จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ากระแสนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มคณะสายศิลป์โดยเฉพาะคณะศิลปกรรมศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ทีมข่าวสอบถามนางสาวมาริน่าบุญชู นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นางสาวมาริน่า เผยว่า เริ่มใส่เสื้อนักศึกษาไซส์ใหญ่จากกฎระเบียบการแต่งกายของรุ่นพี่ในคณะศิลปกรรมศาสตร์ เชื่อว่าเป็นการถ่ายทอดธรรมเนียมที่ทางคณะปฏิบัติมาเป็นเวลานานโดยมีจุดประสงค์เพื่อความสะดวกสบายคล่องตัวในการทำกิจกรรมและเพื่อความปลอดภัยสำหรับตัวนิสิตนักศึกษามากกว่าการสวมเสื้อไซส์เล็กๆรัดรูปซึ่งจะเห็นสัดส่วนร่างกายชัดเจนกว่าจึงล่อแหลมและเป็นอันตราย
นางสาวมาริน่า เล่าว่า สวมใส่แล้วรู้สึกชื่นชอบ เพราะถือเป็นความแตกต่างในทางที่ถูกต้อง มีความทันสมัย มีความสุภาพอยู่ในตัว แม้ว่าตนจะขึ้นปี 2 แล้วก็ยังแต่งกายแบบนี้อยู่
"ตอนปี 1 คิดว่ามันลุ่มล่ามเพราะไม่ชิน แต่ตอนนี้คิดว่าโอเคนะ พอให้กลับไปใส่ตัวเล็กคือไม่อยากกลับไปใส่แล้ว...ส่วนตัวรู้สึกชอบ คือดูแล้วไม่อันตราย และมันดูน่ารัก ไม่ได้แบบโชว์หุ่นแต่ก็ถือว่าโอเค" นางสาวมารินา กล่าว
เมื่อสอบถามผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระวิวรรณ วรรณวิไชย คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แสดงความคิดเห็นว่า การแต่งกายของทุกคณะต้องเป็นไปตามกฏระเบียบมหาวิทยาลัย กระแสแฟชั่นการสวมเสื้อนักศึกษาไซส์ใหญ่ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของคณะศิลปกรรมศาสตร์ที่ให้นักศึกษาสวมใส่เพื่อความสะดวกสบายของนักศึกษาในช่วงรับน้อง
กรณีนักศึกษาที่โดนอาจารย์ตักเตือนนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของอาจารย์แต่ละท่านอาจเป็นเพราะนักศึกษาสวมใส่เสื้อที่ตัวใหญ่เกินไปโดยเบื้องต้นได้ทำความเข้าใจเงื่้อนไขระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาแล้ว หากจบการรับน้องจะให้กลับมาสวมชุดนักศึกษาแบบปกติ
ส่วนกระแสแฟชั่นการสวมชุดนักศึกษาต่างๆไม่ว่าจะเป็นการสวมชุดรัดๆกระโปรงสั้นหรือการสวมเสื้อตัวใหญ่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระวิวรรณ เผยว่า เข้าใจความรู้สึกนักศึกษาดี เพราะเคยเป็นเด็กมาก่อน แต่ที่มีการรณรงค์ให้นักศึกษาแต่งกายสุภาพนั้น อยากให้นักศึกษาคำนึงถึงความเหมาะสมมากกว่า ว่าการแต่กายของเราถูกต้องหรือไม่
ทีมข่าวสอบถามความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นอย่างนายภคณัฐรีกิจติศิริกูลผู้ดูแลเว็ปไซต์แฟชั่นชื่อดังชื่อ"โซล โฟร์ สตรีท" (Soul 4 Streets) โดยนายภคณัฐ แสดงความคิดเห็นว่า กระแสการแต่งชุดนักศึกษาไซส์ใหญ่ถือว่ามีมานานแล้วแต่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา คนไทยเริ่มเปิดรับกระแสแฟชั่นจากประเทศฝั่งยุโรปมากขึ้น ทำให้การแต่งกายแบบเรียบง่าย หรือที่เรียกว่า "มินิมอล" (Minimal) ได้รับความนิยม แม้กระทั่งในกลุ่มนักศึกษาทำให้กลายเป็นกระแสในวงกว้างมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
นอกจากนี้นายภคณัฐยังมองว่าหากเวลาผ่านไป การแต่งตัวรูปแบบอื่นจะเข้ามาเป็นที่นิยมแทน และตราบใดที่การแต่งกายไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบก็ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้แต่ละคนค้นพบรูปแบบการแต่งกายที่ตัวเองชื่นชอบ