ย้อนรอยคดีสุดโหด!! ฆาตกรสุดวิปริต เลือกเฉพาะผู้ชายหน้าตาดี!!?
วีถีชีวิตครอบครัวของเกซีนับว่าเป็นครอบครัวสังคมอเมริกันปกติทั่วไปในขณะนั้น เขาเป็นลูกคนที่สองในครอบครัวลูกสามมีแม่ที่เอาอกเอาใจลูกเกินเหตุ ชื่อแมเรียน เป็นมิตรในหมู่เพื่อนฝูง ส่วนพ่อที่ชื่อเหมือนลูก จอห์น เกซี่ อาชีพช่างยนต์ที่ใครๆ ต่างยกย่องว่าชำนาญการ เป็นคนค่อนข้างเงียบขรึมตรงข้ามกับแม่ ขี้โมโหง่าย และไม่ค่อยชอบเกซีตั้งแต่เกิด เพราะว่าลูกชายคนที่สองจะต้องมาดแมนสมชาย แต่กับได้ลูกชายตุ้งติง อ่อนแอ เจ็บๆ แอดๆ แทน เขาหวังให้เกซีสมชาย โดยใช้วิธีการบังคับ พูดจาถากถาง เสียดสี แต่เขาคิดผิด มันยิ่งให้จิตใจจอห์นสับสน เด็กน้อยหาทางออกไม่เจอ เหนือสิ่งอื่นใด ความจริง จอห์น เกซี อยากให้พ่อที่เขารัก แต่พ่อไม่เล่นด้วย ส่งผลให้จอห์นเป็นฝ่ายแพ้ตลอด
ลักษณะผิดเพศที่แสดงออกมาตั้งแต่เด็ก เป็นสาเหตุหนึ่งที่จอห์นเกลียดเกซี ทำให้พ่อของเกซีมักพ่นคำหยาบใส่ลูกเสมอ บางครั้งก็ว่าลูก "ลักเพศ" "ไอ้โง่" ทึ่ม "ควาย" แถมบอกว่าถ้าโตขึ้นจะเป็นกระเทยอีก **แต่เด็กลักเพศนี้กำลังโตขึ้นกลับกลายเป็นนักฆ่าหฤโหด** ช่วงจอห์นอายุ 5-8 ขวบ เขาเคยโดนข่มขืนถึงสองครั้ง ครั้งแรกถูกข่มขื่นโดยผู้หญิงรุ่นพี่ข้างบ้านตอน 5 ขวบ เขาบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ แต่ผลคือทะเลาะกันทั้งบ้าน ทำให้จอห์นฝังใจว่าจะไม่เล่าเรื่องใดให้พ่อแม่อีก ส่วนครั้งที่สอง เมื่อจอห์นอายุ 9 ขวบ เพื่อนของพ่อชวนจอห์นขบรถกินลมและลวนลามทางเพศ เด็กชายจอห์นไม่ปริปากเล่าเรื่องให้พ่อแม่ฟังแม้แต่น้อย
เมื่อจอห์นอายุ 10 ขวบ ครอบครัวย้ายมาอยู่บ้านใหม่ที่ชิคาโก แดนมาเฟีย บ้านใหญ่กว่าเดิม แต่จิตใจคนในครอบครัวแคบลง พ่อยึดห้องใต้ดินเป็นอาณาจักรส่วนตัว เขาล็อกห้องไม้ให้ใครเข้าไป ทุกครั้งที่กลับจากที่ทำงานเขามักเขาไปในห้องส่วนตัว นั่งดื่มเหล้าฟังเพลงเสียงดัง และขึ้นมาด้วยอาการเมากร่าง พร้อมมีเรื่องกับภรรยา ส่วนจอห์นก็มีห้องส่วนตัวเขาเช่นกัน ที่ห้องใต้ระเบียงเป็นอาณาจักรของเขา เขาชอบเก็บสะสมถุงกระดาษใส่ชุดชั้นในของแม่ เขาแอบๆ ให้ห้องเล็กๆ นั้น เอามือลูบๆ คลำๆ ชุดชั้นใน ในขณะที่เฝ้าดูคนอื่นผ่านไปที่มองไม่เห็นเขา และเมื่อแม่พบว่าชุดชั้นในของเธอหายไป จะมีเรื่องกับสามีเธอทุกครั้งไป จอห์นผู้เป็นพ่อโกรธแทบเป็นบ้า ทุบตีลูกรุนแรง ดังนั้น เมื่อแมเรียนพบชุดชั้นในที่หายภายหลัง แต่เธอเลือกที่ปิดปาก ไม่ให้เรื่องนี้ใหญ่โต
