น้องโฟม หรือนางสาวศศิธร อายุ 21 ปี ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่สถาบันแห่งหนึ่งเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากมีจมูกที่สวยได้รูป โดยเธอได้ศึกษารีวิวการศัลยกรรมเสริมความงามจากคลินิก "ว." คลินิกเสริมความงามในย่านลาดพร้าว เธอได้เล่าว่า..
เดินทางไปที่คลินิกพร้อมคุณแม่ โดยเดิมทีตั้งใจจะไปเสริมสันจมูกให้โด่งขึ้นและปลายจมูกเป็นรูปหยดน้ำ ซึ่งทางคลินิคได้เสนอแพ็คเกจทำจมูกราคา 1 แสนบาท มีโปรโมชั่นลด 50% เหลือ 50,000 บาท จึงตัดสินใจทำ แต่พอลงมือทำไปได้สักพักทางคลินิกได้แนะนำให้ตัดปีกจมูกเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงามขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายอีก 15,000 บาท คุณแม่จึงตกลง รวมแล้วเบ็ดเสร็จจ่ายไป 65,000 บาท ซึ่งในวันนั้นใช้เวลาทำนานกว่า 6 ชั่วโมง โดยระหว่างที่ทำมีเจ้าหน้าที่ รวมทั้งคุณหมอ และเจ้าของคลินิกอยู่ภายในห้องทั้งหมด 6 คน มีการฉีดยาชาและถอดเข้าถอดออกซิลิโคนอยู่นานจนยาชาหมดฤทธิ์และเริ่มเจ็บมากขึ้น โดยเจ้าของคลินิกคอยสั่งกำกับคุณหมออยู่ตลอดเวลาในการลงมือผ่าตัด
หลังจากเข้ารับการผ่าตัดที่ปรากฏว่าจมูกของเธอมีปัญหาไม่สามารถตัดไหมออกได้ และเกิดการติดเชื้อจนอักเสบ ซึ่งทางคุณแม่ก็พยายามถามหาสาเหตุและขอคำอธิบายจากทางคลินิกและคุณหมอแต่ก็ไม่มีคำตอบ บอกเพียงว่าจะดำเนินการแก้ไขให้ แต่ทางคนไข้ก็ไม่ไว้วางใจและเกรงว่าจะยิ่งแก้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ จึงขอให้ทางคลินิกคืนเงินให้ และนำตัวน้องโฟมไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากรามาฯก็ได้บอกว่าจมูกของเธอมีอาการติดเชื้อ ต้องเอากระดูกเทียมออก และเกิดเป็นแผลบริเวณโคนจมูก ส่วนรูจมูกก็ตีบเล็กลงมากเพราะตัดปีกจมูกที่ไม่ถูกต้อง เรียกว่ารูปทรงจมูกนอกจากไม่สวยแล้วยังทำให้ของเดิมเสียหายด้วย นอกจากนี้โครงสร้างจมูกยังถูกทำลายจากการผ่าตัดเปิดปลายจมูกเพื่อเสริมซิลิโคนและกระดูกเทียมตรงปลายจมูกที่ไม่ถูกวิธี และการจะแก้ไขให้กลับไปเหมือนเดิมนั้นยากมาก อาจใช้เวลานาน 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับไปเหมือนเดิมหรือไม่
ทางด้านคลีนิคที่น้องไปทำการศัลยกรรมยังนิ่งเฉย และไม่แสดงออกถึงความรับผิดชอบใดๆ ทำให้น้องโฟมและคุณแม่ตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทางคลินิก และทางแพทย์ผู้ผ่าตัด ซึ่งน้องโฟมกล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเครียดให้กับเธอมาก ถึงขนาดร้องไห้ทุกวัน และเธอต้องการเปิดเผยเรื่องราวของเธอเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คนที่กำลังจะตัดสินใจทำศัลยกรรม ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้
ทางรายการยกทัพข่าวเช้าได้ติดต่อไปที่คลินิกดังกล่าวเพื่อขอคำชี้แจง และทำการสัมภาษณ์ แต่ทางคลินิกไม่ยอมและบ่ายเบี่ยงที่จะให้ข้อมูลใดๆ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดติดตามได้ในคลิปเลย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
