ถามว่า ผมเคยผ่านการมีครอบครัวมาหรือไม่ ถ้าหากยึดองค์ประกอบของความเป็นครอบครัวมาหรือไม่ ถ้าหากยึดองค์ประกอบของความเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ผมไม่น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้ เพราะมันเป็นเพียงแค่การคบหากันในระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็แยกกันไปทางใครทางมัน ครั้งสุดท้ายที่ได้คบหากันก็เป็นเวลา 22 ปีมาแล้ว คิดดูว่านานแค่ไหนสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่ "ไม่มีใคร"
จนเมื่อวานความเหงาเข้ามาครอบงำมากขึ้น ทำให้ผมคิดหาทางว่า ทำอย่างไรชีวิตถึงจะมี "ใครสักคน" ผมพยายามค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวิธีการหาคู่ ซึ่งผมทำหลายวิถีทาง ทั้งไปบนบานศาลกล่าวไว้หลายต่อหลายแห่ง จนตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่าบนไว้ที่ไหนบ้าง ถ้าหากมีใครสักคนขึ้นมาจริงๆ ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจะแก้บนที่ไหน ยังไงบ้าง
กระทั่งวันหนึ่งผมไปปรึกษาเพื่อนสนิท เพื่อนได้แนะนำให้ผมท่องคาถาที่มันบอกกว่าได้ผลมาหลายรายแล้ว ทีแรกผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ความที่ผมลองมาหลายทางแล้ว ลองดูอีกสักทีก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
วันนั้นหลังจากปฏิบัติภารกิจประจำวันเสร็จแล้ว ตกค่ำผมก็นำคาถานี้มาท่องตามที่เพื่อนบอก
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ......................หากข้าพเจ้าจงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา มารดา ครู อาจารย์...ข้าพเจ้าขอถอนคำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน...
ผมค่อยๆ บริกรรมคาถาด้วยความละเอียด รอบคอบ และทำด้วยความตั้งใจจริงอย่างที่สุด จากนั้นก็เข้านอนด้วยความหวังว่าอะไรๆ ในชีวิตจะดีขึ้น ผมอาจได้เจอใครสักคน ถึงแม้มันอาจจะนานไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครเลย
คืนแรกผ่านไปอย่างเงียบสงบ ผมใช้ชีวิตในวันรุ่งขึ้นด้วยความคาดหวังว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ได้พบเจอใครสักคนจริงๆ และไม่ว่าใครเข้ามาพูดคุยหรือผมได้รู้จักคนใหม่ๆ ผมก็คาดว่า นั่นคือคนที่ใช่สำหรับผม แต่นั่นก็เป็นเพียงวิมานในอากาศ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งอีก 2-3 วันต่อมา คืนหนึ่งผมฝันแปลกมาก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่านี่คือตัวเองในวันนี้
ในความฝัน ผมได้พบกับผู้ชายสูงอายุคนหนึ่ง ผมถามเขาว่า "คุณรู้ไหม...ทำอย่างไร ผมจึงจะมีคู่เหมือนกับคนอื่นๆ เขา" ชายคนนั้นจ้องตามเขม็ง แล้วบอกว่า...
"ท่านรู้มั้ย ทำไมฉันจึงได้มาเกิดเป็นคนในชาตินี้ ฉันจะบอกให้ หลายสิบปีก่อนฉันเกิดเป็นกบ ฉันมีครอบครัว มีลูก มีเมีย และเป็นครอบครัวใหญ่ เราไปไหนมาไหนด้วยกัน ออกหากินกันตามสัญชาตญาณของความเป็นกบ อยู่มาวันหนึ่งฝนตกหนัก พวกเราก็ออกไปเล่นน้ำฝน ออกไปหาสัตว์เล็กๆ กินตามธรรมชาติ พวกเรามีความสุขมาก...
