ผมขอแบ่งเหตุการณ์ตามลำดับเป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ
1. ต้นเดือนตุลา ครั้งแรกเธอยืมเงินผมไป 15,000 เพื่อซื้อไอโฟน โดยบอกว่าจะค่อยๆผ่อนคืนเดือนละพัน ผมก็โอเคเพราะช่วงนั้นการเงินยังไม่มีปัญหาอะไร
- เรื่องนี้ผมยังไม่เครียดเท่าไหร่
2. กลางเดือนพฤษจิกา เธอบอกว่าร้านของพี่เธอจะถูกไล่ที่อาจจะต้องกลับต่างจังหวัด ผมก็ช่วยเธอวางมัดจำไป 6,000 แล้วจ่ายรายเดือนไปอีก 2 เดือนๆ ละ 3,000 รวมแล้ว 12,000 และยังคงต้องจ่ายต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เงินเก็บแทบไม่มี
- เรื่องนี้เริ่มเครียดขึ้นมานิดๆ เนื่องจากผมให้เงินเธอไปเพื่อซื้อคีย์การ์ดเข้าหอเผื่อผมด้วย แต่เธอไม่เอามาให้ผมซักทีโดยบอกว่าให้พี่ยืมบ้าง ให้แม่ที่มาจากต่างจังหวัดยืมบ้าง ผมก็ชักยังไงแล้ว นี่ก็เข้าสู่เดือนที่สองแล้ว แต่ร้านของพี่เธอก็ยังขายอยู่ปกติ
3. กลางเดือนธันวา เธอเอาทองที่ผมซื้อให้เป็นของหมั้นล่วงหน้าราคาประมาณ 15,000 ไปจำนำรวมกับสร้อยของเธอเองเป็นวงเงิน 14,000 ผมต้องเดือดร้อนยืมเงินคนอื่นไปช่วยไถ่ออกมา เธอบอกจะค่อยๆผ่อนคืนให้เหมือนข้อ 1.
ทั้ง 3 ข้อนี้มีข้อ 1 กับข้อ 3 ที่เธอยืมเงินผมไป ซึ่งถึง ณ ตอนนี้ แน่นอนว่าผมยังไม่ได้เงินคืนจากเธอซักบาท เรื่องเงินก็ทำให้ผมเครียดส่วนนึง แต่สิ่งที่ทำให้ผมเครียดยิ่งกว่าก็คือสิ่งต่างๆที่เธอได้รับปากไว้กับผมแล้วไม่ได้ทำตามที่พูดไว้ เวลาผมถามเธอถึงสิ่งที่เคยรับปากไว้ก็จะทะเลาะกันทุกที ผมพยายามจะบอกตัวเองว่าเธอไม่ได้หลอกผมแต่ยิ่งทำมันเหมือนยิ่งตอกย้ำทำให้ฟุ้งซ่าน ผมก็ได้แต่หวังว่าเธอจะเข้าใจและเห็นใจผมบ้าง ผมไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากแค่ได้อยู่กับเธอทุกวันแค่นั้นเอง ปลายปีนี้วางแผนว่าจะแต่งงานกันไม่รู้ว่าจะได้แต่งหรือเปล่า เห้อ....ชีวิต
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาฟังผมระบายความอึดอัดในครั้งนี้ ใครจะว่าผมว่าโง่หรืออะไรก็แล้วแต่ขอน้อมรับไว้แต่โดยดี ขอบคุณครับ
มาถึงตอนนี้ก็เกือบจะครบปีแล้ว ในที่สุดความจริงก็ปรากฎ ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