แต่กระนั้น จอห์น เกซี ตอนเด็กนับว่าเป็นคนดีในสายตาคนอื่นที่เดียว เขาเป็นคนมุงานหนัก ตั้งแต่เด็กจอห์นมักอาสาทำงานเพื่อชุมชนเสมอ เช่น การตัดหญ้าในสวนโรงเรียน รับส่งหนังสือพิมพ์และของใช้ในครัวเรือน และช่วยงานบ้านแบบไม่ขาดตกบกพร่อง น่าเสียดาย จอห์นเป็นคนไม่ค่อยเข้าสังคมเพื่อนฝูงมากนัก เขาเป็นคนอ้วนไม่ค่อยสนิมสนมกับผู้หญิงทั้งผู้ชาย เมื่ออายุ 18 เขาเคยเกือบมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ยอมเล่นด้วย แต่กลับเป็นลมเสียก่อนที่จะได้เล่นบทพระนาง ทำให้จอห์น เกซี เป็นเกย์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อจอห์นอายุ 19 ขณะเรียนปีสุดท้ายของมัธยมปลาย จู่ๆ เขาก็ลาออกและหนีออกจากบ้านแบบไม่บอกกล่าวโดยไม่บอกใครว่าไปที่ไหน ชีวิตช่วงนี้ขาดช่วงไป จนกระทั้งมีข่าวว่าจอห์นอยู่ที่ลาสเวกัส ทำงานในฌาปนสถาน ใกล้ห้องเก็บศพ ไม่มีใครรู้ว่าจอห์นทำอะไรกับศพหรือเปล่า เพราะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นตอนจอห์นทำงานว่า ตอนเช้าทุกวัน ศพที่เก็บในห้องถูกเปลือยผ้า ทั้งที่เมื่อคืนก่อนศพใส่เสื้อผ้ามิดชิด และเสื้อผ้าดังกล่าวถูกวางพับไว้ข้างศพอย่างเป็นระเบียบ
ยังไม่ทันที่แจ้งความ จอห์นชิงลาออกก่อนที่จะมีการสืบสวน
จอห์นจ้างคนงานทั้งเด็กหญิงและชายเข้าร้านอาหาร แต่กระนั้นเขาชอบเด็กผู้ชายมากกว่า ชายร่างอ้วนเริ่มดัดแปลงห้องใต้ดินให้เป็นห้องเพาะกายสำหรับเด็กๆ บริการเครื่องดื่มแอลกฮอล์และโต๊ะพนัน คนแพ้จะต้องปฏิบัติโอษฐกามให้ผู้ชนะ หรือบอกเด็กๆ ว่าใครชนะจะได้ร่วมเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขา แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับจบด้วยโอษฐกามแทนแต่แค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของชายร่างอ้วน เขาต้องการมีความต้องการในกามมากกว่านั้น เขาต้องการเด็กๆ ที่หนุ่มๆ........
