** กระทู้นี้จะเน้นสภาพชีวิตการทำงาน การเป็นอยู่ ตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการนะค่ะ** ปล. ขอเรียก Work&Travel ว่า WAT
เราจะอธิบายขั้นตอนการไป WAT ตั้งแต่แรกก่อน
1.หาเอเจนท์บริษัท หลักการเลือกของเรา คือ ดูค่าโครงการ ดูงาน ลองคุยกับพี่ๆเค้าดู
2.เมื่อเลือกได้แล้ว พี่เค้าจะสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้วัดระดับภาษา ว่าเราภาษาเท่านี้ เหมาะกับงานที่ไหน คำถามไม่ยากเลย (สำหรับเรานะ) เช่น แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ เป็นแนวพูดคุยมากกว่า ของเราได้ระดับภาษา Upper Intermediate
3. เลือกงาน > จ่ายค่าจองงาน
เราตั้งใจเลือกไป รัฐ Florida อยู่แล้วค่ะ เพราะ ตอนเราไปคือช่วง Summer (เดือนพฤษภา - สิงหาคม) เราเลยคิดว่าเมืองทะเลน่าจะทำเงินได้เยอะ น่าจะหา Second Job ได้ง่าย และสาเหตุว่าทำไมต้องเมืองนี้ เพราะ เราตั้งใจว่าจะไปทำงานเก็บเงิน เที่ยว อยู่แล้ว เราเลยหางานที่ได้เรท $9 ขึ้นไปคะ และหวยที่ออกคือเมือง Destin นี่เอง ซึ่งร้านที่เราไปทำชื่อร้าน Fudpucker's Beachside Bar & Grill เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่เลยล่ะ โดยตอนแรก พี่เอเจนท์ให้เราเลือกหลายตำแหน่งมากในการทำงานร้านนี้ เช่น Cook Host Groundman ตอนแรกเราเลือก Cook ค่ะ เพราะเห็นเรทตั้ง $9.5 แต่พอปรึกษาเพื่อนที่เคยไป WAT ปีก่อนๆ แต่ทำงานร้านอื่น เค้าบอกมาว่า งานในครัวต้องใช้มีด โดนของร้อนนะ ด้วยความที่เราไม่เคยทำกับข้าวเลย ที่บ้านซื้อกับข้าวกินตลอด เลยเกิดอาการกลัวค่ะ เลยขอเปลี่ยน ทีนี้มันก็เหลือ Host(พนง.ต้อนรับ) และ Groundman ที่เรทค่าจ้าง $9 เท่ากัน ลืมบอกว่าแต่ละตำแหน่งได้เงินไม่เท่ากัน แต่ด้วยความที่เราไม่เก่งภาษามากนักเราเลยเลือกตำแหน่ง Groundman ถ้าถามว่ารู้มั้ย ตำแหน่งนี้ต้องทำอะไร บอกเลยว่า ไม่!!! 55555 แต่เพื่อนเราบอกว่าเป็นหน้าที่ระหว่าง Cook และ Serve เราก็โอเคทำได้หมด
4.พอเราเลือกงานแล้ว เราก็ต้องนัดวันสัมภาษณ์งานกับนายจ้างที่อเมริกาผ่าน Skype ค่ะ บางงานนายจ้างก็บินมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เขาจะวัดระดับภาษาอังกฤษเรา เขาแค่อยากรู้ว่า คนที่จะมาทำงานกับเขาเป็นคนยังไง หน้าตายังไง ถ้าถามว่ามีคนสัมภาษณ์ไม่ผ่านมั้ย มีค่ะ แต่น้อยมาก ส่วนมากผ่านหมดเพราะตอนเลือกงาน เขาจะระบุไว้อยู่แล้วว่าต้องการเด็กภาษาอังกฤษระดับไหน มีความมั่นใจเข้าไว้ ตั้งสติตอนตอบคำถาม ยังไงก็ผ่าน! ซึ่งคำถามจะเป็นแนวๆเดียวกันทุกงาน เช่น ถามประวัติส่วนตัว เวลาว่างทำอะไร บอกข้อดี/ข้อเสียของตัวเอง เป็นต้น ไม่ยากมากค่ะ ตอนเราสัมภาษณ์เราตอบผิดๆถูกๆ ให้เค้าทวนคำถามบ่อยมาก ยังผ่านเลย5555 เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัว!!! สู้ๆ
5.พอสัมภาษณ์ผ่านแล้ว เราก็ทำการจ่ายเงินค่าโครงการที่เหลือ แต่ถ้าไม่ผ่าน อย่าร้องไห้น้า ยังไงพี่ๆเอเจนท์ก็ช่วยหางานให้เลือกใหม่ที่เหมาะสมกับระดับภาษาของเรา ให้ผ่านจนได้ ไม่ต้องกลัว ยังไงก็ได้ไปค่ะ
