อาการเมารถเมาเรืออาจจะไม่มีอีกต่อไปในอีก 5-10 ปีข้างหน้านี้หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีการรักษาใหม่แล้ว
สาเหตุของอาการเมารถเมาเรือยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักวิทยาศาสตร์อยู่เรื่อยมา โดยทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดอธิบายว่า ข้อความที่ได้รับจากตาและหูสู่สมองนั้นทำให้เราเกิดความสับสนในขณะที่เรากำลังเคลื่อนที่
อาการดังกล่าวเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปและตัวเราเองก็มีโอกาสที่จะมีอาการเมารถเมาเรือหรือแม้แต่เมาเครื่องบินด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คนที่มีอาการเมาจนถึงขั้นรุนแรง เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ เหงื่อออก นั้นมีเพียง 3 ใน 10 คนเท่านั้น
งานวิจัยล่าสุดจากอิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการ Neurology อธิบายถึงแนวคิดการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆส่งไปที่หนังศีรษะให้ซึมไปถึงสมองส่วนที่รับผิดชอบการประมวลผลการเคลื่อนไหว ด้วยวิธีนี้ ผลกระทบจากข้อมูลขาเข้าที่น่าสับสนที่รับมาจากหูและตาจะลดลงไปได้ และจะช่วยป้องกันปัญหาที่จะก่อให้เกิดอาการเมารถเมาเรือต่อไปได้
และในอนาคต เทคนิคนี้อาจจะเป็นวิธีการขัดขวางกระบวนการเมารถเมาเรือที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย
ดร.คาเดียร์ อาร์ชาด แห่งสาขาแพทยศาสตร์ อิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน หัวหน้าในโครงการวิจัยครั้งนี้เผยว่า "เรามั่นใจว่าภายใน 5-10 ปีคนจะสามารถเดินไปหาเภสัชกรเพื่อหาซื้ออุปกรณ์ป้องกันการเมารถเมาเรือได้ ลักษณะคงคล้ายๆกับเครื่องที่เราใช้แก้อาการปวดหลัง เราหวังว่าเครื่องนี้จะสามารถผนวกรวมเข้ากับโทรศัพท์มือถือ และสามารถจะส่งกระแสไฟฟ้าที่พอเหมาะผ่านแจ๊คหูฟังไปยังสมองได้ หรือไม่ อาจจะเป็นรูปแบบของขั้วไฟฟ้าแปะไว้ที่ศีรษะตั้งแต่ก่อนเดินทาง แล้วเวลาขึ้นเรือก็ค่อยกระตุ้นไฟฟ้า เป็นต้น"
ในการศึกษาครั้งนี้ อาสาสมัครได้สวมขั้วไฟฟ้าไว้ที่ศีรษะเป็นเวลา 10 นาที จากนั้นได้รับคำสั่งให้นั่งที่เก้าอี้หมุนและขยับขึ้นลงได้เพื่อจำลองการเคลื่อนที่ของยานพาหนะที่ทำให้เกิดอาการเมา หลังจากได้รับการรักษาแล้ว อาสาสมัครรายงานว่ามีอาการคลื่นไส้ลดลง และหายจากอาการเมาเร็วขึ้น
ศาสตราจารย์ไมเคิล เกรสตี้ แห่งอิมพิเรียลคอลเลจ ลอนดอน นักวิจัยร่วมและผู้เชี่ยวชาญด้านอาการเมาเผยว่า "ปัญหาของวิธีการรักษาอาการเมารถเมาเรือคือประสิทธิภาพของวิธีนั้นๆ หากว่าเป็นระยะทางสั้นๆหรือเป็นผู้โดยสารคนหนึ่งคงไม่มีปัยหาอะไร แต่หากคุณทำงานอยู่บนเรือครุยส์แล้วมีอาการเมาเรือ คุณจะทำงานได้อย่างไรล่ะ"
"เราตื่นเต้นกับศักยภาพของวิธีการรักษาใหม่นี้ ที่จะช่วยป้องกันการเมารถเมาเรือได้โดยไม่มีผลข้างเคียง ประโยชน์จากวิธีนี้ก็เหมือนกับเรามียารักษาอาการเมาติดตัวอยู่ทุกที่ที่ไปเที่ยวนั่นแหละ"
ทีมวิจัยกำลังเริ่มเจรจากับภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ขึ้นจริง โดยปัจจุบันมีความสนใจจากทางการทหารเข้ามาแล้ว ซึ่งอาจจะสามารถช่วยเหลือคนที่ควบคุมโดรนทางไกลที่อาจจะมีอาการคลื่นไส้จากการควบคุมด้วยตาได้
"จากการศึกษาอื่นๆ การกระตุ้นสมองนั้นยังช่วยเพิ่มสมาธิและความตั้งใจได้ งานวิจัยนี้จึงเป็นที่สนใจกับทางทหาร และเราก็คิดว่ากลุ่มอื่นๆเช่นนักเรียนและคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาก็อยากจะเอาไปลองนะ"
"กระแสไฟฟ้าที่เราใช้ค่อนข้างน้อยและไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะคิดถึงเรื่องผลข้างเคียงหากเราใช้ในระยะสั้น"
ที่มา : vcharkarn.com
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
