เกาะซาโมซีร์ แดนนี้มีมนุษย์กินคน
อันนี้จริงแล้วตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเกาะ ฉันก็ได้แวะไปชิมลางสัมผัสวิถีแห่งมนุษย์กินคนมาบ้าง ที่เมือง "บราสตากี้" (Berastagi) เมื่อเดินทางไปที่หมู่บ้าน "โดกัน" (Dokan) ซึ่งเป็นบ้านเมืองของชนเผ่า "บาตัก คาโร" (Batak Karo) อีกหนึ่งเผ่าอดีตมนุษย์กินคนมาก่อน
กล่าวกันว่าบรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 1,500 ปีมาแล้ว ในหมู่บ้านมีบ้านโบราณอายุ 200 ปีอยู่ 7 หลัง ลักษณะพิเศษอันโดดเด่น คือ หลังคารูปทรงคล้ายเรือที่จะพบเห็นได้ทั่วไป ทั้งที่นี่และที่เกาะซาโมซีร์ ในบ้านหนึ่งหลังอาศัยกันอยู่เป็นแบบครอบครัวใหญ่ หลายสิบคน ในบ้านแบ่งเป็นสัดส่วนทั้งห้องครัวและห้องนอน
นอกจากนี้ยังแวะไปเที่ยวที่ "บ้านลองเฮ้าท์" (Simalangun Batak Long House) ที่อยู่ห่างออกไป อันเป็นที่อยู่ของชาว "บาตัก สิมาลุงกัน" (Batak Simalungun) ที่นี่มีวังเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี สืบทอดแบบรุ่นสู่รุ่น ปกครองผ่านกระแสกาลเวลาด้วยกษัตริย์ 14 องค์ที่สืบทอดกันมา จนกระทั่งกษัตริย์องค์สุดท้ายถูกชาวบ้านสังหารเพราะฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ลักษณะบ้านเป็นเรือนไม้ทรงหลังคาสูงรูปร่างคล้ายเรือจั่วแหลมๆ อีกเช่นกัน บ้านรูปทรงแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของชาวบาตักที่เห็นได้ทั่วไปนั่นก็คือ การออกแบบหลังคามีลักษณะสูง มีสีดั้งเดิมจะเป็นสีแดง ดำ ขาว ในการสร้างลวดลายแก่บ้าน
ในวัง (ที่ฉันอยากจะเรียกว่ากระท่อมหลังใหญ่เสียมากกว่า) ประกอบด้วย ที่นอน ห้องโถงใหญ่ที่ใช้ทำครัวและเลี้ยงลูก บัลลังก์กษัตริย์หรือที่เรียกว่า Pattangan Raja ตั้งติดอยู่กับห้องประชุมขุนนาง มีห้องแยกต่างหากให้บรรดาสนมท้าวนาง
แต่มันก็ไม่ระทึกใจเท่ากับ การที่ได้มาเจอบรรดาลูกหลานของมนุษย์กินคนบนเกาะซาโมซีร์ สำหรับเผ่าที่อยู่บนเกาะซาโมซีร์ที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด เรียกชื่อตามชื่อของทะเลสาบว่า "บาตัก โทบา" (Batak Toba)
บนเกาะซาโมซีร์ เกาะที่อยากจะย้ำอีกสักครั้งว่าใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์ ฉันแวะขึ้นเยี่ยมชมที่ที่หมู่บ้าน "อัมบาริต้า" (Ambarita) หรือ "อาณาจักรไวลากัน" ในอดีต และเป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบโทบา ชื่อหมู่บ้านนี้แปลว่า ความมีชื่อเสียง ฉันมาที่นี่เพื่อมาดู Stone Chairs ที่มีเรื่องราวเล่าว่าเป็นโต๊ะสำหรับใช้ในการกินคน โดยจะมีโต๊ะหินทั้งหมด 2 ชุด คนที่นั่งกินที่โต๊ะจะเป็นหัวหน้าเผ่าและบรรดาบุคคลสำคัญในเผ่า
แล้วเอาคนจากไหนมากินล่ะ...