**และแล้วเหยื่อรายแรก.......ก็เกิดขึ้น.....
จากการสอบคำเพิ่มเติมพบว่า โดนัลด์มิใช่เด็กคนเดียวที่ถูกกระทำอย่างวิปริต เอ็ดเวิร์ด ลินซ์ ให้การต่อศาลว่าเขาก็เป็นเหยื่อวิปริตของจอห์น เจ้านายของตนอยากมีเพศสัมพันธ์ด้วยแต่ตนไม่ยอม ทำให้ขัดขืนยกใหญ่ จนถูกมีดบาดที่หัวไหล่ จอห์นตกใจ ออกปากขอโทษและทำแผลให้ แต่โชคร้ายยังไม่หมด หลังทำแผลเสร็จ จอห์นเริ่มลวนลาม ขึ้นนั่งบนตักเด็ก แต่เด็กดิ้นและใช้หัวชนขณะที่มือถูกพันธนาการ ทำให้ชายร่างอ้วนโกรธ ตบหน้า และจับตัวคว่ำลงกับเตียง เด็กผู้ชายพยายามสู้ แต่ถูกจอห์น เกซี บีบคอจนสลบไปก่อน เมื่อฟื้นขึ้นมา จอห์น เกซีเอ่ยปากขอโทษอีกครั้ง แก้เชือกที่มือเขา นำเขาไปส่งที่บ้าน และหลังจากนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ถูกไล่ออก
เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล จอห์นแก้ปัญหาแบบไม่คิดโดยการจ้างคนทำร้ายโจทก์ แต่โดนัลด์เอาตัวรอดได้ จึงแจ้งความอีกเป็นครั้งที่สอง ทำให้สถานการณ์ของจอห์นกลับเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก ตำรวจได้พยานเหลือเฟือ เด็กชายคนแล้วคนเล่าให้ปากคำถูกต้องตามหลักฐานในมือตำรวจ จนจอห์น เกซียอมรับสารภาพเพราะจำนงด้วยหลักฐาน เพื่อหวังผลลดหย่อนโทษ คณะลูกขุนไม่เมตตา ส่งผลให้จอห์น เกซี ติดคุกไอโอวา 10 ปี จอห์น เกซี ไม่เข็ดหลาบ ตรงข้าม เขาได้บทเรียนสำคัญ ครั้งต่อไปเขาต้องทำอีกจะต้องไม่ให้พยานรู้เห็น วันที่ จอห์น เกซีถูกส่งตัวเข้าคุกในปี 1968 มาร์ลีนยื่นฟ้องหย่าขาด เธอหนีพร้อมกับลูกทั้งสอง โดยไม่ให้จอห์นได้พบหน้าอีกเลย ชีวิตในคุกไม่เลวร้ายมากนัก เนื่องจากจอห์นเป็นคนประจบประแจงเก่ง รู้เทคนิกที่ช่วยให้ได้งานสบาย เขากลายเป็นพ่อครัว มีอภิสิทธิและมีเงินใช้แบบไม่ขาดมือ
พ่อของจอห์นตายในขณะเขายังอยู่ในคุก เขาไม่อนุญาตให้เข้าร่วมในพิธีศพ ทำให้จอห์นรู้สึกว่าตนต้องรับผิดชอบต่อการตายของพ่อ เขาเชื่อว่าพ่อเขาตรอมใจตายสิ่งนี้ติดตรึงอยู่ในใจ และแผ่ขยายผลออกไปอีกมาก จนโลกต้องตะลึง
จอห์นพ้นโทษเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 1970 ติดคุกจริงแค่ 2 ปี เนื่องจากขอการทำทัณฑ์บน ทันที่ที่ออกจากคุกจอห์นก็เดินทางอาศัยอยู่กับแม่ที่ชิคาโกทันที งานแรกของจอห์นคือการเป็นพ่อครัวในภัตตาคารบรูโน จอห์น เกซี ไม่สามารถหักห้ามใจให้อยู่กับเด็กชายได้เลย เขาเรียนรู้และมีประสบการณ์ในอดีตว่า ถ้าจะทำผิด จงอย่าให้ใครจับได้ จงทำอย่างรอบคอบ อย่าให้มีหลักฐานหลงเหลือ
