เพราะการพบรักไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ซีรี่ส์ “เรื่องดี ๆ จาก ดร.ณัชร” ตอนที่ 107
“อาจารย์คะ อยากให้อาจารย์เขียนเรื่องความรักกับพระพุทธศาสนาหน่อยค่ะ”คุณผู้อ่านท่านหนึ่งส่งข้อความเข้ามาหาผู้เขียนหลังจากอ่านบทความ “ความประทับใจแรกพบ” ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เขียนก็แบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก เลยเริ่มต้นด้วยการลองคิดเล่น ๆ ดูว่า “คนเราจะรู้สึกว่าชอบคนคนหนึ่งขึ้นมาได้เพราะอะไร?”
“Everything happens for a reason…”
Marilyn Monroe
ลึกลงไปกว่าความประทับใจแรกพบ
มาดูเหตุผลทางวิทยาศาสตร์กันก่อน ต้นปีนี้ศาสตราจารย์ Silke Anders นักวิจัยด้านสมองชาวเยอรมันพบว่า ยิ่งเราสามารถเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายได้ดีเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจมากเท่านั้น!
ศาสตราจารย์ Anders พบว่าคนที่รู้สึก “คลิก” กันจะมีวงจรการทำงานในสมองที่สอดคล้องกัน นั่นคือสมองของแต่ละคนมีความสามารถที่จะ “ถอดรหัส” สิ่งที่อีกฝ่ายสื่อออกมาได้อย่างดี แม้จะเป็นเพียงการแสดงออกโดยไม่ใช้ภาษาอย่างเช่นการแสดงสีหน้าก็ตามยิ่งเราสามารถเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ดีมากเท่าไหร่ สมองส่วนที่ทำหน้าที่ให้รางวัลก็จะยิ่งทำงาน ทำให้เรารู้สึกพึงพอใจ และนำไปสู่ความรู้สึกปิ๊งอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเองถ้าวงจรในสมองของคนเราแต่ละคนเปรียบเสมือนแบบพิมพ์เขียว คำถามต่อมาที่วิทยาศาสตร์ยังตอบไม่ได้ก็คือ “แล้วใครล่ะเป็นผู้เขียนพิมพ์เขียวนั้นขึ้นมา” ซึ่งทางพุทธศาสตร์ตอบได้
คำตอบก็คือ “กรรม” หรือการกระทำทางกายวาจาใจในอดีตนั่นเอง
ในทางธรรม การที่เราจะรู้สึกชอบใครสักคนเป็นเพราะเคยสร้างเหตุร่วมกันมาถ้าเคยสร้างเหตุที่เป็นกุศลร่วมกันมา ชาตินี้ก็มีโอกาสได้พบกันเพื่อร่วมสร้างเหตุดี ๆ ด้วยกันอีก แต่ถ้าเคยจองเวรจองกรรมกันมาก่อน ชาตินี้ตอนแรกก็อาจจะมีเหตุดึงดูดใจให้ได้มาเป็นคู่กันได้เหมือนกัน เพื่อที่ในที่สุดจะได้ “เอาคืน” กันต่อไป
แต่กรรมเก่านั้นไม่สำคัญเท่ากรรมปัจจุบัน เพราะต่อให้เคยจองเวรกันมาก่อน ถ้าชาตินี้ทั้งสองฝ่ายใช้ชีวิตโดยมีธรรมนำหน้าก็จะสามารถเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี และเป็นคู่บุญกันไปในที่สุดได้เหมือนกัน ซึ่งพระพุทธองค์เป็นผู้ตรัสรับรองด้วยพระองค์เอง
หลักธรรมเพื่อรักอมตะ
ในสมัยพุทธกาลพราหมณ์ชื่อนกุลบิดาคฤหบดีเคยทูลถามพระพุทธองค์ว่า ตนรักภรรยาของตนในชาตินี้มาก ทำอย่างไรจึงจะได้เกิดมาแล้วครองรักกันอย่างนี้ไปทุก ๆ ชาติ
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า ถ้าหวังจะได้พบกันทั้งในปัจจุบันและในภพหน้า ทั้งสองคนพึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน และมีปัญญาเสมอกัน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑, สมชีวิสูตรที่ ๑)
แปลง่าย ๆ ได้ว่า ถ้าเราปิ๊งใครและอยากให้ความรักสมหวัง ก็ให้ชวนกันไปสร้างกุศลร่วมกันให้พร้อมทุกด้าน ได้ผลทั้งในปัจจุบันและรับประกันไปถึงชาติหน้าด้วย!
พระพุทธองค์ทรงเสริมด้วยว่า ถ้าทั้งสองคนมีความเป็นอยู่โดยธรรม กล่าวคำที่น่ารักแก่กันและกัน ทั้งสองย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุก รักใคร่กันมาก
อีกหนึ่งวิธีเพื่อเพิ่มดีกรีความรัก
พุทธศาสนานิกายเซนของญี่ปุ่นมีสำนวนหนึ่งว่า “ichi-go ichi-e” แปลตรงตัวได้ว่า “หนึ่งโอกาส หนึ่งการพานพบ” ซ่อนนัยยะไว้ว่า จงทำให้การพบกันครั้งนี้ดีที่สุด น่าประทับใจที่สุด “เพราะเวลาเช่นนี้อาจไม่มีอีกแล้ว”เพราะแม้แต่การพบกันครั้งแรกก็อาจจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายได้
ครูสอนซามูไรชื่อไดโดจิ ยูซัง เคยสอนซามูไรหนุ่มไว้เมื่อ 300 ปีที่แล้วว่า เมื่อเรานึกถึงความตายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความตายของเราเองหรือของคนในครอบครัวเรา การกระทำที่เรามีต่อคนเหล่านั้นก็จะเต็มไปด้วยความจริงใจและอ่อนโยน ใครจะนึกว่าซามูไรจะอธิบายมรณานุสสติได้โรแมนติคขนาดนี้
ชวนให้นึกถึงบทกวีของคาลิล ยิบราน ที่ว่า “…สิ่งที่เป็นอยู่คู่โลกเสมอมาคือเราจะไม่มีวันรู้ว่าเรารักใครมากแค่ไหนจนกระทั่งถึงเวลาแห่งการพลัดพราก…”
ดังนั้น การทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อคนที่เรารัก ร่วมกับคนที่เรารัก จึงเป็นคำตอบสุดท้าย!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :doctor-nash
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!