"...แต่ความสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน ฉันก็รู้สึกว่ามีมือของมนุษย์มาจับที่ตัวฉันอย่างแรง ฉันพยายามดิ้นให้หลุด แต่ก็ทำไม่ได้มือนั้นยิ่งบีบแรงขึ้น ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ขาของฉันถูกฉีกออกทีละข้าง ฉันเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัส มนุษย์คนนั้นฉีกขาฉันทีละข้าง แล้วโยนฉันลงพื้น มันยิ่งเจ็บปวดทุรนทุราย แต่ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือ ฉันเห็นภาพแห่งความทรมาน เมียฉัน ลูกๆ ของฉัน รวมทั้งพี่น้องกบของฉันอีกหลายตัวต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน พวกเขาร้องด้วยความเจ็บปวด โดยที่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย
"นี่เป็นโศกนาฏกรรมแห่งชีวิตของพวกเรา ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน ที่พวกเราไม่เคยลืม ฉันคิดว่า พวกเราทั้งหมดคงจะตายเพราะความเจ็บปวดทรมานท่ามกลางสายฝนนั่น แต่กว่าจะตาย พวกเราต้องทรมานอยู่นาน แต่ด้วยอานิสงส์ของความดีที่ฉันทำมาในอดีตชาติ ทำให้ชาตินี้ฉันได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ฉันไม่ได้คิดจะแก้แค้นใครในสิ่งที่ฉันกับพี่น้องและครอบครัวได้รับ
"เพียงแต่วิ่งที่ฉันจะบอกกับท่านก็คือ เหตุที่ท่านไม่มีคู่เป็นเพราะท่านได้ก่อกรรมกับพวกเราไว้ในอดีตชาติของพวกเรา แต่เป็นภพชาติปัจจุบันของท่าน ทำให้ท่านรับกรรม กรรมที่ท่านพรากลูก พรากเมีย พรากพี่น้องของพวกเรา ทำให้ท่านต้องพลัดพรากจากคู่ในชาตินี้ แม้ฟ้าจะลิขิตให้ท่านมีคู่ครอง แต่กรรมที่ท่านก่อไว้ทำให้คู่ครองของท่านไม่มีโอกาสโคจรมาพบกันได้ในชาตินี้ท่านจะต้องอยู่คนเดียวไปจนสิ้นอายุขัย และยังตอบไม่ได้ว่า หากชาติหน้าท่านได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ท่านจะมีโอกาสได้มีคู่ครองหรือไม่ เพราะเคราะห์กรรมที่ท่านทำไว้กับพวกเรานั้นมันหนักหนาสาหัสจริงๆ" หลังจบประโยคนี้ ภาพของชายสูงอายุก็ค่อยๆเลือนหายไป
เมื่อตื่นขึ้นมาผมเฝ้าทบทวนเหตุการณ์ในความฝัน ซึ่งทำให้ผมนึกไปถึงเมื่อสมัยผมเป็นเด็ก อายุประมาณ 5-6 ขวบ ตอนนั้นด้วยความซุกซน ทุกครั้งที่ฝนตกผมจะออกไปเล่นน้ำฝน แล้วจับกบท่ออกมาเล่นน้ำฝน แล้วจับขาพวกมันฉีกด้วยความสนุกสนาน เป็นอย่างนี้หลายครั้งและทุกครั้งก็จะถูกพ่อตีด้วยสายยาง จำได้ว่ามันเจ็บมาก แต่ก็ไม่เคยเข็ด เป็นอย่างนี้เป็นเวลานานมาก...
นี่หรือคือผลกรรมที่ผมพรากลูกพรากเมียพวกเขา ทำให้ผมต้องถูกพรากจากคู่ครองในชาตินี้
หลังจากนั้นหากมีโอกาส ผมจะซื้อกบจากตลาดสดไปปล่อย ครั้งละ 5-10ตัว เพราะกบพวกนี้ รอความตาย ผมปล่อยกบไปจำนวนมาก จำไม่ได้ว่าเท่าไร แต่รู้ว่ามากทีเดียว ถึงกระนั้นผมคิดว่า จำนวนชีวิตที่ผมปล่อยคงไม่เท่ากับชีวิตที่ผมทำลายไป จึงทำให้อานิสงส์นั้นยังไม่ส่งให้ผมได้พบกับคู่ครองในชาตินี้ ซึ่งก็ยังไม่รู้เลยว่า จะอีกกี่ชาติถึงจะได้พบ
นี่เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่ผมทำลายชีวิตหลายชีวิต ก่อกรรมทำเข็ญกับสัตว์ตัวเล็กๆ แต่กลับส่งผลเป็นความทุกข์อันยิ่งใหญ่ที่ผมต้องได้รับในชาตินี้ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า แต่ผมก็จะขอทำทานด้วยการซื้อกบมาปล่อยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เผื่อว่าจะได้ไถ่บาปกรรมที่ผมทำไว้ในภพนี้ ไม่ต้องตามไปถึงภพหน้า