แต่กระนั้นการทำชั่วหลังออกจากคุก ไม่ง่ายนัก เดือนกุมภาพันธ์ 1971 จอห์นถูกจับข้อหาลักพาตัวและข่มขืนเด็กตามป้ายรถเมล์ แต่รอดพ้นจากตะรางเพราะเด็กชายไม่ยอมให้ปากคำในชั้นศาล จอห์นไม่เพียงหนีพ้นมือกฎหมาย เขายังรับอนุญาตให้ยกเลิกทัณฑ์บนในเดือนตุลาคมในปีเดียวกันอีก แสดงถึงความหละหลวงของระบบยุติธรรมอย่างยิ่ง
จากคำให้การของคนในครอบครัว เล่าว่า "พ่อมีอิทธิพลต่อจอห์นมาก พ่อของจอห์นเป็นคนสองด้าน มีทั้งสว่างและมืด ยามดีก็ดี ยามร้ายจะร้ายสุดๆ โดยเฉพาะตอนเมา เขาจะเกรียวกราด ชอบตบเมีย และทำร้ายลูก ถ้าจอห์นเข้ามาปกป้องแม่ พ่อจะพ่นคำหยาบว่า "อีกระเทย" พ่อไม่เคยแสดงความรักใดๆ แก่ลูกสักครั้ง ยกเว้นตอนที่จอห์นถูกพิพากษาจำคุกครั้งแรกในข้อหาอนาจารเด็กชาย พ่อร้องไห้"
"เมื่อพ่อของจอห์นตายในคุก จอห์นเสียใจมากและโกรธพัศดีที่ไม่อนุญาตให้เขาไปเคารพศพพ่อ เขาโทษตัวเองว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้ตัวเองตรองใจตาย"
นอกจากนี้ครอบครัวจอห์นก็กล่าวถึงจอห์นว่า "จอห์นไม่สนิทสนมกับครอบครัวในบ้าน เขามีบทบาทเพียงเล็กน้อย ไม่ทำตนเป็นประโยชน์ ไม่ค่อยอยู่ร่วมกับครอบครัว ชอบคุยกับครอบครัวทางโทรศัพท์มากกว่า" กับมาที่เรื่องของจอห์นเขาแต่งงานใหม่อีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 1971 กับสาวนามว่า แคโรล ฮอฟฟ์ คนรู้จักและเคยเป็นแม่ม่ายมาก่อน ต่อมาจอห์นก็ทะเลาะอย่างหนักกับแม่ ส่งผลให้แม่ตัดสินใจย้ายออกจากบ้าน จอห์นใช้บ้านเป็นเรือนหอและชักชวนให้แม่ยายมาอยู่ด้วยกัน แต่ปีต่อมาเขาใช้คำสั่งศาลไล่แม่ยายตัวเองออกจากบ้าน
ความสัมพันธ์กับเมียใหม่เสื่อมทรามอย่างรวดเร็ว เมื่อจอห์นชอบพาเด็กหนุ่มๆ มานอนในบ้านบ่อยๆ จอห์นไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาโดยยกงานมาบังหน้า ถึงปี 1975 แคโรลย้านออกจากบ้าน และขอหย่าในที่สุด แม้จอห์นจะล้มเหลวในเรื่องครอบครัว แต่ในด้านหน้าที่การงานและสังคมกับประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง นอกจากจะทำงานเป็นพ่อครัวแล้ว จอห์นยังรับเหมาก่อสร้างจนสามารถตั้งบริษัทของตนเองชื่อ PDM รับเหมาทาสี โดยย่อมาจาก Paintiting Decorating Mainance บริษัทใหม่นี้มีงานเข้ามาตลอด จนทำให้จอห์นย้ายที่ทำงานใหม่ที่ออฟฟิคให้เช่าเลขที่ 8213 ถนนซัมเมอร์เดล ตะวันตกแถบนอร์วูดพาร์ก
