2. ป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อลำไส้ไม่ว่าจะเป็น ซัลโมเนลลา , อีโคไล , โคลิฟอร์มแบคทีเรีย พูดง่ายๆ ก็คือโยเกิร์ตสามารถยังยั้งอาการปวดท้องหรือท้องเสียที่เกิดจากเจ้าเชื้อโรคดังกล่าวได้นั่นเอง
3. มีการวิจัยออกมาว่า การรับประทานโยเกิร์ดเป็นประจำนั้นสามารถรักษาอาการท้องเสีย ท้องเดิน หรือโรคแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างดี
4. โยเกิร์ตช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากนมได้ดีขึ้น โดยในโยเกิร์ตมีกรดแลคติกที่ช่วยย่อยแคลเซียมได้ง่ายนั่นเอง
5. ในโยเกิร์ตมีแลคโตบาซิลลัส ซึ่งสามารถช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ที่อยู่ในเลือดได้ ดังนั้นจึงมักเห็นผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน มีส่วนผสมของโยเกิร์ตอยู่
6. นอกจากนั้นเจ้าแลคโตบาซิลลัส ยังสามารถช่วยตรวจจับสารโลหะหนัก สารก่อมะเร็งและกรดน้ำดีซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายได้ พูดง่ายๆ ก็คือโยเกิร์ตนั้นเป็นสารที่ยับยั้งและป้องกันการเกิดมะเร็งได้นั่นเอง นอกจากนั้นแลคโตบาซิลลัสยังสามารถยับยั้งไม่ให้แบคทีเรียในลำไส้สร้างสารไนเตรทที่เป็นอันตรายอีกชนิดหนึ่งกับร่างกายได้อีกด้วย
7. โยเกิร์ตสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยมีการวิจัยบางชนิดพบว่า หากรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ถ้วย แบคทีเรียในโยเกิร์ตจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ร่างกายป่วยไข้ได้ง่าย
8. ช่วยฆ่าเชื้อราต่างๆ ได้ โดยเฉพาะเชื้อราบริเวณช่องคลอดของสาวๆ ซึ่งมักจะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยหากรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดเชื้อราชนิดนี้ลงไปค่ะ
9. ทานโยเกิร์ตช่วยให้ไม่มีกลิ่นปาก เนื่องจากเจ้าแลคโตบาซิลลัส และสเตรปโตคอคคัสจะช่วยกำจัดแบคทีเรียในปากที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากนั่นเอง
10. นอกจากนี้โยเกิร์ตยังสามารถนำไปใช้ในการเสริมความงาม เช่น มาร์คหน้า พอกหน้า พอกตัว เพื่อบำรุงผิวพรรณให้สวยสดใสได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า คุณประโยชน์ต่างๆ ของโยเกิร์ตนั้นมีมากมายหลากหลายอย่างมาก
ดังนั้นจึงแทบจะพูดได้ว่า โยเกิร์ตนั้นเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
แต่มีข้อแนะนำสำหรับคนที่ชอบรับประทานโยเกิร์ตว่า ให้เลือกรับประทานชนิดพร่องไขมัน
หรือแบบธรรมชาติจะดีกว่า ทั้งนี้เพราะโยเกิร์ตที่ปรุงแต่งรสผลไม้นั้น
มักจะมีส่วนประกอบที่เป็นน้ำตาลอยู่เยอะ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเลยสักเท่าไหร่นะ
เเละสุดท้ายนอกจากหาโยเกิร์ตรับประทานอย่างเป็นประจำเเล้ว
ก็อย่าลืมออกกำลังกายกับพักผ่อนให้เพียงพอกันด้วยนะ