6.เริ่มดำเนินการยื่นเรื่องเอกสารต่างๆ เช่น วีซ่า โดยพี่เอเจทน์เค้าจะบอกเราว่าต้องเตรียมอะไรบ้างและช่วยจัดการเรื่องเอกสารให้ ช่วยทำเรื่องขอวีซ่าให้ และทางพี่เอเจนท์ก็ช่วยแนะนำการหาที่พักให้เราด้วยว่าพักที่ไหนใกล้ที่ทำงาน แต่เราหาที่พักเอง ติดต่อกับคนที่นั่นเอง เลยได้ค่าบ้านถูกกว่าคนอื่น แต่กว่าจะหาได้นี่รอนานมาก เพราะช่วงนั้นเด็ก WAT จากประเทศอื่นๆก็เข้ามาเยอะ บ้านเกือบเต็มกันหมด
7.เมื่อพี่เอเจนท์เตรียมเอกสารให้เราครบแล้ว เขาก็วันนัดสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตให้ โดยพี่เค้าจะเก็งแนวคำถามให้เรา ก่อนสัมภาษณ์เรากลัวไม่ผ่านมากกกกก เพราะ ตอนต่อคิว มีคนนึงสัมภาษณ์ แต่เขาพูดไม่ได้เลย ตอบคำถามอะไรไม่ได้สักข้อ สุดท้ายสถานทูตเลยไม่ให้ผ่าน สงสารเขามากแต่เขาพูดไม่ได้จริงๆค่ะ แต่พอถึงคิวเรา ถามน้อยมาก ไม่ถึง2นาที เร็วมากจน งง ว่า เห้ย ผ่านได้แบบง่ายมาก คำถามที่เราโดน เช่น เรียนเกี่ยวกับอะไร (อันนี้ต้องจำให้ได้) อยากไปเที่ยวที่ไหนในอเมริกา เวลาว่างทำอะไร เป็นต้น
8. เย้!! พอมีวีซ่าผ่านแล้ว ขั้นตอนต่อมา หาตั๋วเครื่องบิน เนื่องจาก Florida อยู่ทางใต้อเมริกา ไกลมาก เลยโดนค่าตั๋วไปประมาณ 44,300 ของสายการบิน American Airlines เราจัดการเรื่องตั๋วเองโดยการโทรไปจองกับ Call Centerของสายการบินนี้ ไม่ได้ผ่านเอเจนท์ที่ไหน
9.พอเอกสารครบ ตั๋วเครื่องบินพร้อม เราก็รอเวลาเดินทางอย่างเดียว Let's Go!!
มาสรุปรายจ่ายคร่าวๆดีกว่า
1.ค่าโครงการ
2.ค่าวีซ่า 8,100.- (ราคาปี 2015)
3.ค่า Pocket Money 20,000.- (อันนี้ขึ้นอยู่กับเราเอง บางคน 30,000-60,000)
4.ค่าตั๋วเครื่องบิน
ความจริงแล้วตามกำหนดการเราถึงอเมริกาวันที่ 27 พ.ย. ตอนประมาณ 4 ทุ่ม ค่ะ แต่เราถึงวันที่ 28 ตอนสายๆ เพราะ...หลับจนตกเครื่อง ใช่คะ หลับ!! เรื่องมีอยู่ว่า ตอนขาไป เส้นทางการบินจะเป็นแบบนี้ 1. BKK > Hongkong 2. Hongkong > Dallas/Fort Worth,Texas 3. Dallas/Fort Worth,Texas > Fort Walton Beach,Fl อยากบอกว่า โอ้โห หลายต่อมากค่า ยิ่งเฉพาะเส้น Hongkong > Dallas/Fort Worth,Texas มันคือที่สุดของความทรมาณสำหรับเรา บินประมาณ 16 ชม. ค่ะ แล้วเรามีปัญหาเรื่องปวดหลัง แถมคลื่นไส้ สรุป Jet lag ตลอดการเดินทาง นอนหลับไปไม่ถึง 3 ชม. พอถึง Dallas เพื่อนคนไทยที่เจอบนเครื่อง 4 คน ไปซื้อของกินกัน ส่วนเรารีบดู Gate แล้วไปนอนรอเลยค่ะ เพราะ เพลียมาก ความจริงแล้วเครื่องออกจากที่ Dallas ตอน 2 ทุ่ม แต่ตื่นมาอีกที 3 ทุ่มครึ่ง!! เราแบบ ซวยละ ตกใจมาก รีบไปถามพนง. เค้าบอกเครื่องออกแล้ว ณ ตอนนั้นคือเข้าใจคำว่า ร้องไห้หนักมาก!! สาเหตุคือทางสายการบินเปลี่ยน Gate แต่เราไม่รู้เรื่องเพราะหลับ ส่วนเพื่อนคนไทย 4 คน ไปละจ้า แต่ด้วยความที่ Service เค้าดีจริงๆ ทางสายการบินก็ออกตั๋วให้ใหม่ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ต้องรอบินตอน 7 โมงเช้า สรุปได้นอนสนามบินสมใจเลยคะ 1 คืนเต็มๆคนเดียว ฮือ น้ำตาไหล