ในด้านสังคม จอห์น เกซี ชอบทำตัวเด่นดังในสังคมโดยการอุทิศตัวเพื่อสังคม จัดงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ เขาค่อยๆ มีบทบาทในฐานะตัวแทนสังคม เล่นการเมืองอย่างลับๆ เป็นหัวคะแนนในเขตนอร์วูดพาร์ก เป้นผู้นำเดินพาเหรดเพื่อผู้ป่วยในโรงพยาบาล ร่วมสมาชิกองค์กรการกุศล Jolly Jokers Club เขาชอบเด็กเป็นตัวตลกเพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบเด็กๆ จนได้ฉายา "ตัวตลกโพโก" แต่ความชั่วในจิตใจของจอห์น ไม่เปลี่ยนไป เขารักเด็ก แต่ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น และแล้วเขาก็เริ่มแผนอุบาทว์ บริษัทก่อสร้าง PDM ต้องการเด็กหนุ่ม คัดแต่หน้าตาดี หัวอ่อน และชักจูงง่าย
***ผลงานปีศาจ จึงเริ่มขึ้น***
จากคำให้การของจอห์น เหยื่อร้ายแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มกราคม 1972 หลังการแต่งงานของแคโรล 6 เดือน เป็นเรื่องอุบัติเหตุ คืนนั้นจอห์นเมาหนักออกจากผับแห่งหนึ่งตระเวนหาเด็กหนุ่มๆ มาหลับนอนด้วย จนสุดท้ายได้ตัวทอม แม็คคอยจากป้ายรถเมล์ จึงพากลับบ้านด้วยกัน กินอาหารและมีเพศสัมพันธ์ แต่เมื่อจอห์นตื่นเช้า เขาเห็นเด็กหนุ่มถือมีด จึงนึกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะฆ่าเขา จอห์นต่อสู้แล้วแย่งมีดแทงทอม แม็คจนตาย ส่วนแม่ของจอห์นไม่ทราบเรื่องเพราะพอดีคืนนั้นเธอไปนอนบ้านญาติ
แต่หลังจากที่จอห์นฝังศพเขา แล้วเดินไปที่ครัว จึงพบอาหารเช้าที่เตรียมไว้ ที่แท้ทอม แม็คคอยตื่นมาทำอาหาร และถือมีดมาปลุกเขาต่างหาก แต่จอห์นไม่สนใจ การตายของเด็กหนุ่มทำให้เขาเกิดอารมณ์วิปริตรุนแรงจนสำเร็จความใคร่ เขาพบว่าการฆ่าคนมันง่ายดายเหมือนมดปลวก ทำแล้วมันติด จนผลักดันให้เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องนานถึง 7 ปี
จอห์น บัทโควิช เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ทำงานปริษัทก่อสร้างเกือบปี เขากลายเป็นเหยื่อรายต่อมา เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 1875 จอห์น เกซีฝังร่างเด็กหนุ่มไว้ที่พื้นโรงรถ ปิดทับด้วยคอนกรีต
คาร์เรล แซมป์สัน ถูกพบเห็นเมื่อยังมีชีวิตอยู่เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1976
แรนดัล เรฟเฟทท์และแซมมวล สแตเปิลตัน หายไปพร้อมกัน ในวันที่ 14 พฤษภาคม 1976 ภายหลังถูกพบศพเคียงคู่กันที่บ้านของจอห์น
วิลเลียม แคร์นอล ออกจากห้องพักวันที่ 13 มิถุนายน 1976 และหายสาบสูญ
ริค จอห์นสัน โบกมือลาแฟนก่อนที่หายตัวไปตลอดกาลเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1976
เกรเกอรี กอดซิค คนงานบริษัท PDM ทำงานแค่ 2 อาทิตย์ ถูกจอห์นฆ่าตายวันที่ 12 ธันวาคม 1976
