“ไม่อยากเรียกตัวเองว่าลูกสาวเจ้าพ่อเลย เพราะตอนที่พ่อเป็นนักการเมือง(ส.ท.) พ่อก็ไม่ได้ทำตัวกร่างอะไร พ่อทำดีเพื่อสังคม ไม่เคยไปเบ่งตัวเองว่าเป็นเจ้าพ่อ แต่อย่างว่านะ นักการเมืองท้องถิ่นตามต่างจังหวัด ใครเล่นการเมือง ทุกคนก็ชอบมองว่าเป็นเจ้าพ่อ มีอำนาจ มีลูกน้อง เพื่อนๆสมัยเรียนก็เลยชอบเรียก ปามมี่ ว่าลูกสาวเจ้าพ่อ ใครๆก็เลยไม่ค่อยกล้าเข้ามาจีบกลัวพ่อสั่งลูกน้องกระทืบอะไรประมาณนั้น
แต่หลังจากที่ล้มทางการเมือง ตอนนั้นพ่อเป็น ส.ท. พอหมดวาระพ่อก็หันมาสมัครผู้ใหญ่บ้าน ตอนนั้นต้องใช้เงินเยอะมาก เอาเงินทั้งหมดไปลงทุนกับการเมืองจนหมดตัว สุดท้ายก็สอบตก ตอนนั้นปามมี่เห็นพ่อเสียใจมาก บางทีการเมืองมันมีอะไรที่เยอะกว่าที่เราคิด คนดีๆถ้าเงินไม่ถึงจริงก็ยากที่จะอยู่การเมืองได้นะ ต้องบอกว่าตอนนั้นครอบครัวปามมี่ล้มละลายเลย บ้านก็ถูกธนาคารยึด เงินเก็บทุกอย่างหมดเกรี้ยง แถมเป็นหนี้สินอีกเกือบล้าน ตัวปามมี่เองก็ต้องออกจากโรงเรียนตอน ม.4 เพราะไม่มีเงินจะไปเรียนหนังสือ ชีวิตเปลี่ยนหมด
จากที่พ่อมีลูกน้องหลายคน จากที่หนูมีเพื่อนหลายคน พอครอบครัวเราล้ม เราก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว มีบางคนสมน้ำหน้าด้วยนะ บอกว่าเตือนแล้วอย่าไปเล่นการเมือง
หลังจากนั้นผ่านไปเป็นปีเหมือนกัน ก็มีลุงข้างบ้าน สงสารครอบครัวเราก็เลยแนะนำให้พ่อไปสมัครเป็นภารโรงที่โรงเรียนวัดป่านาเชือก ตอนนี้ก็เป็นอยู่ค่ะ”