ลองอ่านกันดู!!ตำนานหลวงพ่อโสธร
ตำนานหลวงพ่อโสธร กว่า ๒๐๐ ปี ที่ผ่านมา ได้มีเรื่องเล่าว่ามีพระพุทธรูป ๓ องค์ ได้แสดงปาฏิหาริย์โดยการลอยตามน้ำลำแม่น้ำเจ้าพระยามาจากทางเหนือ
จากนั้นได้มาผุดขึ้นที่บริเวณแม่น้ำบางปะกง เมื่อมาถึงบริเวณตำบลบางขวัญและตำบลบ้านใหม่ ก็ได้แสดงปาฏิหารย์โดยการลอยทวนน้ำ เมื่อชาวบ้านเห็นจึงเรียกบริเวณนี้ว่า “สามพระทวน” ตามชื่อเหตุการณ์ แต่ก็เรียกเพี้ยนกันไปจนเป็น “สัมปทวน” ในเวลาต่อมา เมื่อพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ลอยต่อไปจนถึงคุ้งน้ำ ชาวบ้านมากมายพากันใช้เชือกฉุดขึ้นฝั่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้ต่อมาชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ว่า “บ้านบางพระ” จากนั้นพระพุทธรูปก็ลอยต่อเข้าไปในคลองเล็ก ๆ แล้วก็เกิดลอยวน ทำให้ชาวบ้านเรียกสถานที่นี้ว่า “แหลมหัววน” ชาวบ้านได้พยายามอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นฝั่ง แต่ก็ยังคงไม่สำเร็จอีกเช่นเคย จึงต้องทำพิธีตั้งศาลเพียงตาขึ้นมาบวงสรวง จึงสามารถอัญเชิญพระพุทธรูปองค์เล็กองค์นี้ขึ้นจากฝั่งได้โดยสำเร็จ แล้วนำขึ้นมาแล้วก็ได้พากันไปประดิษฐานที่วัด พร้อมถวายนามแก่องค์พระว่า “พระโสทร” ซึ่งหมายถึงพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน แต่เมื่อล่วงมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อเสียใหม่เป็น “โสธร” ที่มีความหมายว่าสะอาดนั่นเอง
ส่วนพระองค์พี่ใหญ่ เมื่อได้ลอยจากแม่น้ำเจ้าพระยามาถึงบริเวณสามเสนในปัจจุบัน ก็ไม่สามารถฉุดอาราธนาขึ้นมาได้สำเร็จแม้จะใช้คนมากถึงสามแสนคน จนเป็นที่มาของชื่อเรียกบริเวณนี้ว่า สามแสน นั่นเอง ต่อมาภายหลังจึงเพี้ยนกลายเป็นสามเสนในที่สุด สุดท้ายพระพุทธรูปก็ล่องลอยไปจนถึงแม่น้ำแม่กลอง จังหวัด สมุทรสงคราม และได้รับการอาราธนาขึ้นประดิษฐานที่วัดบ้านแหลม
ส่วนพระพุทธรูปองค์สุดท้ายล่องไปผุดขึ้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อชาวบ้านแถบพบเจอ จึงอาราธนาขึ้นประดิษฐานที่วัดบางพลี ทำให้เป็นที่มาของหลวงพ่อโต วัดบางพลี อันเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนทั่วไป
กล่าวกันว่าแต่เดิมองค์หลวงพ่อโสธรเป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางสมาธิเพชรทรงสวยงาม ที่มีหน้าตักกว้างศอกเศษ แต่ต่อมาพระสงฆ์ในวัดเกรงว่าองค์หลวงพ่อโสธรจะไม่ปลอดภัย จึงทำการพอกปูนหุ้มองค์จริงเอาไว้ จนเป็นที่ปรากฏให้เห็นกันในปัจจุบัน
จะเห็นได้ว่า การสร้างตำนานพระลงน้ำถือเป็นกลวิธีการสานสัมพันธ์ของผู้คนในท้องถิ่นในสมัยโบราณ
ลักษณะการเชื่อมโยงสภาพภูมิศาสตร์เข้ากับเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในอดีต เป็นเสมือนการบ่งบอกว่าคนไทยมีรากเง้าที่ผูกพันกันมาช้านาน และถือว่าทุกคนเป็นลูกเป็นหลานหรือเป็นญาติที่มาจากต้นตอเดียวกัน การผูกสัมพันธ์เช่นนี้ทำให้เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!