สมัยก่อนบนเกาะเองก็มีการรบพุ่งกันระหว่างเผ่าอยู่เนืองๆ ดังนั้น จึงมีเชลยศึกหรือบรรดานักโทษถูกนำตัวมาให้เป็นอาการอันโอชะอยู่เสมอ ที่ Stone Chairs จะมีการสาธิตวิธีการฆ่า (ฆ่าปลอมไม่ได้ฆ่าจริง) ให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย
โดยจะมัดผู้ถูกสำเร็จโทษแล้ววางไว้บนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง พร้อมทั้งปิดตาใช้มีดปัดแขนขานักโทษเพื่อดูดพลังชีวิตให้ออกจากร่างกายไป จากนั้นพาไปผ่าท้องเพื่อเอาเครื่องในไปให้คนในหมู่บ้านกินกันสดๆ ตัดหัวเพื่อเอาเลือดไปให้กษัตริย์ดื่มกิน คนเป็นกษัตริย์จะถือไม้เท้าอาญาสิทธิ์เป็นสัญลักษณ์ ส่วนหัวที่ถูกตัดจะนำไปแช่ในทะเลสาบ 7 วัน ไม่รู้กี่ชีวิตที่ต้องสังเวย คิดแล้วฉันอดขนลุกไม่
หมู่บ้านนี้อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูล Sailagan บ้านของกษัตริย์ชายมี "หน้าต่างบานเล็ก" อยู่หน้าบ้าน ส่วนบ้านเจ้าหญิงมี "นม" อยู่หน้าบ้านหลายเต้าเชียว "นม" คือค่านิยมเฉพาะของที่นี่ จะเกี่ยวข้องต่อการเลือกผู้หญิงมาเป็นภรรยาหรือลูกสะใภ้ เพราะเชื่อว่าต้องดูนมเป็นหลัก ยิ่งใหญ่ยิ่งดีเนื่องจากสมัยโบราณจะต้องใช้นมเลี้ยงลูกหลายคน จึงเป็นที่มาของความนิยมหญิงที่หน้าอกใหญ่ส่วนคุกและที่ทรมานนักโทษอยู่ใต้ถุนบ้าน ตรงกลางหมู่บ้านเป็นที่ตั้งของศาลตัดสินคดีความ ถัดไปเป็นลานประหารและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่หมู่บ้านอัมบาริต้านี้เหมาะสำหรับคนชอบซื้อของที่ระลึก โดยเฉพาะของที่ผลิตกับมือ เช่น ตุ๊กตาสลักจากไม้ พิณไม้ รองเท้าสาน ราคาถูกฝีมือดี
อ้อ...บนเกาะซาโมซีร์มีสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปด้วย คือ "จิ้งจก" ไม่ได้มีไว้ธรรมดา แต่มีความหมายด้วย หมายถึง การปรับตัวและมิตรภาพของชาวเกาะ
บนเกาะเดียวกันฉันมุ่งหน้าต่อเพื่อไปหมู่บ้าน "โตโม๊ะ" (Tomok) ชื่อหมู่บ้านแปลว่า หมู่บ้านคนอ้วน เพื่อชมสุสาน "กษัตริย์ซีดาบุตรา" (Raja Sidabutar) สุสานเก่าแก่ 200 กว่าปี สุสานแห่งตระกูลราชาจอมขมังเวทย์ ที่กล่าวกันว่าสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ มีคาถาแกร่งกล้า
หมู่บ้านนี้ดูใหญ่และเจริญตา มีสินค้าของที่ระลึกเรียงรายเต็มตลอดสองข้างทาง ตัวหมู่บ้านมีอายุกว่า 460 ปี ส่วนตัวสุสานที่ฉันเดินทางมาเยี่ยมชมนั้น ก่อนเข้าชมต้องเข้าซุ้มรับผ้าสไบจากผู้ดูแลสุสานมาพาดบ่า แล้วเดินขึ้นบันไดไปบนเนินเล็กๆ การรับผ้ามาพาดบ่านี้เป็นธรรมเนียมที่ผู้มาสุสานนี้ต้องปฏิบัติตามทุกคน เพราะหมายถึงการเข้าเฝ้าฯ ต่อหน้ากษัตริย์
ในสุสานมีโลงศพหินเรียงรายตั้งอยู่หลายขนาด แต่โลงที่สำคัญคือโลงของกษัตริย์สามองค์ คือ 1.Oppu Ratu Sidabutar 2.Oppu Solompuan Sidabutar องค์ที่สองนี้มีคู่หมั้นที่งดงามเป็นที่หมายปองของผู้นำชนเผ่าอื่นชื่อ อันติงมาไลลา (Anting Malela By Sinaga) คงเพราะความงามเป็นเหตุทำให้ถูกเวทย์มนต์จนเป็นบ้า หนีหายเข้าป่าไปตามหาไม่เจอ เมื่อกษัตริย์องค์ที่สองสิ้น จึงปั้นรูปนางไว้บนฝาโลงศพ รูปปั้นของกษัตริย์องค์ที่สองนี้มักจะมีผู้คนไปอธิษฐานขอพรอยู่เสมอ ส่วนวิธีอธิษฐานนั้นก็ให้กระซิบริมหูของรูปปั้นกษัตริย์ ส่วนองค์ที่สาม Ompu Sor: Buntu Sidabutar เป็นกษัตริย์ที่เปลี่ยนการนับถือภูต ผี มานับถือศาสนาคริสต์
นอกจากสองหมู่บ้านนี้แล้ว บนเกาะซาโมซีร์ยังมีที่พักมากมายไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อน ที่พักส่วนใหญ่จะอยู่ที่หมู่บ้าน "ตุ๊ก ตุ๊ก" (Tuk Tuk) คาดคะเนด้วยสายตา ฉันยังคิดว่าที่พักที่นี่ดูจะมากกว่าคนมาเที่ยวเสียด้วยซ้ำ ที่เป็นแบบนี้คงเพราะเหตุการณ์ภายในของอินโดนีเซีย ทั้งเรื่องการเมืองและภัยพิบัติจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้นักท่องเที่ยวค่อยๆ ห่างหายไปเรื่อยๆ ทั้งที่เมื่อราว 10 กว่าปีก่อนที่นี่เคยขึ้นชื่อเรื่อง Full Moon Party กว่าที่บ้านเราเสียอีก
นักท่องเที่ยวที่มีเวลามากหน่อย โดยมากแล้วจะนิยมพักที่ ตุ๊ก ตุ๊ก ก่อนจะเช่าจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ขี่วนรอบเกาะ บนถนนที่ตัดเรียบไปตามทะเลสาบ ก่อนที่จะแวะไปหมู่บ้านอัมบาริต้าและหมู่บ้านโตโม๊ะ
ส่วนฉันเป็นพวกเวลาน้อยได้มารู้มาเห็น เหยียบแดนมุนุษย์กินคนก็แสนจะคุ้มค่าเกินพอ