ธันวาคม 1976 เด็กขายตัวทราบชื่อถูกจอห์นฆ่า รถของเขาถูกขายต่อให้แก่ไมค์ รอสซี คนงานในบริษัทของจอห์น
มาถึงปี 1977 จอห์น ฆ่าคนไปอีก 9 ศพ และฝังศพทั้งหมดไว้บ้านตัวเอง
รายแรก โรเบิร์ต ดอลเนลลี เด็กหนุ่มวัย 19 พ่อเพิ่งเสียชีวิต จิตใจเลยย่ำแย่ เขาถูกจอห์นเอาปืนจี้จากป้ายรถเมล์ แสดงตัวเป็นตำรวจ ถูกหิ้วขึ้นรถมาถึงบ้าน จากนั้นก็กรอกเหล้าเข้าปากโรเบิร์ต ข่มขืนทางทวารหนัก ลากเขาเข้าห้องน้ำกดหัวลงชักโครก จนเขาสลบไป แค่นี้ยังไม่พอ หลัง โรเบิร์ตตื่น จอห์นปัสสาวะรดร่างเด็กชาย บังคับให้ดูหนังโป๊ และเล่นเกมรัสเวียนรูเลตต์ ด้วยปืนปลอม
ยังไม่จบ โรเบิร์ต ถูกจับมัดอีกครั้งและข่มขืนจนพอใจ ก่อนที่จะรับอนุญาตให้อาบน้ำแต่งตัว จับใส่รถ จอห์น เกซีคางห้อยย้อยถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า "รู้สึกยังไงถ้าเอ็งกำลังเดินทางไปนรก" จากนั้นก็ปล่อยตัวโรเบิร์ตไป แต่โรเบิร์ตไม่กลัวคำขู่ เขาตรงไปสถานีตำรวจ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ตำรวจฟัง แต่เพราะเรื่องของเด็กชายมันพิสดารไป ตำรวจเลยไม่เชื่อ ประกอบกับบุคลิกเด็กชายไม่น่าเชื่อถือ มีอาการป่วยเป็นโรคจิต ติดอ่าง ทำให้ตำรวจไม่เชื่อว่าชายร่างอ้วน นักธุรกิจหัวคะแนนนักการเมือง จากลงมือข่มขืนแบบวิปริตแบบนี้ จอห์น เกซี รอดพ้นคำกล่าวหา ตำรวจไม่ยอมรับคำแจ้งความ
รายที่สองที่รอดชีวิตอีกหนึ่งรายชื่อเจฟ ริกนาล หนุ่มเกย์อายุ 26 เขาถูกจอห์นข่มขืนหลังจากโรเบิร์ตแจ้งความเพียง 3 เดือน เริ่มจากเจฟถูกโปะยาสลบคลอโรฟอร์ม ทำให้หน้าไหม้และเนื้อบางส่วนถูกทำลาย เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาถูกเปลือยผ้า ผูกติดกับกระดาน เขาถูกจอห์นข่มขืนซ้ำทั้งของคนและวัตถูบางอย่างที่ไม่สามารถหันไปดูได้ นอกจากนี้ยังมีคนอื่นที่ไม่เห็นหน้าร่วมด้วย นอกจากนี้ยังถูกบังคับให้ทำโอษฐกาม เมื่อเจฟรอดมาได้ เขาตัดสินใจแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมดำเนินคดีเพราะไม่มีหลักฐาน จนเจฟต้องจ้างทนายความเพื่อดำเนินฟ้องศาลด้วยตนเอง แต่ผลสุดท้ายเรื่องก็จบลงเมื่อเจฟยอมความเพราะได้เงินชดเชยแสนบาท
แม้ โรเบิร์ต ดอนเนลลี และเจฟ ริกนาลจะรอดตาย แต่คนอีกมากไม่โชคดีเหมือนสองคนนี้
วิลเลียม คินเดรด หายตัวไปในเดือนมกราคม 1978
ทิม โอ รุค หายไปในฤดูใบไม้ผลิ
แฟรงก์ แลนดิงกิน หายตัวไปเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน
ทิม โอ รุค หายตัวไปในฤดูใบม้ผลิ
ต่อมา เจมส์ มาชซารา หายตัวไปอย่างลึกลับ
