พระราชอารมณ์ขัน"จากวังสวนจิตรฯ คราวหนึ่ง ในการเสด็จเยี่ยมราษฏรทางภาคเหนือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงแวะประทับค้างคืนที่หน่วยราชการแห่งหนึ่ง ซึ่งทรงคุ้นเคยกับบรรดาพนักงาน เจ้าหน้าที่ เพราะได้เคยเสด็จไปประทับที่นั้นมา3-4ครั้งแล้ว คราวนี้หน่วยงานราชการมีเวลาเตรียมตัวรับเสด็จค่อนข้างนานจึงเตรียมต้นไม้ไว้ให้ทรงปลูก อันเป็นประเพณีที่นิยมปฏิบัติกันทั้งในและต่างประเทศ เท่ากับเป็นการเน้นให้ประชาชนได้รู้สึกถึงคุณค่าของต้นไม้ ต้นไม้ที่หน่วยงานราชการแห่งนั้นเตรียมไว้ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูก ได้แก่ ต้นมะขามหวานเพชรบูรณ์ ซึ่งยกย่องกันว่าเป็นพันธุ์มะขามหวานรสดีที่สุดและราคาแพงที่สุด
ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับท่านผู้อำนวยการหน่วยงานแห่งนั้นว่า "ให้ปลูกมะขามเหรอ นี้คงจะเห็นฉันตัวโค้งๆ งอๆ เหมือนมะขามหรือไง?" ท่านผู้อำนวยการถึงกับสั่น ครั้นกุมสติได้จึงกราบบังคมทูลว่า "พระราชอาญาไม่พ้นเกล้าฯ มะขามนั้นเป็นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงคงทน อายุยืนมาก ก็ประสงค์ว่า อยากจะเห็นให้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระเจริญ มีพระชนมายุยืนนานเป็นที่พึ่งแก่ปวงข้าพระพุทธเจ้าและราษฎรชาวบ้านให้นานแสนนานพะย่ะค่ะ"
ถึงวาระสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีจะทรงปลูกบ้างต้นไม้ที่หน่วยงานราชการแห่งนั้นจัดเตรียมไว้คือ ต้นส้มโอ มเด็จพระเทพฯ รับสั่งด้วยพระพักต์ยิ้มแย้มสดชื่นว่า "นี้คงจะเห็นฉันอ้วนตุ๊เป็นส้มโอล่ะซี" ท่านผู้อำนวยการหน้าซีด นึกเคืองอยู่เหมือนกัน ที่ลูกน้องฝ่ายจัดหาช่างกระไรไปเลือกส้มโอมา นิ่งคิดหาทางออกอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลั้นใจกราบบังคมทูลว่า "พระราชอาญาไม่พ้นเกล้า ที่น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมให้ทรงปลูกส้มโอ ก็เพราะชาวบ้านอำเภอนี้ถือว่าส้มโอคือบ่อเงินบ่อทองพะย่ะค่ะ... ปีๆ หนึ่งทำเงินเป็นสิบๆล้าน ขึ้นชื่อว่าส้มโอจังหวัดไหนๆ ก็สู้ของที่นี้ไม่ได้ เป็นสมบัติอันล้ำค่าทางเกษตรพะย่ะค่ะ...ก็อยากจะให้พระบารมีคุ้มเกล้าฯ อย่าให้ส้มโอที่อื่นมาแย่งเอาตำแหน่งยอดส้มโอไปจากที่นี้พะย่ะค่ะ" รับสั่งต่อด้วยอารมณ์ขันว่า "รับรองต้องตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยเหมือนคนปลูก"