคนหนึ่ง ทุกวันหลังเลิกเรียน เขาจะอาสาเดินไปส่งเธอที่บ้าน แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ขอเดินไปส่งไล่ตงจิ้นบ้าง เมื่อเธอได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ และ คนในครอบครัวของไล่ตงจิ้นแล้วนั้น เธอจึงขอเลิกกับเขาทันที ซึ่งไล่ตงจิ้นก็เข้าใจและไม่ว่าอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะรักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขารู้แก่ใจอยู่แล้วว่า เหตุการณ์นี้ถึงยังไงก็ต้องเกิดขึ้น

จากนั้นเขาจึงมุมานะจนเรียนจบเทคนิค สาขาวิชาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีไฟฟ้า ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าโรงงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เขามีส่วนเป็นผู้ร่วมบุกเบิก ฐานะของเขาและครอบครัวมีความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่ลำบากเหมือนก่อนแล้ว พี่สาวก็เช่นกัน ยังคงดูแลและช่วยเหลือทุกคนในครอบครัวอยู่เสมอ เขามีภรรยาที่รักเขาและมีลูกๆที่น่ารัก และเขายังเป็น 1 ใน 10 คนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในใต้หวันอีกด้วย

"ผมไม่เคยโทษฟ้า ไม่เคยโทษดิน ผมสู้และลงมือทำอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เอาแต่อ้อนวอนขอพรต่อสวรรค์โดยไม่ทำอะไรเลย"

"เมื่อไหร่ที่มีปัญหา อย่าโทษตัวเอง ให้มั่นใจในชีวิตของคุณ ตั้งปณิธานไว้และทำให้ได้ ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้น โดยไม่มีเจตนาจะสร้างความโศกเศร้าให้ใคร แต่หวังให้คุณสู้ชีวิตต่อไปจนได้ดี มีชีวิตที่ดีกว่า และประสบความสำเร็จมากกว่าผม"