นอกจากนี้มีเด็กหนุ่มอีกมากที่ตายด้วยฝีมือของจอห์นรวมถึงหนุ่มลาวที่อพยพเพื่อหาโอกาสใหม่ในชีวิต จอห์นฆ่าคนจำนวนมากเรื่อยมาจนกระทั้งมาหยุดที่เหยื่อนาม.........."ร็อบ พิสท์"
ร็อบ พิสท์ เขาเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดี พ่อแม่รัก เรียนเก่ง ขยัน ทำงานพิเศษที่ร้านขายยานิสสันและกลับบ้านสามทุ่มประจำ ในวันที่เกิดเหตุวันที่ 11 ธันวาคม 1978 เป็นวันเกิดของแม่ พอดีจอห์น เกซีแวะเข้ามาในร้านเพื่อพูดธุระกับเจ้าของร้านยา เมื่อสายตาปะทะร่างเด็กหนุ่มกำลังจัดยาอยู่ จอห์นก็บอกตัวเองเลยว่านี้คือเหยื่อรายใหม่ของเขา จอห์นชำเลืองมองหลายครั้ง แต่จอห์นก็ไม่บุ่มบ่าม เขาคุยเจ้าของร้านยาแบบสั้นๆ เดินออกจากร้าน แกล้งลืมสมุดโน๊ดทิ้งไว้ รอเวลาปลอดคนก่อนที่จะปรากฏตัวอีกครั้ง แม่ของร็อบมารับลูกที่ร้านขายยาก่อนสามทุ่มเล็กน้อย พอมาถึงก็พบว่าลูกชายยังทำงานไม่เสร็จ เธอจึงขับรถวนเรื่อยๆ ฆ่าเวลา ก่อนที่จะจอดหน้าราน ร็อบวิ่งมาหาแม่ ขอให้รออีกสับแป๊บ บอกว่าเขากำลังได้งานใหม่ที่ดีมากจากชายคนหนึ่ง ท่าทางเขาตื่นเต้น วิ่งหายไป
แม่ของร็อบรอเด็กชายนานถึง 20 นาที แต่ก็ไร้เงาของร็อบ เธอตัดสินใจกลับบ้าน จนกระทั้งถึง 4 ทุ่ม เด็กชายยังไม่กลับ จนพ่อของร็อบทนไม่ไหวจึงโทรเล่าเหตุการณ์ให้เภสัชกรฟัง และถามถึงชายคนที่ติดต่อ เภสัชกรลองโทรไปหา จอห์น เกซี ที่บ้านแต่ไม่มีใครรับสาย พ่อแม่ของเด็กจึงตัดสินใจไปแจ้งความ แต่ก็ผิดหวังเพราะตำรวจไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำให้ทั้งสองต้องสืบหาเองจนถึงรุ่งเช้า จึงกลับไปสถานีตำรวจอีกครั้ง ขอพบตำรวจชั้นผู้ใหญ่ คราวนี้ตำรวจฟังอย่างสนใจ เพราะเขายังจำคดีที่จอห์น เวยน์ เกซี ข่มขืนเด็กหนุ่มได้ในปี 1968, 1972, 1978
หลังจากรับคดี ตำรวจรีบไปที่บ้านของจอห์น เกซี เพื่อไปสอบปากคำ แต่จอห์น เกซี ดูเหมือนไม่มีสมาธิมากนัก เขาอ้างว่าลุงเขาถึงแก่กรรม
แม้ไม่ได้สอบปากคำ แต่การมาบ้านของจอห์น ตำรวจพบสิ่งผิดปกติ คือมีกลิ่นตุๆ ที่ไม่น่าพิสมัยอย่ทั่วทุกจุดในบ้าน วันต่อมาตำรวจรั้งตัวจอห์นไว้สถานีตำรวจหลายชั่วโมง อีกทีมไปค้นบ้านของจอห์นอย่างละเอียด พบอวัยวะเพศชายเทียม สมุดภาพลามก กระดานตรึงร่างที่ทำเอง ฯลฯ แต่ตำรวจไม่พบร่างของร็อบ พิสท์ แต่ตำรวจเชื่อว่าเขาน่าจะเคยมาบ้านหลังนี้
