"รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต พญ.พรรณพิมล วิปุลากร บอกว่า
เด็กออทิสติกจะมีอาการของโรคเป็น 3 ระดับ คือ ระดับน้อย ช่วยเหลือตัวเองได้ รักษาให้ดีขึ้นเกือบปกติได้ อาจไม่ต้องอาศัยยา ช่วย กลุ่มอาการปานกลาง พอจะดูแลตัวเองได้ พัฒนาได้ส่วนมากต้องใช้ยาช่วย และกลุ่มอาการรุนแรง กลุ่มนี้จะไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย ส่วนมากเมื่อเข้าวัยผู้ใหญ่จะกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช ทั้งนี้ในทุกระยะหากตรวจพบเร็วตั้งแต่ก่อนอายุ 3 ขวบ จะทำให้การพัฒนามีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสังเกตอาการของโรค
เช่น เด็กไม่หันตามเสียงเรียก ไม่สบตา ไม่ตอบสนอง นิ่งเกินไป อาละวาดมากเกินไป ไม่พูดเมื่อเข้าสู่อายุขวบครึ่ง เป็นต้น ให้พาเด็กมารักษา โดยจะมีการอบรมพ่อแม่ เพื่อให้ฝึกพัฒนาการลูกได้ และส่งไม้ต่อให้ร.ร. ซึ่งปัจจุบัน ร.ร.บ้านบางกลาง จ.ระนอง จัดห้องเรียนรวมกับเด็กปกติ มีครูดูแลเด็กพิเศษโดยตรง
ตัวเลขเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นทุกวันทั้งออทิสติก สมาธิสั้น บกพร่องทางการเรียนรู้ หากปล่อยปัญหานี้ไว้ ย่อมทำลายทรัพยากรประเทศ น่ายินดีที่ สปสช.เห็นชอบให้เป็นวาระพิเศษ โดยจะมีการบูรณาการการทำงานเพื่อพัฒนาบริการ โดยใช้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีมาเสริม เพื่อจัดเครือข่ายบริการที่ทำให้ประชาชนได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์และรับการพัฒนาการอย่างเหมาะสม อย่างน้อยก็เป็นความหวังเล็กๆ ที่จะเกิดระบบการดูแลขึ้น
ที่มาจาก>>mnrh.go.th