**จนในที่สุดวิธีสะกดรอยตำรวจก็ได้ผล จอห์น เกซีคลั่งและตัดสินใจผิดพลาด**
กลางคืน วันที่ 20 ธันวาคม 1978 จอห์นขับรถไปสำนักงานทนายความ กินเหล้าเมามายร้องไห้ เขาเล่าความลับให้ทนายฟังจนถึงตีสามของวันถัดมา จากสำนักทนายความ จอห์นแวะมาที่ปั๊มน้ำมัน ซื้อกัญชาจากเด็กปั๊ม ขับรถกลับบ้านหาเพื่อนบ้าน เล่ามาตัวเองเป็นคนฆ่าเด็กหนุ่มราว 30 คน ตอนนี้มีคนพยายามแบล็กเมล์จนเขาเริ่มเครียด จากนั้นจอห์นก็ไปหาคนงานพูดจาเลอะเลือน จนคนงานตกใจและโทรศัพท์แจ้งตำรวจในเวลาต่อมา ตำรวจค้นบ้านจอห์นอีกครั้ง ความนี้เชื่อว่าจะได้หลักฐานเพิ่มเติม และก็ได้มากกว่าที่คิด
บ้านของจอห์น เกซี มีลักษณะพิเศษ มันสร้างคร่อมบ่อบำบัดน้ำเสยเก่าๆ เมื่อใช้เครื่องคุ้ยโคลน ก๊าซที่หมักหมมมานานก็พากันดันตัวออกตามรอยขุด หลายคนถึงกับอาเจียนจนทนไม่ไหว จนตำรวจต้องเรียกหน่วยชันสูตรและเครื่องมือเพิ่มเติม เมื่อหน่วยชันสูตรมาถึง การขุดค้นครั้งใหญ่จึงเริ่มต้น ร่างแล้วร่างเล่าถูกขุดมาวางที่ปากบ่อ ส่วนใหญ่เหลือเพียงกระดูก บางร่างมีกางเกงลิงอยู่ในปากหรือใช้เป็นเชือกรัดคอ พร้อมร่องรอยปูนขาวที่จอห์นใส่ไว้หลายร้อยกิโลเพื่อเร่งการย่อยสลายของศพยัดจมลงในโคลนเบื้องล่าง
หลายวันผ่านไปตำรวจยังพบศพเพิ่มเติม จอห์น เกซีให้ความร่วมมือวาดแผนที่จุดที่ระบุว่าเขาฝังศพเอาไว้(เท่าที่จำได้) ฝูงชนเขามามุงดูศพทุกวัน แม้อากาศจะหนาว บางคนเป็นญาติผู้ตายหรือผู้สูญหาย พวกเขาเฝ้าอย่างอดทน เผื่อศพที่ขุดพ้นจากดินหนึ่งในนั้นคือคนที่ตนเฝ้ารอมานาน
น่าแปลก ผลสุดท้าย ตำรวจไม่พบศพร็อบ พิสท์ เหยื่อรายสุดท้าย มีเพียงหมวกหนังของร็อบตกในห้องเก็บของเท่านั้น
ผลจากการขุดศพในบริเวณบ้านของจอห์น สรุปได้ศพจำนวน 29 ศพ มี 6 ศพไม่สามารถระบุชื่อได้ แต่ตัวเลขนี้ต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะจอห์นบอกว่าเขาไม่สามารถยัดศพในบ่อได้อีกเพราะคนตายล้นบ่อ เขาจึงลำเลียงศพไปทิ้งแม่น้ำใกล้ๆ บ้าน รวมทั้งศพของร็อบ พิสท์ ที่ต่อมาศพได้ลอยอืดอย่างน่าสมเพศ
จอห์น เกซี ไม่สามารถจดจำรายละเอียดของเหยื่อแต่ละคนได้ ว่าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ จนถึงจำนวนเหยื่อที่เขาฆ่า แต่สำหรับกรณีของร็อบ พิสท์ จอห์นปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ฆ่า เขาเพียงจับเด็กหนุ่มใส่กุญแจมือ ผูกเชือกทำบ่วงคอ และกระตุกเชือกให้รัดพอหายใจได้ แต่บังเอิญมีคนโทรศัพท์ขัดจังหวัด(คงเป็นเจ้าของร้านยา) เขาเลยเดินไปรับโทรศัพท์นาน พอกลับมาก็พบว่าร็อบขาดใจตายแล้ว เขาคงพยายามหลบหนี แต่เชือกรัดคอแน่นจนขาดใจตาย
จอห์น เวย์น เกซี ถูกประหารโดยการฉีดยาพิษเข้าเส้นในปี 1994 เป็นอันจบชีวิตฆาตกรเกย์อีกคนหนึ่งในโลกใบนี้